น้องนางบ้านนา ตอนเยาว์ (ตอนที่ 2)


     พอแม่เดินมาถึงภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือ ลูกสาวคนเล็กนั่งอยู่ที่พื้นดิน มือกุมท้องร้องไห้อย่างน่าเวทนา โดยมีพี่สาวนั่งจับแขนน้องอย่างไม่รู้จะช่วยยังไง  แม่นั่งลงและถามว่า

        " ปวดมากไหมลูก ยาที่แม่ให้กินหรือยัง ? "

          ลูกสาวพยักหน้าแทนคำพูด พร้อมกับร้องไห้อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ในที่สุดแม่ก็ตัดสินใจว่า "ต้องล้วง" นางตกใจ ก็เลยถามแม่ว่า

        "ล้วงยังไงแม่" 

       " ก็ก้มลงแล้วแม่จะใช้ไม้แคะออก"

       นางก็ทำตามอย่างว่าง่ายทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่ โดยการโก้งโค้งให้แม่ใช้เศษไม้ที่หยิบได้แถวนั้นงัดเอาก้อนแข็งๆที่อุดอยู่ที่ทวารหนักออกมาเพราะนางไม่ขับถ่ายมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว นางมีอาการขับถ่ายลำบากมาตั้งแต่จำความได้ ยาระบายยี่ห้อไหนที่มีคนบอกมาแม่จะหามาให้รับประทาน ทั้งๆที่ขมแสนขม นางก็ไม่ปริปากบ่น แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น

       นางเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ พุงป่อง ตัวซีด ผมสีน้ำตาลและหยาบกระด้าง ซึ่งเป็นลักษณะของเด็กขาดสารอาหาร จนผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเรียกว่า "นางหัวแดง" แต่นางก็ไม่โกรธ ได้แต่ยิ้มด้วยความอาย และวิ่งหนี

         นางเกิดในหมู่บ้านชนบทในภาคอีสาน เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่แยกตัวออกจากหมู่บ้านใหญ่มีวัดกั้นตรงกลาง และวัดนี้ก็ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาร่วมกัน ครอบครัวที่มาบุกเบิกใหม่มีอยู่ประมาณ 40 หลังคาเรือนตั้งอยู่เรียงรายตามแนวถนนดินซึ่งมีสายเดียวในหมู่บ้าน ทุกครอบครัวจะมีสวนหลังบ้านของตัวเองไว้ปลูกผัก ผลไม้ไว้กินเอง เช่น มะม่วง มะพร้าว ขนุน ฝรั่ง นุ่น น้อยหน่า กล้วยสับปะรด เป็นต้น ส่วนรั้วก็จะมีถั่ว ตำลึง ขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ต้องซื้อ วันๆแทบไม่ต้องใช้เงินเลย เพราะทุกอย่างสามารถหาได้ตามเรือกสวน ไร่นา

        หมู่บ้านนี้ห่างไกลความเจริญมาก ไม่มีไฟฟ้าและประปาใช้ หุงหาอาหารใช้ฟืนและถ่าน น้ำก็ต้องไปตักที่บ่อแล้วแต่ครอบครัวไหนจะขุดได้  ส่วนน้ำดื่มต้องเดินไปหลายกิโลฯ และต้องไปแต่เช้าด้วยเพราะถ้าสายมาจะหมด บางทีต้องเดินไกลไปถึงอีกหมู่บ้านหนึ่งก็มี การไปตักน้ำก็เป็นทางหนึ่งที่ทำให้หนุ่มสาวได้คุยกันและช่วยเหลือกัน แต่งงานเพราะไปตักน้ำนี่ก็มีหลายคู่เหมือนกัน

       ทุกครอบครัวที่นี่จะอยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน เวลาทำกับข้าวก็จะตักแบ่งให้บ้านโน้น บ้านนี้ ถึงหน้านาก็มีการลงแขกช่วยกัน ถ้ามีการไหว้วานแล้วโดยมารยาทต้องให้สมาชิกในบ้านไปช่วย 1 คน ยุ่งแค่ไหนก็ต้องไป ด้วยนิสัยที่รักความสงบ จึงไม่มีเหตุทะเลาะวิวาท ถ้าบ้านไหนมีเรื่องอะไรก็จะรับรู้ด้วยกันหมด เวลาสร้างบ้านครอบครัวไหนมีผู้ชายก็จะไปช่วยกันแบบไม่ต้องจ้าง

        ครอบครัวนางอยู่กัน 7 คน มีแม่ พี่สาวอีก 4 คนและพี่เขย 1 คน ซึ่งนางเข้าใจผิดว่าเป็นพี่ชายเพราะเห็นมาตั้งแต่เกิด เลยเรียกว่า "อ้าย" จนติดปาก ปกติถ้าเรียกพี่เขย คนอีสานจะเรียก "พี่อ้าย" นางสนิทกับพี่สาวคนโตและพี่เขยมาก ไปไหนไปด้วย ขนาดไปใส่เบ็ดตอนกลางคืนก็ไปด้วย

         พี่เขยเป็นคนใจดี พูดน้อย และขยันทำงาน พี่ชอบฟังวิทยุเพื่อติดตามข่าวบ้านเมือง และจะพูดกับนางเป็นประจำว่า

        " อิหล่าตั้งใจเรียนเด้อ ถ้าแม่ไม่ส่งให้เรียน อ้ายจะส่งเอง"

       นางเชื่อฟังพี่เขยมาก เพราะที่บ้านมีผู้ชายคนเดียว หลังจากที่พ่อเสียพี่เขยก็เป็นเสาหลักของครอบครัว  เมื่อพูดถึงพ่อนางจะหัวใจพองโตทุกครั้ง เพราะภาพของพ่อที่แม่เล่าให้ฟังน่าภาคภูมิใจจริงๆ

       แม่บอกว่า  พ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน ในแต่ละวันพ่อจะเดินไปตั้งแต่หัวบ้านถึงท้ายบ้านเพื่อดูว่าใครมีปัญหาอะไรหรือเปล่า  พ่อเป็นผู้ชายที่สูงโปร่ง ผิวขาว หน้าตาดี เข้าขั้นหล่อเลยล่ะ ลักษณะเด่นของพ่อคือ ผมสีขาวดอกเลาทั้งศีรษะ แม่บอกว่า นางเป็นเด็กขี้แยและร้องไห้เก่งตั้งแต่เกิดแล้ว เวลาร้องพ่อก็จะอุ้มเดินไปตามถนนในหมู่บ้านและร้องเพลงกล่อมจนหลับ ทำแบบนี้ทุกวันจนนางอายุได้ 2 เดือน เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ...พ่อ

หมายเลขบันทึก: 415091เขียนเมื่อ 20 ธันวาคม 2010 16:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2013 22:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

 อ่านแล้วทำให้พี่ดาคิดถึงตอนป็นเด็กๆ

แม่บอกพี่ดาก็ร้องไห้เก่งมากติดพ่อมากต้องกล่อมให้หลับเช่นกัน

คุณยายเขียนได้ประทับใจจริงๆ ครับ ผมอ่านแล้วคล้อยตาม มองเห็นภาพครับ คงมีนักเขียนเพิ่มขึ้นอีกคนครับ ชื่นชม

สวัสดีค่ะพี่ดาIco48

  • ขี้แยและร้องไห้ง่ายจนถึงทุกวันนี้ค่ะ เวลามีเรื่องอะไรสะเทือนใจนิดหน่อยน้ำตาก็ออกมาแล้ว แก้ไม่หายสักที
  • เวลามีคนว่าอะไรมาก็โต้ตอบไม่เป็นค่ะ จะอึ้งอย่างเดียว

เรียนท่านอาจารย์Ico48

  • ขอบพระคุณอาจารย์มากๆนะคะที่ให้กำลังใจ
  • คุณยายใช้ภาษาบ้านๆ ไม่ได้กลั่นกรองอะไรค่ะ ใช้คำพื้นเมืองตามความเป็นจริง เลยไม่ค่อยสละสลวยค่ะ คงเป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกับการเขียนกลอนที่ไม่ค่อยจะคล้องจอง แต่ก็ยังเขียนตามใจตัวเองมาตลอดค่ะ หวังว่าคุณครูคงให้อภัยค่ะ

สิ่งแวดล้อมดีๆรอบๆตัวคุณยายเป็นน้ำทิพย์ที่หล่อเลี้ยงและชะโลมใจให้กับคุณยายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคุณยายถึงเป็นคนน่ารัก น่าคบหา น่าอยู่ใกล้ เพราะถูกแวดล้อมด้วยสิ่งที่ดีงามแม้จะไม่เลิศหรูแต่มีคุณค่าทางใจยิ่งนักมาตั้งแต่เด็กๆนั้นเองค่ะ ^-^

สวัสดีค่ะน้องIco48

  • เรียกว่า "จน แต่ รวยน้ำใจ" ค่ะ ต้องขอบคุณแม่และพี่สาวที่ดูแลนางมาอย่างดี ชนิดยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะค่ะ
  • ขอบคุณที่มาให้กำลังใจนะคะ
  • มีความสุขมากๆค่ะ

สิ่งแวดล้อมดีๆรอบๆตัวคุณยายเป็นน้ำทิพย์ที่หล่อเลี้ยงและชะโลมใจให้กับคุณยายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคุณยายถึงเป็นคนน่ารัก น่าคบหา น่าอยู่ใกล้ เพราะถูกแวดล้อมด้วยสิ่งที่ดีงามแม้จะไม่เลิศหรูแต่มีคุณค่าทางใจยิ่งนักมาตั้งแต่เด็กๆนั้นเองค่ะBaby

              สิ่งแวดล้อมกล่อมเกลาให้เราสู้    เป็นดั่งครูผู้เลิศประเสริฐหนา

           คอยอบรมฝึกหัดดัดจรรยา            ใครคบหาน่ารักประจักษ์ใจ

          ความลำบากยากไร้ในคราวก่อน      ได้สั่งสอนประสบการณ์อันยิ่งใหญ่

          ต้องขอบคุณความลำบากฝากกำไร   ที่ทำให้ยายนี้มีการงาน

         

                  

              

นมัสการหลวงพี่Ico48

  • ขอบพระคุณอย่างยิ่งที่มาให้กำลังใจค่ะ

มีเรื่องตื่นเต้นให้ติดตามตอนท้ายอีกแล้ว เหมือนละครโทรทัศน์เชียวนะครับ

เรียนท่านอาจารย์Ico48

  • ขอบคุณที่แวะมานะคะ
  • คุณยายเพิ่งหัดเขียนเรื่องเล่าค่ะ เขียนไปตามความทรงจำเก่าๆ ใช้ภาษาพื้นๆแบบบ้านๆ ไม่ได้เสริมแต่ง ข้อความจึงไม่ได้สละสลวยอะไร คงต้องขอคำแนะนำจากอาจารย์อีกเยอะค่ะ
  • ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ

อ่านแล้วเป็นการเขียนสาระชีวิตที่น่าสนใจ ใส ซื่อ แบบบ้านบ้าน สนุกได้ความรู้อนาคตเป็นนักเขียนหญิงใหญ่แนวหมอน้อยแบบสบาย..แทนครูคำพูนนักเขียนอีสานแนวครู..ใครจะรู้..ให้กำลังใจ

เรียนคุณครูฑูรย์Ico48

  • ขอบพระคุณอย่างยิ่งนะคะที่ให้เกียรติมาเยี่ยมและให้กำลังใจค่ะ
  • เป็นการเขียนครั้งแรกเลยค่อนข้างสะเปะสะปะค่ะ ตอนแรกเกรงว่าคนอ่านจะเข้าใจยากเลยแปลเป็นภาษากลาง แต่หลังๆมาก็ใช้ภาษาถิ่นเลยค่ะ เพราะทุกวันนี้คนภาคอื่นฟังภาษาอีสานเข้าใจมากขึ้นแล้วค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท