ฟังข่าวความเจริญของจีนและอินเดียแล้วผู้เขียนอาจจะมองโลกในแง่ร้าย มีความรู้สึกไม่สบายใจนัก ยิ่งข่าวโลกร้อนและอากาศอาเพสเช่นนี้ ความสำเร็จทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศเป็นความเจริญหรือความวิบัติกันแน่ วันที่นายกไทยประกาศเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตรถของเอเชียก็เช่นกัน
ลัทธิสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ของจีนและความเคร่งศาสนาของคนอินเดียได้ทำให้คนจีนและอินเดียประหยัดและใช้ชีวิตสมถะและใช้พลังงานเพียงน้อยนิดเมือ่เทียบกับยุโรปและสหรัฐอเมริกา
เมื่อยักษ์ทั้งสองถูกปลุกให้ใช้วิถีชีวิตแบบทุนนิยม เหมือนการปล่อยปีศาจร้ายตัวใหม่เข้ามาทำร้ายโลก การผลิตรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปริมาณการใช้พลังงานและทรัพยากรเพิ่มขึ้น จีนสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงหลายเขื่อน รถยนต์ราคาถูกผลิตออกมาให้คนนับสองพันล้านใช้ในราคาถูก เมื่อทรัพยากรไม่เพียงพอ จีนจึงสร้างทางรถไฟขยายอิทธิพลและเพื่อการขนส่งทรัพยากรใน ลาว กัมพูชา พม่า การเจริญของจีนและอินเดีย ยิ่งซ้ำเติมให้วิกฤตโลกร้อนรุ่นแรงขึ้น
ขณะเดียวกันกลุ่มคนพวกหนึ่งก็ปฏิบัติตนตึงและเคร่งครัด มองว่าต้องสกัดการพัฒนาและการขยายตัวของทุนนิยมชาวยิวให้ได้ กลุ่มคนเหล่านี้คือขบวนการศาสนาหัวรุนแรงในประเทศต่าง ๆ ที่ต่อสู้ตามอุดมคติที่เชื่อว่าตนถูกต้องอย่างเดียว ผู้ใดคิดไม่เหมือนตนล้วนเป็นปีศาจและซาตาน เข่นฆ่ากันไม่มีสิ้นสุดและนับวันจะระบาดไปทั่วโลก เป็นอีกวิกฤติหนึ่งที่เร่งเวลาให้โลกวิบัติ
ไปที่ใดแม้แต่ในไทยนี้พวกหย่อนและตึงเหล่านี้เต็มบ้านเต็มเมือง หาคนคิดกลางไม่ค่อยได้ ใครไม่เข้าพวกก็โดนรังเกียจ ทางสายกลางมีให้เห็นน้อยลงทุกที
ไม่มีความเห็น