พบกลุ่มนักศึกษา ๙ ม.ค. ๕๔


วันอาทิตย์ที่ ๙ มกราคม  ๒๕๕๔

กศน.ตำบลบ้านหีบ ดำเนินการพบกลุ่มนักศึกษา สายสามัญ

             - ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น  ระหว่างเวลา  ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐  น.  มีนักศึกษามาพบกลุ่มจำนวน  ๖  คน

             - ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ระหว่างเวลา  ๑๒.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. มีนักศึกษามาพบกลุ่มจำนวน  ๑๓  คน

กิจกรรมการนิเทศ

             เวลาประมาณ  ๑๐.๓๐ น. อาจารย์ฐิฎา  ทองเจิรญ  ได้มานิเทศกลุ่มนักศึกษาพูดคุยสอบถามเรื่องการมาพบกลุ่ม และให้กำลังใจผูเรียน

กิจกรรมการพบกลุ่ม

เนื้อหาวิชา น้ำกับชีวิต  (ค้นคว้ามาบางส่วน)

วิชาน้ำกับชีวิต  (พว ๐๒๐๑๙)

การกำเนิดน้ำบนโลก

           โลกก่อกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ ๔,๖๐๐ ล้านปีมาแล้วนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าดาวเคราะห์ทั้งหลายรวมทั้งโลกเกิดขึ้นพร้อมกับดวงอาทิตย์   แต่มีขนาดเล็กกว่าโลกที่ก่อกำเนิดขึ้นใหม่ๆ มีลักษณะเป็นกลุ่มฝุ่นและก๊าซหลายชนิดร้อนจัดหมุนวนอยู่ในอวกาศ โลกในขณะนั้นยังไม่มีน้ำอยู่บนพื้นผิว  นานหลายร้อยล้านปีหลังจากนั้นเมื่อโลกค่อยๆเย็นลงจนมีอุณหภูมิต่ำกว่าไอน้ำเดือดและเปลือกโลกบางส่วนแข็งกลายเป็นหิน จึงเริ่มมีไอน้ำเกิดขึ้นแทรกอยู่ในหิน  ไอน้ำที่เกิดขึ้นนี้ลอยสูงขึ้นจากเปลือกโลกเข้าไปอยู่ในบรรยากาศซึ่งประกอบด้วยก๊าซหลายชนิด  และเนื่องจากบรรยากาศของโลกขณะนั้นมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิที่พื้นผิว  ไอน้ำที่ลอยขึ้นไปจึงกลั่นตัวเป็นละอองน้ำกลายเป็นเมฆดำลอยปกคลุมอยู่รอบๆโลก
          นานหลายพันปีหลังจากนั้น  เมฆที่ปกคลุมอยู่รอบๆโลกได้ช่วยป้องกันมิให้รังสีจากดวงอาทิตย์ตกลงสู่โลก  เป็นเหตุให้โลกเย็นตัวลงเร็วขึ้น  พื้นผิวของโลกจึงกลายเป็นหินแข็งไปทั่ว แต่ภายในยังร้อนจัดอยู่
         หลังจากนั้นอีกไม่นาน  เมื่อพื้นผิวของโลกมีอุณหภูมิลดต่ำลงไปอีกละอองน้ำในก้อนเมฆก็รวมตัวกลายเป็นฝนตกลงมายังพื้นผิวของโลกในทำนองเดียวกันฝนที่ตกลงสู่พื้นดินในปัจจุบัน  ฝนที่ตกลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เกิดมีน้ำขังอยู่ทั่วไปบนพื้นหินซึ่งเป็นที่ต่ำและได้กลายเป็นแอ่งน้ำกว้างใหญ่ในระยะต่อมากลายเป็นทะเลการรวมตัวของน้ำฝนบนพื้นผิวโลกจนกลายเป็นทะเลนี้กินเวลานานถึงพันล้านปี สิ่งมีชีวิตเริ่มเกิดขึ้นในทะเล เริ่มจากพืชเซลล์เดียวก่อน พืชเซลล์เดียวในทะเลเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการแบ่งตัวเองออกเป็นสอง จากสองเป็นสี่ และจากสี่เป็นแปด เช่นนี้เรื่อยไปพืชในทะเลสามารถสร้างอาหารขึ้นได้เองในระยะเวลาเดียวกันนั้นเองได้เกิดสัตว์เซลล์เดียวขึ้นในทะเล สัตว์เซลล์เดียวในทะเลสร้างอาหารเองไม่ได้ต้องกินพืชเซลล์เดียวเป็นอาหาร หรือกินสัตว์เซลล์เดียวที่เล็กกว่าหรือกินซากของพืชและสัตว์เซลล์เดียวที่ลอยอยู่ในทะเลเป็นอาหาร แต่ก็สามารถแพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนขึ้นได้อย่างมากมายในชั่วเวลาไม่นานนักเมื่อประมาณ ๕๙๐ ล้านปีมาแล้วพืชบกรุ่นแรกเกิดขึ้น โดยเกิดเกาะอยู่บนพื้นผิวของก้อนหินริมทะเล มีต้นสาหร่ายทะเลและมอสที่ถูกคลื่นซัดสาดจากทะเลรองรับอยู่ข้างใต้พืชบกรุ่นแรกนี้เป็นต้นเหตุทำให้หินที่ เกิดเกาะอยู่ แตกแยกแล้วผุพังกลายเป็นดินในระยะต่อมา
         เมื่อมีพืชบกและดิน ก็เริ่มมีสัตว์บกตามมา เริ่มด้วยสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกและสัตว์เลื้อยคลานทำให้เกิดยุคไดโนเสาร์ ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ มีหลายชนิดไดโนเสาร์ครองโลกอยู่นานประมาณเจ็ดสิบล้านปีจึงได้สูญพันธุ์หมดไปจากโลกหมดยุคไดโนเสาร์ ถึงยุคที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมทั้งมนุษย์เกิดขึ้นบนโลก เริ่มด้วยมนุษย์วานร โฮโมอีเร็กตัสส่วนมนุษย์ยุคใหม่เกิดขึ้นบนโลกเมื่อประมาณสองแสนปีมานี้เอง มนุษย์ยุคใหม่มีความเฉลียวฉลาดตั่งบ้านเรือนอยู่รวมกันเป็นกลุ่มบริเวณลุ่มแม่น้ำสามารถเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางติดต่อกับชุมชนต่าง ๆ และแสวงหาแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นนี้

วัฏจักรของน้ำ

           น้ำที่มีอยู่ทุกแห่งบนพื้นผิวของโลก เมื่อได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์จะระเหยเป็นไอ ลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่ออากาศนี้ลอยสูงขึ้นและเย็นลง ไอน้ำก็จะกลั่นตัวเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ กลายเป็นเมฆที่เราเห็นลอยอยู่ในท้องฟ้า ละอองน้ำเล็ก ๆ เหล่านี้มารวมตัวกันมากขึ้นก็จะกลายเป็นเม็ดฝนตกลงมายังพื้นดินการหมุนเวียนเปลี่ยนไปจากน้ำเป็นไอน้ำแล้วเปลี่ยนกลับเป็นหยดน้ำ ตกกลับสู่พื้นดินเช่นนี้เรียกว่า " วัฏจักรของน้ำ "
          ทุก ๆ วัน น้ำในทะเล ทะเลสาบ และมหาสมุทรซึ่งปกคลุมพื้นผิวของโลกอยู่มากกว่า ๗๐ % จะระเหยเป็นไอลอยขึ้นไปในอากาศอยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเมฆและวกกลับลงมาเป็นฝนยังพื้นดินไหลซึมลงไปในดินเป็นน้ำใต้ดินและไหลบ่าไปบนพื้นดินเป็นลำธารและแม่น้ำ ไหลลงสู่ทะเลและมหาสมุทรอีก วนเวียนอยู่เช่นนี้
ตลอดเวลา โดยปกติน้ำในบรรยากาศมีอยู่ประมาณ ๐.๐๑% ของน้ำทั้งหมดบนโลกและประมาณ ๙๗ % อยู่ ในน้ำทะเลและมหาสมุทร

อาณาบริเวณบนพื้นผิวของโลกซึ่งมีน้ำอยู่ด้วย ได้แก่
  ทะเลและมหาสมุทร
  ดินและใต้ดินจนถึงชั้นหิน
  บรรยากาศชั้นโทรโพสเฟียร์ที่อยู่ติดพื้นดินสูงขึ้นไปประมาณ ๗ กิโลเมตรแรก

แหล่งน้ำต่างๆ

ชีวิตทุกชีวิตบนโลกต้องการน้ำเพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ แต่เนื่องจากน้ำเป็นตัวทำละลายที่ดี น้ำในธรรมชาติจึงมักเป็นน้ำทีไม่บริสุทธิ์ แต่เป็นน้ำที่มีสารอื่น ๆ ละลายปนมาด้วยเสมอ แหล่งน้ำในธรรมชาติบนพื้นผิวโลกที่สำคัญและควรรู้จักมี ๔ แหล่งด้วยกัน ได้แก่ น้ำฝน น้ำแม่น้ำ ลำคลอง น้ำใต้ดินและทะเล

น้ำแม่น้ำลำคลอง

ทุก ๆ ปี มีน้ำหลายล้านตันตกลงสู่พื้นดินเป็นฝน หยดน้ำนับล้าน ๆ หยดที่กระทบพื้นผิว ทำให้ดินแตกแยกพังทลายเป็นรูปร่างต่างๆ นานา นอกจากนั้น แรงโน้มถ่วงของโลกยังทำให้น้ำไหลบ่าตามผิวดินลงไปสู่ลำธาร จากลำธารน้ำจะไหลไปสู่ลำคลอง แม่น้ำ และในที่สุดน้ำเหล่านั้นก็ ไหลลงสู่ทะเล
      
จากต้นน้ำสู่ทะเล
เราเรียกจุดเริ่มต้นของแม่น้ำว่า ต้นน้ำ การเดินทางของแม่น้ำในแม่น้ำ ลำคลองเป็นไปตามลำดับขั้นตอนต่อไปนี้

๑.   ต้นน้ำต้นน้ำอยู่บนภูเขา หรือเนินเขาสูง มีความลาดชันค่อนข้างมาก ต้นน้ำเป็นแหล่งผลิตน้ำให้แก่ลำธาร น้ำฝนที่ตกลงสู่บริเวณต้นน้ำไหลลงสู่ลำธาร ได้ ๒ วิธี คือไหลไปตามผิวดิน และไหลซึมออกมาจากดิน
บริเวณต้นน้ำใดมีป่าไม้ปกคลุม ป่าก็จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำฝนกัดเซาะพาผิวดินพังทลายไป และช่วยรักษาความสมบูรณ์และความชุ่มชื้นไว้ไม่ให้เสื่อมสูญ ส่วนเศษไม้ใบไม้ที่ทับถมผุพังอยู่บนพื้นผิวดินที่พื้นป่า
ก็จะช่วยดูดซับน้ำฝนไว้ ทำให้น้ำสามารถไหลซึมลงไปสะสมอยู่ในดินได้มาก น้ำจึงไหลระบายจากดินลงสู่ลำธาร ลำห้วยได้อย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา

๒.   ลำธาร คือ ทางน้ำเล็กที่ไหลลงจากเขา กระแสน้ำในลำธารไหลแรงกัดเซาะดินข้างตลิ่งให้พังทลายไหลลงมาตามกระแสน้ำ ลำธารหลายสายไหลรวมกันกลายเป็นแม่น้ำ

๓.   ลำห้วย คือ แอ่งน้ำลึกกว้าง มีทางน้ำไหลมาจากภูเขา ขังอยู่ตลอดปี หรือแห้งบ้างเป็นครั้งคราว น้ำบางส่วนจากต้นน้ำไหลลงไปอยู่ใน

๔.   แม่น้ำ คือ ลำน้ำใหญ่ซึ่งเป็นที่รวมของลำธารหลายสาย แม่น้ำส่วนมากยาวหลายร้อยกิโลเมตร เช่น แม่น้ำเจ้าพระยายาว ๓๖๐ กิโลเมตรแม่น้ำท่าจีนยาว ๓๑๕ กิโลเมตร

๕.   ลำคลองลำคลอง คือ ทางน้ำ หรือลำน้ำที่เกิดขึ้นเองหรือขุดขึ้นเพื่อใช้เป็นทางเชื่อมกับแม่น้ำหรือทะเล

๖.   ปากแม่น้ำ คือ จุดที่อยู่ต่ำสุดของแม่น้ำ ปากแม่น้ำเป็นที่ซึ่งน้ำในแม่น้ำไหลสู่ทะเล

๗.   ทะเล คือ ห้วงน้ำเค็มที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ ทะเลเป็นปลายทางของน้ำแม่น้ำและลำคลอง

ต้นน้ำมีความสำคัญมากในระบบแม่น้ำ เพราะเป็นแหล่งผลิตน้ำป้อนให้แก่ลำธาร น้ำที่ต้นน้ำผลิตให้แก่ลำธารนั้นแท้จริงคือ น้ำฝนที่ตกลงสู่บริเวณต้นน้ำนั้นเอง  บริเวณต้นน้ำอยู่บนภูเขาหรือเนินเขาสูงมีป่าไม้ปกคลุม ถ้าป่าไม้นั้นเป็นป่าบริเวณต้นน้ำอยู่บนภูเขาหรือเนินเขาสูงมีป่าไม้ปกคลุม ถ้าป่าไม้นั้นเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นอยู่หนาแน่นจนแสงแดดส่องไม่ถึงพื้น และดินที่พื้นป่ามีเศษไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ และอินทรียสารอื่น ๆที่ผุพังทับถมอยู่เป็นจำนวนมากพื้นดินเช่นนั้นก็ทำตัวเป็นเสมือนฟองน้ำ ดูดซึมซับเอาน้ำเก็บไว้ แล้วค่อย ๆ ปล่อยให้น้ำไหลซึมออกจากดินลงสู่ร่องน้ำลำธารได้อย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา ทำให้ลำธารคงมีน้ำอยู่ได้ตลอดทั้งปีในทางตรงกันข้ามถ้าป่าไม้บริเวณต้นน้ำเป็นป่าเสื่อมโทรมเป็นป่าถูกทำลายถูกลักลอบตัดไม้จนไม่มีเหลือ ไม่ได้รับการทะนุบำรุงสร้างเสริมป่าขึ้นมาใหม่ พื้นดิน

น้ำคืออะไร

เป็นเวลานานสองพันปีมาแล้วที่นักวิทยาศาสตร์คิดว่า น้ำเป็นธาตุชนิดหนึ่งตามที่นักปราชญ์ชาวกรีกชื่อ อริสโตเติล ได้กล่าวไว้ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๔ แต่แล้วในปี พ.ศ. ๒๓๒๔ คือเมื่อประมาณ ๒๐๐ ปีมานี้เอง นักเคมีชาวอังกฤษชื่อ เฮนรี่ คาเวนดิช ก็ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับไฮโดรเจน เขาระเบิดสารผสมของไฮโดรเจนกับอากาศโดยใช้ประกายไฟฟ้า ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นไม่ทำให้น้ำหนักเปลี่ยนแปลง แต่ทำให้เขาได้พบว่ามีสารสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น นั่นคือ น้ำบริสุทธิ์ นี่เป็นข้อเสนอแนะที่ทำให้คิดว่า น้ำเป็นสารประกอบของไฮโดรเจน ต่อมาอีกไม่กี่ปีก็มีนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ แอนโทนี ลาวอยซิเยร์ได้แสดงให้เห็นว่า น้ำเป็นสารประกอบอย่างง่ายของไฮโดรเจนกับออกซิเจน เรื่องนี้มีการพิสูจน์ได้โดยการทำอิเล็กโทรลิซิส ซึ่งทำให้น้ำแตกตัวออกเป็นไฮโดรเจนและออกซิเจน

คุณสมบัติของน้ำแบ่งออกได้เป็น คุณสมบัติทางกายภาพ และคุณสมบัติทางเคมี

๑. จุดเยือกแข็ง ของน้ำมีค่าเท่ากับ ๐ องศาเซลเซียส ดังนั้นถ้าน้ำที่อุณหภูมิปกติมันก็ยังคงเป็นของเหลวต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าอุณหภูมิจะถึง ๐ องศาเซลเซียส จึงจะกลายเป็นน้ำแข็ง จุดเยือกแข็งนี้เป็นอุณหภูมิเดียวกันกับจุดหลอมละลาย 

๒. จุดเดือด คือ อุณหภูมิที่สารกลายเป็นไอหมดทั้งก้อน จุดเดือดของน้ำมีค่าเท่ากับ ๑๐๐ องศาเซลเซียส

๓. การระเหย น้ำอาจระเหยเป็นไอได้ทุกอุณหภูมิ ดังนั้น ถ้านำน้ำใส่จานตื้น ๆ ตั้งทิ้งไว้ชั่วเวลาไม่นานน้ำในจานก็จะแห้งหายไปหมด เป็นเพราะน้ำระเหยเป็นไอลอยขึ้นไปในอากาศ

๔. การขยายตัวและการหดตัวของน้ำ เมื่อได้รับความร้อน น้ำจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นและจะขยายตัว น้ำที่ผิวหน้าระเหยเป็นไอ ถ้าได้รับความร้อนเพิ่มขึ้นต่อไปอีก น้ำจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ที่อุณหภูมิ ๑๐๐ องศาเซลเซียส น้ำจะเดือด
          ในทางตรงกันข้าม น้ำที่อุณหภูมิปกติ เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงน้ำจะหดตัว ถ้าอุณหภูมิลดต่ำลงไปเรื่อย ๆ น้ำจะหดตัวลงทุกที แต่เมื่ออุณหภูมิลดลงถึง ๔ องศาเซลเซียส น้ำจะกลับขยายตัวและจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นน้ำแข็งที่ ๐ องศาเซลเซียส ดังนั้นน้ำก้อนเดียวกัน เมื่อกลายเป็นน้ำแข็งจึงมีปริมาตรมากกว่าเมื่อน้ำเป็นของเหลว
          ในประเทศที่อากาศหนาวจัดจนน้ำในทะเลและทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง เฉพาะน้ำที่พื้นผิวหน้าของทะเลและทะเลสาบเท่านั้นที่เป็นน้ำแข็ง แต่น้ำที่พื้นท้องทะเลสาบยังคงเป็นของเหลวอยู่ สัตว์น้ำจึงคงมีชีวิตอยู่ได้

๕. ความหนาแน่น คือ ตัวเลขที่บอกให้รู้ว่า สารนั้นหนึ่งหน่วยปริมาตรหนักเท่าใด น้ำ ๑ ลูกบาศก์เซนติเมตร หนัก ๑ กรัม ดังนั้นค่าความหนาแน่นของน้ำจึงเป็น ๑ กรัมต่อหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตร
            การลอยและการจม
            บางคนอาจสงสัยว่าทำไมสิ่งของบางชนิดจึงลอยในน้ำได้ แต่บางชนิดจม คำตอบง่ายมาก นั่นก็คือ มันเกี่ยวกับความหนาแน่นของสิ่งของ สิ่งที่ลอยในน้ำจะต้องเป็นของที่เบากว่าน้ำ หรือมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ สิ่งที่จมก็จะต้องเป็นของที่หนักกว่าน้ำ หรือมีความหนาแน่นมากกว่าน้ำ เมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งตกลงไปในน้ำ น้ำหนักของมันจะดึงลง แต่น้ำจะมีแรงพยุงขึ้นเท่ากับน้ำหนักของน้ำที่ถูกแทนที่ ถ้าสิ่งของมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ แรงดัน

ขึ้นของน้ำก็จะมากพอที่จะทำให้สิ่งนั้นลอยอยู่ในน้ำที่พื้นผิว แต่ถ้าสิ่งนั้นมีความหนาแน่นมากกว่าน้ำก็จะจม ท่อนไม้ลอยอยู่ในน้ำได้เพราะมันมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ เรือลำใหญ่ลอยน้ำเพราะมีอากาศอยู่ภายในเรือ ทำให้เรือทั้งลำแม้ว่าจะทำด้วยเหล็กก็มีความหนาแน่นน้อยกว่าน้

๖. ความตึงผิว ความตึงผิวเป็นสมบัติอย่างหนึ่งของของเหลว ความตึงผิวทำให้ผิวหน้าของน้ำเป็นเสมือนผิวหนังบาง คลุมน้ำข้างใต้ไว้ บางคนคงเคยเห็นแมลงบางชนิดเดินได้บนผิวน้ำ แมลงยืนหรือเดินบนผิวน้ำได้เพราะน้ำมีความตึงผิว ความตึงผิวทำให้คลิปเสียบกระดาษลอยได้บนผิวน้ำในถ้วยแก้ว ทำให้น้ำหยดจากก๊อกน้ำมีรูปทรงกลม ทำให้หยดน้ำกลิ้งได้บนใบบัว และทำให้เราสามารถเป่าน้ำผสมน้ำยาซักผ้าจากขดลวดวงกลม ให้เป็นฟองอากาศทรงกลมสีรุ้งที่สวยงามได้
คุณสมบัติทางเคมี

๑. น้ำเป็นสารประกอบ มีสูตรเคมี หมายความว่า หนึ่งโมเลกุลของน้ำประกอบด้วยไฮโดรเจน ๒ อะตอม และออกซิเจน ๑ อะตอม

๒. น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดีที่สุด กล่าวคือ น้ำสามารถละลายสารได้เกือบทุกชนิด ทั้งก๊าซ ของเหลว และของแข็ง เราจึงพบว่าในน้ำทั่ว ๆ ไป มีก๊าซหลายชนิด เกลือหลายชนิด และสารมลพิษละลายปนอยู่ด้วยก๊าซที่พบบ่อยในน้ำคือ ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เกลือที่พบมากคือเกลือแกงหรือโซเดียมคลอไรด์ โพแตสเซียมคลอไรด์ สารมลพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง ยากำจัดศัตรูพืช

น้ำกับชีวิต

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั้งคน สัตว์ และพืช มีน้ำเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย ในร่างกายของมนุษย์มีน้ำอยู่ประมาณร้อยละ ๗๐ ในพืชบกมีน้ำอยู่ประมาณร้อยละ ๕๐ - ๗๕ในพืชน้ำมีน้ำอยู่ประมาณร้อยละ ๙๕ - ๙๙ เรามีน้ำอยู่ประมาณสองในสามของร่างกาย

ร่างกายต้องการน้ำวันละเท่าใด
          
น้ำเป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่คนจะขาดไม่ได้ ทุกวันเราต้องดื่มน้ำประมาณ๒ ลิตร ๑ ลิตร เป็นน้ำดื่ม ส่วนอีก ๑ ลิตรคือน้ำที่อยู่ในอาหารที่เรารับประทาน ในอาหารทุกชนิดนั้นมีน้ำอยู่ด้วย แม้แต่อาหารแห้ง เช่นข้าวสุก ข้าวเหนียวนึ่งแป้งต่าง ๆ เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ลวกแล้ว ก็มีน้ำ ในเนื้อสัตว์ ไข่ ผัก และผลไม้ทุกชนิด ล้วนแต่มีน้ำอยู่ด้วยทั้งสิ้น ผักและผลไม้ที่มีน้ำมาก เช่น แตงกวา มะเขือเทศส้ม แตงโม สับปะรด ฯลฯ

  ร่างกายขับน้ำออกมากับปัสสาวะและอุจจาระ ออกเป็นเหงื่อและในลมหายใจออก ถ้าร่างกายขาดน้ำ เช่นไม่ได้ดื่มน้ำเป็นเวลานาน ๒-๓ วัน หรือเกิดท้องเดินอย่างรุนแรงและไม่ได้รับการรักษา อาการขาดน้ำอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ น้ำจึงเป็นสารประกอบที่สำคัญและจำเป็นสำหรับทุกคน 
การทำน้ำดิบให้สะอาด
                   น้ำดิบ เช่น น้ำในบึง บ่อ และแม่น้ำลำคลอง มีสารหลายชนิดละลายปนอยู่และมีสิ่งสกปรกปะปนอยู่ด้วยมาก ถ้าตักน้ำจากบ่อจะเห็นว่ามีโคลน ดิน ทราย เศษหิน ใบไม้กิ่งไม้ ลอยปะปนอยู่ในน้ำเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียซึ่งมองไม่เห็นตัวปะปนอยู่ในน้ำอีกด้วย น้ำในบึง บ่อ และแม่น้ำลำคลอง จึงเป็นน้ำที่ไม่สะอาดไม่เหมาะสำหรับดื่ม
         การทำน้ำดิบให้สะอาดอาจทำได้โดยการกรอง เครื่องกรองน้ำมีหลายชนิด เครื่องกรองน้ำที่ง่ายที่สุดอาจทำได้โดยใช้กรวดชิ้นเล็ก ๆ ทราย และ ถ่านไม้ที่ทุบเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำสามสิ่งนี้เทในภาชนะเรียงกันเป็นชั้น ๆ อัดให้แน่นในภาชนะที่มีรูที่ก้น เพื่อให้น้ำที่กรองแล้วไหลผ่านได้ แล้วเทน้ำดิบผ่านชั้นกรวดที่อยู่ชั้นบนสุดลงไป น้ำที่ผ่านเครื่องกรองจะเป็นน้ำใส แต่ก็ยังมีแบคทีเรียบางชนิดปะปนอยู่ด้วย

น้ำประปา
       น้ำประปา คือ น้ำจากแหล่งธรรมชาติที่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้ตกตะกอน กรองให้ใสและฆ่าเชื้อโรคด้วยน้ำยาคลอรีน และส่งมาตามท่อใต้ดินเพื่อใช้ตามบ้านเรือน 
       ปัจจุบันบ้านเรือนในเมืองใหญ่มีน้ำประปาใช้กันอยู่ทั่วไป

ขั้นตอนการทำน้ำประปา

๑. สูบน้ำจากแม่น้ำเข้าสู่คลองประปา ซึ่งทำหน้าที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดย่อม
๒. น้ำดิบไหลตามคลองประปาเข้าโรงกรองน้ำ
๓. ส่งน้ำดิบจากโรงกรองน้ำเข้าไปในถังที่มีชื่อว่า ถังตกตะกอน ภายในถังฉีด
น้ำยาที่มีสารส้มเพื่อให้ทำปฏิกิริยาแยกเอาตะกอนซึ่งทำให้น้ำขุ่นสกปรกออก
แล้วปล่อยน้ำไปยังถังกรอง
๔. ในถังกรองมีชั้นทรายและกรวดรวมกันอยู่หลายชั้น เริ่มตั้งแต่ชั้นทราย
ขนาดกลางและทรายหยาบ ต่อจากนั้นเป็นกรวดเม็ดเล็ก เม็ดปานกลาง
และเม็ดโต ทรายและกรวดจะช่วยกรองตะกอน น้ำที่ไหลผ่านชั้นของ
กรวดจะเป็นน้ำใส
๕. น้ำใสจะไหลผ่านบ่อกรองไปยังถังพักน้ำใส ซึ่งเป็นบ่อทำด้วยคอนกรีต
เสริมเหล็กหลาย ๆ ถังพ่วงกัน น้ำในตอนนี้จัดได้ว่าใสและสะอาด แต่
อาจมีเชื้อโรคที่เป็นอันตรายเจือปนอยู่ได้
๖. ผ่านก๊าซคลอรีนในอัตราส่วนที่น้อยมากลงในน้ำใสเพื่อฆ่าเชื้อโรค
๗. สูบน้ำใส่เข้าถังสูง
๘. ผ่านน้ำดีเข้าถังสูงเพื่อให้เกิดแรงดันก่อนส่งผ่านท่อเหล็กขนาดใหญ่
เพื่อจ่ายน้ำประปาไปยังบ้านเรือนสำหรับใช้บริโภค
มีน้ำประปาหลายที่ที่ใช้วิธีสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาฆ่าเชื้อโรค แล้วส่งเข้าท่อไปยังบ้านเรือน

คุณค่าและประโยชน์ของน้ำ
         น้ำที่อยู่ทุกหนทุกแห่งในร่างกายของเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยมากถึง๗๐ % ทุกวันนี้เราต้องดื่มน้ำ อาบน้ำ และใช้น้ำในการซักล้างในอาหารที่เรากินทุกชนิดมีน้ำอยู่ด้วยทั้งสิ้น แม้แต่ในข้าวสวย แป้ง และก๋วยเตี๋ยวก็มีน้ำ ในเนื้อสัตว์ผักและ ผลไม้ ทุกชนิดมีน้ำอยู่ด้วยมาก ร่างกายของคนทุกคน   สัตว์ทุกตัว   และพืชทุกชนิด ล้วนแต่ต้องการน้ำทั้งสิ้น นอกจากนั้นน้ำยังเป็นสิ่งจำเป็นในการเพาะปลูกและการอุตสาหกรรมอีกด้วย ถ้าบนโลกนี้ไม่มีน้ำ เราก็จะอยู่ไม่ได้ ทุกชีวิตจะต้องตาย

ถ้าถามว่า เมื่อทุกคนทุกชีวิตบนโลกต้องใช้น้ำวันละมาก ๆ   จะมีน้ำเพียงพอ ให้เราดื่มกินและใช้ในสหัสวรรษใหม่หรือไม่   คำตอบก็คือ  ไม่แน่นอนสำหรับน้ำจืด แม้ว่าทะเลและมหาสมุทรจะปกคลุมพื้นผิวของโลกอยู่ถึงสามในสี่ส่วน ซึ่งทำให้มีน้ำอยู่บนโลกเป็นปริมาณมากกว่าสารอื่นใด แต่น้ำในทะเลและมหาสมุทรก็เป็น
น้ำเค็มที่ใช้ดื่ม กิน และเพาะปลูกไม่ได้
         ปัญหาหลักคือ น้ำจืดมีอยู่ไม่มากนัก   แต่ให้ประโยชน์ได้น้อยลง เนื่องจากมนุษย์ ทำให้กลายเป็นน้ำเสียเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมต่าง ๆ
         เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะ โลกของเรามีขนาดกำลังพอดี และมีแรงดึงดูดไอน้ำไว้ให้คงอยู่ในบรรยากาศรอบโลก    ไม่หลุดลอยหายไปในอวกาศจนหมดสิ้น นอกจากนั้นโลกยังอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ในระยะที่พอเหมาะ ทำให้อุณหภูมิของโลกเป็นอุณหภูมิที่น้ำส่วนใหญ่เป็นของเหลว  ไม่เดือดและไม่แข็งเป็นน้ำแข็งทั่วไปหมด เหมือนบนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ โลกจึงมีน้ำอยู่ด้วยมากมาย และมีอากาศที่เอื้อต่อชีวิตห่อหุ้มโลกไว้ โลกจึงเป็นโลกที่งดงามน่าอยู่ เป็นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทั้งมนุษย์  สัตว์  และพืชจำนวนมากมายมหาศาล ซึ่งไม่มี
ดาวเคราะห์ดวงใดเสมอเหมือน
         น้ำนั้นมีกำลัง เราใช้กำลังของน้ำให้เป็นประโยชน์ โดยสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำไว้แล้วใช้กำลังน้ำไปหมุนกังหันของเครื่องเทอร์ไบน์ ทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าผลิตกระแสไฟฟ้าออกมา โรงไฟฟ้าที่ใช้กำลังน้ำเช่นนี้

รียกว่า โรงไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงใด ๆ ทำให้ปลอดสารมลพิษในอากาศ  โรงไฟฟ้า
พลังน้ำมีใช้อยู่ทั่วโลก ถ้าเมื่อใดเชื้อเพลิง เช่นถ่านหิน หรือน้ำมันหมดไปจากโลกโรงไฟฟ้าพลังน้ำจะสามารถผลิตไฟฟ้าต่อไปได้ไม่จบสิ้น

การอนุรักษ์น้ำ คือ การรักษาน้ำจืดตามธรรมชาติไว้ได้อย่างดี เพื่อให้คงมีน้ำใช้ตลอดเวลา หลักของการอนุรักษ์น้ำ ได้แก่ การเก็บกักน้ำไว้ ไม่ปล่อยให้แห้งหาย หรือ เน่าเสีย
          การอนุรักษ์ทำได้โดย
          • สร้างเขื่อน เขื่อนช่วยกักเก็บน้ำในแม่น้ำไว้ไม่ให้ไหลลงทะเลหมดไป เขื่อนขนาดเล็กเป็นประโยชน์มากในการเพาะปลูก นอกจากนั้นเขื่อนยังช่วยป้องกันน้ำที่ล้นจากต้นน้ำและไหลมาสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็วและฉับพลัน อันอาจทำให้เกิดอุทกภัย หรือทำให้น้ำท่วมมากเป็นอันตรายแก่สวนและไร่นาได้
          • สร้างอ่างเก็บน้ำ ในที่ลุ่ม ถ้าสร้างเขื่อนไม่ได้ก็สร้างเป็นอ่างเก็บน้ำไว้ นอกจากใช้ดื่มและใช้ชะล้างแล้ว อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ยังเป็นประโยชน์ในการเกษตรและเป็นที่อยู่ของสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นอาหารได้อย่างดีอีกด้วย
          • รักษาต้นน้ำลำธารไว้ เพื่อให้คงมีน้ำในแม่น้ำตลอดปี

• ป้องกันน้ำในแม่น้ำเน่าเสีย โรงงานริมแม่น้ำ เช่น โรงงานน้ำตาล มักปล่อยของเสียลงแม่น้ำ ทำให้น้ำเสีย ชาวบ้านใช้น้ำไม่ได้ สัตว์น้ำตายสิ้น แต่ละชุมชนต้องช่วยกันดูแลและรีบดำเนินการให้โรงงานแก้ไข ไม่ปล่อยของเสียลงแม่น้ำ
            • ใช้น้ำบาดาลอย่างถูกต้อง การใช้น้ำบาดาลมากเกินไป ทำให้น้ำบาดาลหมดไปและอาจทำให้แผ่นดินทรุดต่ำลง เกิดน้ำท่วม จำเป็นต้องหาทางจัดการให้การใช้น้ำบาดาลเป็นไปอย่างเหมาะสม
            • ไม่ปล่อยให้น้ำรั่วไหล การปล่อยให้น้ำรั่วไหลโดยเปล่าประโยชน์ เช่น เปิดก๊อก น้ำทิ้งไว้ ท่อประปาชำรุด เป็นการไม่อนุรักษ์น้ำ

สิ่งที่ควรทำในการอนุรักษ์น้ำ
          • อนุรักษ์ต้นน้ำลำธารไว้ เพื่อให้มีน้ำในแม่น้ำลำคลองตลอดปี
          • เก็บกักน้ำไว้ใช้ โดยการสร้างอ่างเก็บน้ำ ขุดสระน้ำ ขุดลอกหนองและบึงธรรมชาติให้ลึก เพื่อเก็บกักน้ำได้มากขึ้น สร้างฝายปิดกั้นทางน้ำ
          • ไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลอง
          • ไม่ใช้ยาเบื่อปลา ไม่ดูดทรายจนตลิ่งพัง
          • ไม่ปล่อยให้น้ำมัน ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าศัตรูพืชลงในแหล่งน้ำ
          • ไม่นำสัตว์เลี้ยงลงในแหล่งน้ำ
          • ไม่ทิ้งขยะลงในทะเล
          • ไม่ปล่อยน้ำร้อนลงในแหล่งน้ำ
          • ไม่ซื้อสิ่งของที่ทำจากปะการัง เปลือกหอยทะเล กระดองเต่าทะเล
          • ไม่ทิ้งสมอเรือลงในแนวปะการัง
          • เติมออกซิเจนลงในน้ำ เพื่อบรรเทาความเน่าเสีย
          • ระมัดระวังไม่ให้เกิดไฟป่า

แหล่งที่มาข้อมูล                

http://210.246.188.51/goverment/www.water.com/index.html

กศน.ตำบลบ้านหีบ 

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภออุทัย

วิชา  น้ำกับชีวิต   (พว ๐๒๐๑๙)

ชื่อ..................................................นามสกุล..........................................รหัสประจำตัว.....................................
----------------------------------------------------------------------------------------------

๑.  น้ำคือ อะไร

ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๒.  น้ำมีความสำคัญอย่างไรต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์

ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๓.  ให้นักศึกษาอธิบายคุณสมบัติของน้ำตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๔.  น้ำเสียส่งผลกระทบ ต่อการดำรงชิวิตของมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง (ตอบอย่างน้อย ๕  ข้อ)

ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๕.  นักศึกษามีวิธีการอนุรักษ์ “น้ำ”  อย่างไรบ้าง  (ตอบอย่างน้อย ๕  ข้อ)

ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………………………………………………………………………………………

๖.  ให้นักศึกษา อธิบายวัฎจักรของน้ำ  (วาดภาพประกอบ)

ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๗.  ให้นักศึกษาบอกสิ่งที่ควรทำในการอนุรักษ์น้ำ มาอย่างน้อย  ๑๐  ข้อ

ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๘.  ในหนึ่งวันร่างกายคนเราต้องการน้ำ วันละเท่าไร

ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๙.  ให้นักศึกษาอธิบายความหมาย

  “ต้นน้ำ”  หมายถึง..................................................................................................................................................

 “ลำธาร” หมายถึง .................................................................................................................................................

 “ลำห้วย” หมายถึง..................................................................................................................................................

 “แม่น้ำ” หมายถึง

“ลำคลอง” หมายถึง................................................................................................................................................

“ปากแม่น้ำ” หมายถึง.............................................................................................................................................

“ทะเล” หมายถึง......................................................................................................................................................

๑๐.  ให้นักศึกษาอธิบายวิธีบำบัดน้ำเสียในบ้านเรือนลงสู่แม่น้ำลำคลอง นักศึกษามีวิธีการอย่างไร

(วาดภาพประกอบ)

ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

 

คำสำคัญ (Tags): #น้ำกับชีวิต
หมายเลขบันทึก: 419310เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2011 04:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 21:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • น่าประทับใจมากๆๆค่ะ
  • ใบงานพร้อมใบความรู้
  • เป็นเครื่องมือที่ดีของครู กศน.เชียวค่ะ

วิชานี้เนื้อหาดีจริงๆ เลยครับพี่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท