ทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์ หากมีเวลาว่างสิ่งที่แม่ต้อยชอบทำเป็นประจำคือการไปที่ตลาดสดใกล้ๆบ้าน เป็นตลาดเล็กๆแบบโบราณ มีแม่ค้าเจ้าประจำเพียงไม่กี่เจ้า ที่ขายผัก ขายปลา และอาหารอื่นๆบ้าง ที่ชอบไปคือการไปหาซื้อปลาสดๆที่เขาขายสำหรับทำอาหาร แต่แม่ต้อยชอบซื้อแล้วเอาไปปล่อยที่แม่น้ำเจ้าพระยาข้างๆบ้าน
แม่ต้อยชอบมองดูปลาที่ไหลลงจากถุงพลาสติคที่รัดไว้อย่างแน่นหนาลงสู่สายน้ำที่ไหลเย็น เจ้าปลาพวกนั้นจะขยับหางอย่างร่าเริง ว่ายน้ำมุดลงไป แล้วผลุบโผล่ขึ้นมาใหม่อีกครั้งราวกับจะมาทักทาย หรือแสดงความขอบคุณ
บางตัวก็ออกอาการมึนงง ออกอาการเก้ๆกังๆ ไม่ยอมว่ายไปไหนสักที คงจะถูกขังจนเบลอๆ เมื่อปล่อยลงแม่น้ำจะลอยตัวสักครู่ คล้ายกับจะทบทวนชีวิตตัวเอง แล้วค่อยๆว่ายหลบไป
ส่วนใหญ่แม่ต้อยจะนั่งคอยดูจนปลาเหล่านี้ว่ายน้ำหลบหนีไปทุกตัวแล้วจึงค่อยๆกลับบ้าน
เวลาสักเล้กน้อยเช่นนี้เอง ก็ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีดีได้ แม้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่กิจกรรมที่ใหญ่โตสักเท่าไหร่เลย สามารถพัฒนาความรู้สึกเมตตา กรุณาในจิตใจได้แบบง่ายๆ
ในช่วงปีใหม่นี้ แม่ต้อยแวะเวียนไปที่ตลาดแห่งนี้ถึงสามวันเพื่อจะหาซื้อปลาไปปล่อยดังเช่นเคย
วันที่๓๑ ธันวาคม พ่อค้าปลา เจ้าประจำหันมาบอกเมื่อแม่ต้อยเดินไปถึง
“ หมดพอดีครับ วันนี้ขายดี เขาซื้อไปทำกับข้าวหมด เมื่อตะกี้นี่เอง.. พรุ่งนี้มาใหม่นะครับผมจะเก็บเอาไว้ให้”
วันที่๑ มกราคม อันเป็นวันเริ่มปีใหม่ แม่ต้อยไปอีกครั้งตามที่ได้นัดไว้ ปรากฏว่าที่ขายปลา มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีพ่อค้า หรือแม่ค้าคนใดมาขายของ มีเพียงร้านชำเปิดอย่างหงอยๆ สักร้านสองร้าน
“ อีกหน่อยตลาดแห่งนี้คงปิดตัวเอง “
แม่ต้อยคิด เพราะว่าบริเวณนี้มีศูนย์การค้า แบบครบวงจรมาทะยอยเปิดหลายต่อหลายแห่ง คนจึงไม่ค่อยมาซื้อของที่ตลาดสดอีกต่อไป
วันต่อมาแม่ต้อยก็ไปอีก คราวนี้พบแม่ค้า คนใหม่มาขายแทนพ่อค้าคนเดิมที่รู้จักมานาน
“ คนเก่าเขามีปัญหาคะ พี่ “( ดีใจที่ยังมีคนเรียกพี่ แฮ๋ๆๆ)
“ หนูเลยมาขายแทน “
พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดแห่งนี้ทะยอยกันปิดกิจการของตนเอง อันเนื่องจากปัญหา หนี้สิน ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ คนแล้วคนเล่า
มีลูกค้าหลายคนรอซื้อปลาสดจากเจ้าของร้านรายใหม่ เธอขายปลาอย่างคล่องแคล่ว
ที่ร้านของเธอมีทั้งปลาสดที่ขังไว้ และปลาที่ตายแล้วใหม่ๆ
แม่ค้า ถามลูกค้าคนที่มายืนรอก่อนหน้าแม่ต้อย
“พี่รับปลาอะไรคะ ปลานิล ปลาช่อน ปลาดุก”
“ปลานิลครับ “
พลางชี้มือไปที่ปลาที่ว่ายแออัดในถังขนาดใหญ่ เป็นปลาที่ยังไม่ตาย
“ เอาตัวไหนก็ได้”
แม่ค้าใช้สวิงช้อนตักปลาอย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว วางปลาบนเขียง เสียงไม้ตีหัวปลาดังโพล้ะ
แม่ต้อยรีบหันหน้าไปทางอื่น ใจหายยวบ
“ พี่จะเอาไปแกงหรือทอดคะ “ การทำปลาให้ลูกค้าคงต้องให้เหมาะสมกับอาหารที่จะนำไปปรุง
เธอแล่ปลาตัดทั้งหัวและหาง พร้อมกับใช้มีดกรีดที่ตัวปลาเป็นบั้งๆ... ตาฝาดไปหรือเปล่า ที่ยังเห็นปลาเนื้อปลายังสั่นระริก..
คราวนี้มาถึงคิวแม่ต้อย
“ เอาตัวไหนก็ได้คะ “ คำตอบเหมือนกัน
ปลาในถังดิ้นพล่านพยายามหนีจากกระชอนที่แม่ค้านำไปคว้านหาปลาตามจำนวนที่ต้องการ
แม้ว่าจะตักปลาได้ แต่ปลาบางตัวยังกระเสือกกระสน ดิ้นออกมา จนต้องไล่จับเป็นพัลวัน จนในที่สุดต้องยอมจำนน
เมื่อนำมาปลดปล่อยให้อิสระ ที่แม่น้ำอันกว้างใหญ่ ราวกับจะสำนึกบุญคุณ ปลาสองสามตัวเมื่อว่ายดิ่งดำลงในใต้พื้นน้ำ ใต้กอผักตบชะวาแล้ว พวกเขาโผล่หัวมาลอยคออีกครั้งหนึ่งแล้วว่ายจากไปอย่างรวดเร็ว
“ ตัวไหนก็ได้” คำพูดคำเดียวกัน แต่ผลมันก็ยังต่างกัน
สุขสันต์วันปีใหม่นะ เพื่อนยาก
สุขสันต์วันปีใหม่คะ สำหรับกัลยาณมิตรทุกท่าน
ไม่มีความเห็น