มหาวิทยาลัยนาลันทา


มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก

          มหาวิทยาลัยนาลันทาตั้งอยู่ในเมือง ๆ หนึ่งในแคว้นมคธ ชื่อว่า "นาลันทา" แปลว่า "เป็นที่ไม่เคยปฏิเสธ ในการให้" เมืองอยู่ห่างจากกรุงราชคฤห์ ประมาณ 1 โยชน์ หรือประมาณ 16 กิโลเมตร ณ เมืองนี้มีสวนมะม่วง ชื่อ ปาวาริกัมพวัน (สวนมะม่วงของปาวาริกเศรษฐี) ซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับแรมหลายครั้ง นาลันทาเป็นบ้านเกิดของพระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า มหาวิทยาลัยนาลันทาเริ่มสร้างขึ้นครั้งแรก ตั้งแต่สมัย พระเจ้าอโศกมหาราช แห่งราชวงศ์โมริยะ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 3 ในปัจจุบันเมืองนาลันทาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากเมืองราชคฤห์ใหม่ประมาณ 12 กิโลเมตร ห่างจากเมืองปัตนะ รัฐพิหาร ประมาณ 90 กิโลเมตร ถึงแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ภายหลังการขุดค้นพบซากมหาวิทยาลัยนาลันทาแล้ว ทางรัฐบาลรัฐพิหารได้ประกาศยกฐานะหมู่บ้านนาลันทา เป็นอำเภอนาลันทา (ที่ว่าการอำเภออยู่ที่พิหารชารีฟ ตั้งอยู่ห่างจากนาลันทา 12 กิโลเมตร)

        จากซากปรักหักพังของนาลันทามหาวิหารทำให้เรานึกถึงว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธศาสนาในอินเดียได้เจริญรุ่งเรืองอย่างสูง และกลับตกต่ำลงจนแทบไม่เหลืออะไรเลย ซึ่งไปตามหลักเหตุปัจจัย อันเป็นหลักสำคัญในพุทธธรรมนั่นเอง

       เมื่อครั้งสมัยที่มหาวิทยาลัยนาลันทาเจริญรุ่งเรืองมาก มหาวิทยาลัยนาลันทาเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุด เก่าแก่ที่สุด มีชื่อเสียงมากที่สุด มีห้องประชุมขนาดใหญ่ ซึ่งบรรจุผู้ฟัง ได้มากกว่าพันคนขึ้นไป มีถึง 8 ห้อง, มีห้องเรียนกว่า 300 ห้อง, มีห้องพระคัมภีร์ขนาดใหญ่ และมีหอพักนักศึกษา ในมหาวิทยาลัยพร้อม โดยมีโรงครัว ยุ้งฉาง สำหรับการหุงหาอาหาร เลี้ยงพระนักศึกษา เหล่านั้นด้วย

       ปัจุบันมหาวิทยาลัยนาลันทามีรัฐบาลอินเดียเป็นผู้ดูแลและมีการเก็บค่าธรรมเนียมในการเยี่ยมชมด้วย ซึ่งอัตราค่าเยี่ยมชมถ้าเป็นคนอินเดีย 5 รูปี แต่ถ้าเป็นคนต่างชาติ 100 รูปีต่อหัวต่อคน ช่วงเวลาในการเยี่ยมชมตั้งแต่เวลา 09.00 น.ถึง 05.30 น

ทางเข้ามหาวิทยาลัยนาลันทา (NALANDA)

          เมื่อเสร็จจากการเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแล้ว ก็ทำให้เราได้ข้อคิดว่าอินเดียเป็นเสมือนแหล่งผลิตวัฒนธรรมในยุคอดีต ก่อนที่สังคมไทยจะนำเข้าวัฒนธรรมมาจากตะวันตก ผลผลิตอันเป็นวัตถุดิบทางวัฒนธรรมนั้นไทยเรานำเข้ามาจากอินเดียมากมายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นภาษา วรรณกรรม ความเชื่อ จารีต ประเพณี ล้วนแล้วแต่นำเข้ามาจากอินเดีย แล้วมาปรุงแต่งให้เป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย วรรณคดีไทย ความเชื่อแบบไทย รวมทั้งจารีตประเพณีต่าง ๆ ส่วนใหญ่สังคมไทยได้รูปแบบมาจากอินเดียทั้งนั้น ดังนั้น มหาวิทยาลัยนาลันทาในอดีตก็คือแหล่งผลิตวัฒนธรรมแหล่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่เราควรเหลียวกลับไปดู

 

หมายเลขบันทึก: 422088เขียนเมื่อ 23 มกราคม 2011 13:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่านาลันทา..เมืองชนบทที่น่าอยู่อีกแห่งหนึ่ง

ขอบคุณเช่นเดียวกันที่เข้ามาเยี่ยมชม และแสดงความคิดเห็น ไปอินเดียเมื่อกลับมาเราจะได้อะไรจากอินเดียมากมาย ถ้าเราเหลียวกับไปดู

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

พี่เป็นศิษย์เก่ามคธคะ

ไปเรียนตั้งแต่ปี ๒๕๑๙ เรียน Modern History

สองปี อยู่ที่พุทธคยา ทำให้ผูกพันกับอินเดียมาก

ยังมีเรื่องให้น่าติดตามอีกเยอะคะ สำหรับ "อินเดีย"

ยินดีที่รู้จักศิษย์เก่ามคธอีกท่านหนึ่ง ด้วยความคิดเห็นเป็นการส่วนตัวว่า "อินเดียเป็นบ่อน้ำพุแห่งปัญญา" ที่พร้อมจะให้ใครจะเข้าไปศึกษา ค้นค้นคว้า ไม่รู้จบ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ส่วนหนึ่งของผลิตผลทางการศึกษาจากอินเดีย ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญอยู่ในสังคมไทยมากมาย ทั้งในทางพุทธศาสนา การศึกษา และวิชาชีพอื่นๆ

สวัสดีค่ะอาจารย์

เห็นภาพนาลันทาแล้ว เห็นแรงศรัทธาต่อพุทธศาสนา แม้ปัจจุบันยังคงยิ่งใหญ่ในความรู้สึก

มาส่งความระลึกถึงค่ะ

ขอบคุณ คุณpoo ครับ ระลึกถึงเช่นกันครับ

สวัสดีค่ะ

มารับความรู้

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ ณัฐรดา

ขอบคุณครับที่เข้ามาเยี่ยมชม

ขอบคุณ อ. ธ.วั ช ชั ย ที่เข้ามาให้กำลังใจ

  • สวัสดีค่ะ อาจารย์เมธา
  • "จากสูงสุดกลับคืนสู่สามัญ"   สรรพสิ่งรุ่งเรืองและร่วงโรยตามกฎอนิจจัง
  • ขอบพระคุณเรื่องราวและข้อคิดดี ๆ ค่ะ

ธรรมทิพย์ สวัสดีครับ

ใช่เลย จากสูงสุดกลับคืนสู่สามัญ เป็นแง่คิดในทางพระพุทธศาสนา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท