การให้กำลังใจตัวเอง

          หลายคนคงเคยเผชิญกับปัญหาจนทำให้เกิดความท้อแท้ สิ้นหวัง และหมดกำลังใจ จะมองไปทางไหนก็รู้สึกหดหู่ ช่วงเวลาแบบนี้แน่นอนค่ะว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนรอบข้าง ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน ก็ล้วนแต่ต้องการทั้งนั้นในช่วงเวลาแบบนี้ ซึ่งมีอีกกำลังใจที่สำคัญในการจะเป็นแรง ผลักดันให้เราก้าวต่อไปก็คือ กำลังใจจากตัวเราเอง กำลังใจตัวนี้สำคัญมากๆ เพราะหากไม่มีตัวนี้แล้วกำลังใจตัวอื่นๆ ก็ช่วยไม่ได้เต็มร้อย

          คนเราต้องอย่าหมดหวังในชีวิตต้องจำเอาไว้ว่าทุกปัญหามีทางออก ท้อได้แต่อย่าถอย ล้มได้แต่ต้องลุกอย่านอนนิ่ง อย่างตอนที่แล้วดิฉันได้กล่าวถึงเรื่องที่ว่า เราจะเป็นอย่างที่เราคิด นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างกำลังใจให้กับตัวเองเช่นกัน ในทุกๆ วันของการดำเนินชีวิตให้คิดไว้เสมอว่าเรามีกำลังใจอยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา เพราะมันจะเป็นเหมือนพลังให้เราสู้ สู้กับอุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

          มีอยู่บทความหนึ่งดิฉันไปอ่านแล้วชอบมากและคิดว่ามันจะช่วยให้หลายๆ คนที่อ่านมีกำลังใจขึ้นมาค่ะ เขาบอกว่าขอให้คุณคิดเสมอว่า ถ้าหากกำลังมีทุกข์ ขออย่าคิดว่าทุกข์ของตนเองมากมายกว่าผู้อื่น ให้เพียรพยายามคิดว่าผู้อื่นก็มีทุกข์ไม่น้อยไปกว่า หรืออาจจะหนักหนาสาหัสกว่าเสียอีก หากนำความทุกข์ไปเปรียบกับผู้ที่แย่กว่า จะช่วยให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น และรู้สึกว่ายังโชคดีกว่าอีกหลายๆ คน ดังเช่นที่นักปราชญ์เคยกล่าวเอาไว้ว่า 
          ในขณะที่ท่านกำลังร้องห่มร้องไห้เพราะไม่มีรองเท้าใส่ ท่านควรคิดถึงคนที่เขาไม่มีแม้กระทั่งเท้า
หรือหากท่านเสียใจที่ไม่มีเท้า แต่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีทั้งเท้าและทั้งแขน 
          หากทำงานและธุรกิจล้มเหลวก็ขอให้คิดว่า ความผิดพลาดและล้มเหลว คือบทเรียนเริ่มต้นของความสำเร็จ  เหมือนคำกล่าวที่ว่า  บทเรียนชีวิตที่ดีที่สุด ล้วนได้มาจากความผิดพลาดล้มเหลวของตนเอง
ความโง่เขลาเบาปัญญาและความผิดพลาดในอดีต จะกลายเป็นสติปัญญา และความสำเร็จในอนาคต

          ซึ่งเทคนิควิธีการให้กำลังตัวเองก็มีด้วยกันหลายวิธี อยู่ที่ใครจะเลือกใช้แบบไหนเพื่อให้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดค่ะ อย่างเช่น

          1. การหยุดคิดสิ่งไม่ดี เราต้องหยุดคิดในทุกๆ เรื่องที่จะส่งผลให้เราหมดกำลังใจ หรือความท้อเพิ่มขึ้นมาอีก การหยุดคือการยุติเรื่องราวที่บั่นทอนจิตใจเราไว้เพียงเท่านั้น แล้วใช้ระยะเวลาในการบำบัดต่อไปด้วยวิธีการต่างๆ

          2. คิดบวก  หลังจากที่เราหยุดคิดสิ่งไม่ดีแล้ว เราต้องพยายามคิดแต่สิ่งดีๆ เพื่อเป็นการชดเชย การคิดบวกคิดได้ทุกเรื่องที่จะทำให้เราสบายใจและมีความสุข โดยไม่ต้องไปหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ใจ

          3. อย่าคาดหวัง  การทำอะไรก็ตามที่เราคาดหวังความสำเร็จเอาไว้มากๆ เมื่อไม่ได้มาซึ่งสิ่งนั้นเราก็จะเกิดความรู้สึกผิดหวังมากเช่นกัน ดังนั้นเราไม่ควรตั้งความหวังเอาไว้สูงควรตั้งเอาไว้เริ่มจากต่ำก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้เรามีเป้าหมายนะค่ะ เพราะการทำอะไรก็ตามเราต้องมีเป้าหมาย แต่การไปให้ถึงเป้าหมายนั้นให้เริ่มทีละเล็กทีละน้อยไปเรื่อยๆ จนถึงเป้าหมายค่ะ

          4. ทำลายความเศร้า  เราต้องพยายามสลายเอาความเศร้าออกจากตัวเราให้เร็วมากที่สุด เพราะเวลาเป็นสิ่งมีค่า ไม่มีใครจะล้มไปได้ตลอดมันต้องมีสักวันที่เป็นของเรา ดังนั้นเราต้องพยายามให้จิตใจเรากลับคืนสภาวะปกติโดยเร็ว เช่น การหาคำคมของนักปราชญ์เกี่ยวกับการให้กำลังใจ มาอ่านหรือติดไว้บนโต๊ะทำงาน การส่งโปสการ์ดถึงตัวเราเอง โดยเขียนระบายความรู้สึกลงไปมันจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น หรือหาบทเพลง หนัง ละคร ที่เราชอบมาดูมาฟังมันก็จะช่วยผ่อนคลายได้บ้าง

          ลองเอาไปประยุกต์ใช้ดูนะค่ะ ดิฉันเชื่อว่าอุปสรรคมันจะต้องผ่านเข้ามาในชีวิตของเราทุกคนเป็นแน่ แต่สิ่งสำคัญต้องอย่าลืมนะค่ะ คือการให้กำลังใจตัวเองแล้วมันจะทำให้คุณผ่านพ้นอุปสรรคไปได้อย่างแน่นอนค่ะ