กศน. ตำบล กับภารกิจ ๖ เดือน ๖ คุณภาพ ของการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ ๒ ของกระทรวงศึกษาธิการ และ หนึ่งใน ๖ คุณภาพ ก็คือ "คุณภาพการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน" ที่มุ่งเน้นให้ กศน.ตำบลเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนตลอดชีวิต ให้ กศน. ตำบลเป็นการศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย ที่เป็นการเรียนฟรี สำหรับประชาชนวัยทำงาน ๓๐ ล้านคน และเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนของประชาชนนอกระบบทั้งหมด สามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ส่งเสริมเรื่องทักษะชีวิต และความเป็นพลเมือง
ผมจะลองถอดกระบวนการทำงานของ กศน. ตำบล ออกมาทีละเรื่อง....นะครับ? เอาเป็นว่า ตามประสบการณ์การทำงานของครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ผมได้เกริ่นเรื่องนี้ไปบ้างแล้วในบันทึกที่ผ่านมา... กศน.เป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนตลอดชีวิต ตามความคิดของผมแล้ว จะต้องทำให้ กศน. ตำบล เป็น "ศูนย์กลาง" การเรียนรู้ตลอดชีวิต เอาง่ายๆ คือ การสร้าง ศูนย์เรียนรู้ย่อย/แหล่งเรียนรู้ ในชุมชน โดยการสำรวจ รวบรวม และพัฒนาศูนย์เรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ ผู้รู้/ภูมิปัญญา ของชุมชน ประกาศจัดตั้งให้ชัดเจนเพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นการเรียกความเชื่อมั่นและความศรัทธาของประชาชนที่จะเข้าใช้บริการ จัดกิจกรรมกระตุ้นให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ในศูนย์เรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ย่อย โดยใช้ กศน. ตำบล เป็นแม่ข่ายในการจัดกระบวนการเรียนรู้ ประสานงานกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย ในการบูรณาการในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับชุมชน ตามภารกิจงานของแต่ละองค์กร/หน่วยงาน ใช้ชุมชนเป็นฐานในการจัดกิจกรรม ข้อมูลต่างๆ แผนชุมชนพึ่งตนเอง แผนพัฒนาของ อบต. การทำหลักสูตรการจัดกระบวนการเรียนรู้ ตามความต้องการของชุมชน ตามบริบทและวิถีการดำเนินชีวิตของคนในชุมชนร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายแบบบูรณาการการทำงานร่วมกัน
สำหรับเรื่องของการจัดการศึกษานอกระบบมี ๒ รูปแบบ คือ การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ การศึกษานอกระบบ (การศึกษาต่อเนื่อง) ที่จัดให้ประชาชนเรียนฟรี ทั้ง ๒ รูปแบบ ได้กำหนดจำนวนเป้าหมายให้ กศน. ตำบลดำเนินการอย่างชัดเจน... โดยเฉพาะเรื่องการศึกษานอกระบบ (การศึกษาต่อเนื่อง) ที่มีงบประมาณจัดกิจกรรม อุดหนุนลงมาแบบที่เรียกว่า ล่ำซำ (๗๕,๐๐๐.-บาท)ในแต่ละ กศน. ตำบล นับว่าเป็นเงินไม่น้องเลยเมื่อเทียบกับตอนที่ครูอาสาฯจัดกิจกรรม(ได้น้อยกว่านี้เกือบครึ่ง) แต่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ว่า กศน. ตำบลจะมีวิธีดำเนินการอย่างไร ให้คนเรียนฟรีและประหยัดงบประมาณด้วย ในการจัดการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณ แต่สำหรับการศึกษาต่อเนื่อง ผมคิดว่าหากเราใช้ชุมชนเป็นฐาน ใช้บริบท และวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชน และข้อมูลความต้องการของคนในชุมชน อีกทั้งการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย จะทำให้ประหยัดงบประมาณลงได้อีกเยอะ....เพราะไม่มีใครที่ไม่อยากเรียนรู้ในสิ่งที่อยู่ในวิถีการดำเนินชีวิตของตนเอง....การใช้ศูนย์เรียนรู้/แหล่งเรียนรู้/ภูมิปัญญาของชุมชนมาร่วมจัดกระบวนการเรียนรู้ก็เป็นการประหยัดงบประมาณ และการบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายจะลดความขัดแย้งและการแข่งขันในการทำงานอีกด้วย
การที่จะให้เป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชน ของประชาชน และสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา กศน. ตำบลต้องมีความพร้อมในการให้บริการ ข้อมูล ข่าวสาร ทั้งเป็นเอกสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา จะต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ให้คนสามารถเรียนรู้ตามความสนใจ เช่น การจัดทำเว็บไซด์ ของ กศน.ตำบล เรามีศูนย์เรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ เรื่องใดบ้าง ก็นำข้อมูล/องค์ความรู้ของศูนย์เรียนรู้/แหล่งเรียนรู้นั้นมาลงในเว็บไซด์ ให้คนได้เรียนรู้ และสามารถจะไปเรียนรู้ในสถานที่จริงได้หากมีความสนใจและต้องการ
สำหรับ ๒ เรื่องนี้ จริงๆ แล้วเป็นงานในภารกิจหลัก ของ กศน. ในกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องเช่นกัน บางคนอาจมองเป็นกิจกรรมเดียว คือ การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปอีก "ส่งเสริมทักษะชีวิต" เรื่องอะไร...? ทักษะการอยู่ร่วมกันในสังคม ทักษะการอยู่รอดปลอดภัย ทักษะการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ซึ่งสอดคล้องสัมพันธ์อยู่กับกิจกรรมอื่นๆ ของกศน. และเรื่องของความเป็นพลเมือง อันที่จริงก็อยู่ในการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต เกี่ยวกับประชาธิปไตย การเป็นพลเมืองที่ดี บทบาทหน้าที่ของการเป็นพลเมืองที่ดี ซึ่งยังเป็นวิชาหนึ่งที่อยู่ในหลักสูตรการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่หากเราจะมองให้ลึกลงไปก็ต้องมาดูว่า หากจัดกระบวนการให้คนรู้บทบาทหน้าที่ของความเป็นพลเมืองแล้วสามารถที่จะเชื่อมโยงกระบวนการกับการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมชุมชนได้....
ทั้งหมดนี้แล้วแต่ใครจะมอง....สำหรับผมแล้ว....คิดว่าถึงเวลาที่ กศน. จะทำให้สังคมยอมรับ...และพูดได้เต็มปากว่า กศน. เป็นหน่วยงานจัดการศึกษาเพื่อประชาชน....สมกับการใช้โลโก้ "กศน.เพื่อนเรียนรู้"
สวัสดีครับ....อ.ดาธิณี
สวัสดีคุณครู... อ.ดาธิณี