ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะกับของขวัญที่ตามหา


หลายคนจะถามว่า ทำไม ทำไม คนถึงออกมาอยู่ที่ถนน ออกมาอยู่ในที่สาธารณะ แต่สังคมก็จะมองไปว่า เขาไม่มีบ้าน เขาไม่มีเงิน มองแค่ 2 ปัญหา ซึ่งมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งและส่วนน้อย จากการทำงานกับคนสนามหลวงมากกว่า 10 ปี อิสรชน พบว่า คนที่ออกมาอยู่ที่ถนนสุดท้ายแล้วเขาไม่ใช่ปัญหา แต่เขาเป็นปลายปัญหา และสิ่งที่นำพาเขามาข้างถนน ในที่สาธารณะ คือ การที่เขาไม่สามารถจัดการกับความเป็นปัจเจกของตนเองได้

เมื่อเทศกาลปีใหม่เข้าเยือนอีกครั้ง หลาย ๆ คนมองหาของขวัญที่จะมอบให้กัน ซื้อบางคนก็เลือกสรรค์ ซื้อของขวัญให้กับตัวเอง ซึ่งเป็นช่วงของเทศกาลของขวัญจริง ๆ

            แต่เมื่อมองกลับมายังผู้ที่ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ที่นอนตามถนน ตามที่สาธารณะ เขาไม่ได้เคยได้รับของขวัญที่เขาอยากได้ หรือแม้แต่เขาพยายามเสาะหาของขวัญแต่สุดท้ายของขวัญนั้นก็ไม่ได้มีอยู่จริง

            ที่ผู้เขียนกล่าวถึงของขวัญของคนที่ออกมาใช้ชีวิตในที่สาธารณะ อยากจะบอกว่าของขวัญที่เราอยากได้ สักวันเราต้องหามาได้ แต่คนที่ออกมาใช้ชีวิตในที่สาธารณะ สุดท้ายแล้วขอขวัญของเขามันไม่มีอยู่จริง

             หลายคนจะถามว่า ทำไม ทำไม คนถึงออกมาอยู่ที่ถนน ออกมาอยู่ในที่สาธารณะ แต่สังคมก็จะมองไปว่า เขาไม่มีบ้าน เขาไม่มีเงิน มองแค่ 2 ปัญหา ซึ่งมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งและส่วนน้อย จากการทำงานกับคนสนามหลวงมากกว่า 10 ปี อิสรชน พบว่า คนที่ออกมาอยู่ที่ถนนสุดท้ายแล้วเขาไม่ใช่ปัญหา  แต่เขาเป็นปลายปัญหา และสิ่งที่นำพาเขามาข้างถนน ในที่สาธารณะ คือ การที่เขาไม่สามารถจัดการกับความเป็นปัจเจกของตนเองได้

            กล่าวคือ อย่างกรณีคนที่ใช้ชีวิตในที่สาธารณะที่อุดรธานี ก็ไม่ต่างจากที่กรุงเทพฯ ลุงคนหนึ่งที่อุดรธานี ณ วันนี้อาศัยรถสามล้อเก่า ๆ เป็นบ้านนอนอยู่ในวัดโพธิ์(ไม่แน่ใจชื่อวัดแต่จำได้คราว ๆ )ตัวเมืองอุดรธานี เขาไปพูดคุย กล่าวคือ คุณลุงเป็นคนโคราช เก็บเงินเพื่อจะมาสู่ขอ เดินจากโคราชมาอุดรธานี สุดท้ายไม่ได้แต่งานกับผู้หญิงที่ตนเองรัก เอาเงินที่จะมาสู่ขอใช้ชีวิตในอุดรธานี จนทุกวันนี้ แกเร่ร่อนมา 50 ปี

            ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะที่กรุงเทพฯ ก็เช่นกัน บางคนออกมาเพื่อตามหาบางอย่าง แต่เมื่อไม่พบ ไม่ได้ ก็ไม่กลับบ้าน เพราะจะรอจนกว่าจะได้สิ่งนั้น สาวโรงงานเป็นสาวสวยเมืองอุดรธานีเช่นกัน แต่อยู่ใน อ.เพ็ญ ดั้งด้นออกมาอยู่เมืองกรุง เพื่ออยากได้ อยากมี เหมือนคนที่เขาเข้ามาแสวงหาโชคในเมืองกรุงแล้วประสบความสำเร็จ มีเงิน มีทองกลับบ้าน สร้างบ้านได้ใหญ่โต แต่เมื่อ เขาเข้ามาค้นหาในเมืองแต่มันไม่ได้เป็นอย่างภาพที่เขาสร้างไว้ สุดท้ายพอตกงาน ไม่มีทางไปก็มาใช้ชีวิตอยู่ที่ข้างถนน หรือที่สวนสาธารณะ บางคนในกรณีนี้ถ้าไม่มีหนทางจริง ๆ ก็เข้าสู่เส้นทางของพนักงานขายบริการ ทำไมไม่กลับบ้านหลายคนถาม แต่ถ้ามองไปที่วัฒนธรรม หรือเรื่องของศักดิ์ศรี คนต่างจังหวัดส่วนมากคาดหวังกับคนที่มาแสวงหาโชคในเมืองกรุง โดยเฉพาะคนที่เป็นหญิง เห็นได้จากช่วงเทศกาลต้องมีของติดไม้ติดมือกลับบ้าน หรือแม้แต่ข้านิยมว่าลูกต้องเรียนหมอ เป็นข้าราชการ ซึ่งสังคมไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้คนออกมาอยู่ที่สาธารณะ เมื่อเขาไม่เป็นอย่างความตั้งใจ บางคนก็จมไม่ลง อย่างกรณีที่ตนเองเรียนมาสูง จบปริญญาตรี พอตกงาน ไม่มีที่ไป แต่พอให้ไปเป็นยามก็ทำไม่ได้ ในกรณีนี้บางคนก็มีก็เป็น

            ซึ่งสุดท้ายแล้วบางคนมองว่าเป็นปัญหาที่ถ้าเป็นเรา บางทีก็แก้ไขได้ ใช่ถ้าเอาเราวัด แต่ถ้าเรามองอย่างเป็นจุดศูนย์กลาง   สังคมถูกสอนมาเช่นไร การถูกปลูกฝัง ค่านิยม ความเชื่อ ล้วนกลายเป็นเครื่องกำหนดคนแทน  นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้คนออกมาอยู่ในที่สาธารณะ แต่เป็นส่วนใหญ่ อีกกรณีที่เราพบคือ กรณีผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตและทางสมองที่ไม่รู้ว่าตนเองป่วย หรือว่าป่วยมากแต่ไม่มีคนดูแล ก็ออกมาอยู่ที่สนามหลวง  บางคนก็ป่วยจนไม่รู้ว่าตนเองเป็นผู้ป่วยที่เราเดินอยู่ที่ตามท้องถนน หัวยุ่ง ๆ ใส่เสื้อขาด ๆ เดินไม่รับรู้โลกภายนอก บางคนญาติก็ตามหา บางคนญาติก็ไม่ตามหา

            อีกกรณีคือผู้ที่รักความเป็นอิสระ ความเป็นส่วนตัวสูง เมื่อเขาเสร็จภารกิจในครอบครัว หรือคนที่ดูแลไม่ต้องห่วงใยก็ออกมาเป็นคนในที่สาธารณะ  อย่างกรณีล่าสุดที่เพิ่งเสียชีวิต สร้างบ้านทรงไทยไว้ให้ลูกเมียอยู่ พี่น้องเป็นกำนัน เป็นผู้ใหญ่ นามสกุลศรียานนท์ ก็ออกมาใช้ชีวิตในที่สาธารณะ จนเสียชีวิตริมคลองหลอด ทางอิสรชนได้ไปร่วมงานศพที่ญาติเขาจัดให้เมื่อรู้ว่าตายอิสรชนติดต่อญาติและญาติก็จัดทำศพ คนมาร่วมงานกว่า 200 คน นี้ก็เป็นโชคดีของพี่เขา แต่บางกรณีที่มีคนสนามหลวงเสียชีวิตเฉลี่ยเดือนละหนึ่งราย บางคนตามญาติได้ก็ดี ถ้าญาติรับทำศพ แต่บางคนญาติไม่รับทำศพแต่ถามว่าคนนี้มีเงินเก็บที่ไหน อิสรชนจึงเป็นฝ่ายที่ทำศพให้แทน แต่บางศพที่ไม่มีญาติ ไม่สามารถตามญาติได้ ก็กลายเป็นศพไม่มีญาติ

            เรื่องราวที่ผู้เขียนเขียนมานี้ เป็นส่วนหนึ่งที่หลายคนถามว่าทำไมคนถึงมาอยู่ที่สาธารณะ ซึ่งในความเป็นจริง คนทุกคนมีบ้าน เกิดมามีครอบครัว ถึงแม้จะครอบครัวแท้ ๆ หรือครอบครัวอุปถัมภ์ก็ตาม แต่คุณไม่ได้โดดเดี่ยว แต่การที่ออกมาโดดเดี่ยว คือ การที่เขาไม่สามารถจัดการกับความเป็นปัจเจกของตนเองได้ บางปัญหาของเขาที่เรามองหรือได้รับฟังสังคมก็มองว่า ปัญหาแค่นี้ไม่สามารถจัดการได้ แต่ในความเป็นจริงคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจัดการปัญหาหรือหาทางแก้จึงไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นคำพูดที่ว่า “การตัดสินใจคนจากภายนอก ไม่ได้”เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สุดท้ายคนที่เป็นผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะยังมีคงตามหาของขวัญของตนเองอยู่และบางคนก็ออกมาตามกาเรื่อย ๆ แต่บางคนที่หาเจอก็กลับคืนสู่ครอบครัว อิสรชนเราเป็นเพียง คนแนะนำของขวัญที่หลากหลายเพื่อให้เขาได้เลือกหาได้เร็วขึ้น แต่ไม่สามารถนำของขวัญไปให้เขาได้ สุดท้ายเขาต้องเลือกหาด้วยตัวเขาเอง

อัจฉรา สรวารี  : เขียนและเรียบเรียง

 

หมายเลขบันทึก: 415172เขียนเมื่อ 20 ธันวาคม 2010 22:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 20:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เห็นด้วยค่ะ ที่ว่าผู้ใช้ชีวิตในสวนสาธารณะเป็นเพียงปลายปัญหาของสังคม

อยากมีโอกาสกลับไปทำงานกับพวกเขาเหล่านั้นอีกจังเลยมันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ

ถ้าใครมีโอกาสลองเข้ามาสัมผัสดูนะคะ

เด็กร้อยเอ็ดค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท