เมื่อเช้า (๙ กค. ๔๙) ระหว่างวิ่งออกกำลัง ผมคิดถึงครูเหรกขึ้นมาโดยไม่รู้เหตุผล ครูเหรก คือ รศ. นพ. อติเรก ณ ถลาง ผู้เคยเป็นคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มอ. ๒ ครั้ง รวม ๔ ปี ในช่วงปี ๒๕๒๒ - ๒๕๒๘ ท่านเสียชีวิตแล้วจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
ท่านเคยเป็นอาจารย์ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ จุฬาฯ และเป็นหัวหน้าหน่วยบรรเทาทุกข์ สภากาชาดไทย ดังนั้นชีวิตของท่านจึงทำความดีไว้มาก
คนทั่วไปจะจำครูเหรกได้ที่ความสามารถในการเล่าเรื่องตลกของท่าน เป็นพรสวรรค์เฉพาะตัวที่หาได้ยาก ดังนั้นเวลามีงานเลี้ยงจะมีคนมารุมล้อมครูเหรกแน่น และจะมีคนคอยชงเหล้า หรือรินเบียร์ให้ พอได้ที่เรื่องเล่าที่โหมโรงด้วยเรื่องเล่าสีขาวหรืออยู่เหนือสะดือมากๆ ก็จะค่อยๆ มีสีฉูดฉาดหรือเลื่อนต่ำกว่าสะดือลงไปเรื่อยๆ พวกสาวๆ จะชอบเป็นพิเศษ
ความสามารถนี้ ทำให้ครูเหรกสามารถสร้างความสามัคคีในกลุ่มอาจารย์ ข้าราชการคณะแพทย์ มอ. ซึ่งช่วงนั้นขวัญเสีย และมีความขัดแย้งสูง ท่านช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และทำให้คนที่ไม่ค่อยยอมพบกัน มาพบกันร่วมมือกันได้ เป็นทักษะที่ผมไม่มี หรือผมมีจุดอ่อนด้านนี้
เรื่องเล่าใต้สะดือที่ผมพอนึกออกเช่น หมวยกับเตี่ยในคืนแต่งงาน ลิงอวกาศ เรื่องสะอาด เช่นคนปักษ์ใต้ทักทายกันเมื่อรถไฟสวนกัน วิธีเล่าของท่านจะทำให้เรื่องธรรมดาๆ กลายเป็นเรื่องตลกเรียกเสียงหัวเราะได้ ผมสังเกตว่าท่านจะมีวิธีสอดใส่ "บริบท" ของเรื่องตามกลุ่มผู้ฟัง คือมีการ "จัดการความรู้" ในกระบวนการเล่าเรื่องโจ๊กด้วย
ครูเหรกจะให้ความเมตตาผมเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะท่านเคยบวชที่สวนโมกข์ ท่านบอกว่าพี่น้องท่านเป็นลูกศิษย์ท่านพุทธทาสทุกคน ผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับสวนโมกข์ ว่าพระยาอมรฤทธิ์ธำรง บิดาของท่านเคยเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ได้เคยจัดเรือยนต์พาท่านพุทธทาสไปเทศน์ในที่ต่างๆ ท่านเจ้าคุณอมรฤทธิ์ธำรงจัดเป็นผู้อุปถัมภ์สวนโมกข์ในช่วงแรกๆ
พี่น้องท้องนี้เก่งๆ ทั้งนั้น ที่ผมรู้จักคือ ฐะปะนีย์ วทัญญู อติเรก เอกวิทย์ (ณ ถลาง) ท่านแรกเมื่อแต่งงานใช้นามสกุล นาครทรรพ เป็นคุณแม่ของ ดร. สีลาภรณ์ (บัวสาย) และ ดร. อมรวิชช์ นาครทรรพ เป็นคนดีและเก่งมาตั้งแต่ชั้นพ่อ ลูก จนถึงหลาน
วิจารณ์ พานิช
๙ กค. ๔๙