เราก็มีความสุขที่ได้เลี้ยงมัน มันเป็นเพื่อนเรา และเราเป็นเพื่อนมัน มันสุขเราสุข มันเศร้าเราเศร้า ไม่มีใครที่จะสุขและจะทุกข์มากไปกว่ากันค่ะ
คนเราชอบเปรียบเทียบสิ่งที่ตัวเองคิดว่าต่ำต้อยเป็นสุนัข แต่คนบางคนไม่มีในสิ่งที่สุนัขมี คือความจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ (ต่อแผ่นดิน)
หมา หรือสุนัข ถ้าเรียกให้ไพเราะ แต่ทั้งหมาและสุนัขก็คือสิ่งที่มีชีวิตจิตใจ รู้จักรักและเอาใจ แต่มันพูดไม่ได้เท่านั่นเอง
ครูอ้อยมีเรื่องเกี่ยวกับหมาหมามากพอๆกับอายุของครูอ้อยเลย ลองอ่านเรื่องนี้ก่อนค่ะ ที่นี่
ครูอ้อยจะมีความผูกพันกับหมามาก ด้วยเหตุผลตามที่ท่านได้อ่านในบันทึกของครูอ้อยแล้ว เห็นหมาที่ไหนเป็นเอ็นดู และเจ้าหมาก็จะมีสัญชาติญาณเดินมาหาครูอ้อยเสียเรื่อยไป สงสัยมันรู้กลิ่น หรือไม่ก็รู้ว่าเป็นพวกมัน
แต่ครูอ้อยชมชอบหมามากกว่าคนในบางเรื่อง และจะยกตัวอย่างให้นักเรียนอยู่เสมอ ว่าครูอ้อยเลือกหมาเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ ลองเลี้ยงดูสิคะ
ตรงประเด็นเสียที คุณมีความสุขเหมือนหมาหรือเปล่า
หมามีความสุขทุกเวลา มันพร้อมที่จะเล่น และช่างค้นช่างหาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
คนเราล่ะ เคร่งเครียด หน้าตาบูดเบี้ยวตลอด
แต่ครูอ้อยพยายามมีความสุขออกนอกหน้า ครูอ้อยจะคุยกับเพื่อนๆ คุยกับนักเรียน สอนนักเรียนด้วยความสุข และเรียนอย่างมีความสุข กลับมาบ้านครูอ้อยก็พูดกับคนที่บ้านอย่างมีความสุข เล่าเรื่องสนุกให้ทุกคนฟัง เช่น เรื่อง นายบอนเขียนชื่อครูอ้อยเป็นครูน้อยอยู่เรื่อย......ยี้
กรรม มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว
หากปฏิบัติกรรมดี ก็จะได้รับกรรมดีตอบแทน ความสุขก็จะตามมา
คนเราดูเหมือนว่า จะมีข้อแม้และเงื่อนไขมากมาย...
แต่หมา ไม่มีเลย...
ถูกต้อง ข้อความนี้ คน กำหนดกฏเกณฑ์ในชีวิต ในสังคมมากมายเสียเหลือเกิน ทำตัวนอกกรอบก็ไม่ดี ขอปีนตามกรอบก็ได้นะ
บอกแล้วไงว่า คนกำหนดว่า สิ่งนี้ดี สิ่งนี้ไม่ดี นี่คือทองของมีค่า
รู้ทั้งรู้แต่เราก็ไม่ทำ สู้หมาก็ไม่ได้
มันไม่รู้สักหน่อย มันก็พยายามทำดีให้เจ้านายรัก
สู้หมาก็ไม่ได้ ทำให้นายรักไม่ได้
หมามันรู้ว่า นายชอบอะไร มันล่ะเอาใจไปทุกอย่าง
สู้หมาก็ไม่ได้ รู้ว่านายชอบอะไร ยังไม่เอาใจนายอีก
เฮ้อ...สู้หมาไม่ได้เลย
คิดเอาเองว่า เป็นหมา หรือ เป็นคน น่าจะมีความสุขกว่ากัน..อิอิ