บทความทางการบริหาร
กระบวนทัศน์การศึกษาไทย:ทัศนะของผู้บริหารสถานศึกษา
โดย นางสุมลฑา ชูจร รหัส 5355708007
.........................................................................................................................................................
กระบวนทัศน์การศึกษาไทย:ทัศนะของผู้บริหารสถานศึกษา
“เดินตามผู้ใหญ่ สุนัขไม่กัด” ดิฉันอยากจะใช้สุภาษิตนี้กับการศึกษาไทย ทั้งๆที่เราก็รู้กันโดยทั่วไปว่าคนไทยเรานั้น มีความสามารถมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะการรบ สงคราม เศรษฐกิจ อีกหลายด้าน ประเทศเราอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง แล้วทำไม เราต้องยึดเอาหลักการจัดการศึกษาของต่างชาติที่มีความแตกต่างทั้งด้านภาษา เชื้อชาติ ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ธรรมชาติ วิถีชีวิตโดยสิ้นเชิงมาใช้กับเมืองไทย คิดแต่เพียงว่าประเทศเขาใช้ได้ผล ประเทศเขาเจริญ คนของเขามีคุณภาพ คิดจะเจริญเหมือนเขา เราก็เลยนำของดีทางการศึกษาของเขามาใช้ คิดจะเดินตามหลังประเทศเจริญแล้วสุดท้ายก็มาตายที่เรา การศึกษาไม่ใช่การสร้างตึก ไม่มีวิศวะทางการศึกษา ที่จะคัดลอกแบบเอาพิมพ์เขียวของใครมาออกแบบแล้วสร้างตามนั้นได้ จากการที่ดิฉันเป็นครูมานานก่อนจะมาเป็นผู้บริหาร ได้คลุกคลีการการศึกษามาพอสมควรในระดับของนักปฏิบัติ หรือผู้รับนโยบายล่างสุด ทำให้ทราบว่า ไม่มีรูปแบบการจัดการศึกษาจากต่างชาติรูปแบบใดที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับประเทศไทย นอกจากการรู้จัก “ตน” แล้ว บูรณาการการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง อย่างเป็นธรรมชาติของ “สภาวะของตน” ขณะนั้น
ในปัจจุบันการศึกษาให้ความสำคัญกับการพัฒนาความชำนาญหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องทำให้การจัดการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ไปสู่ความรู้แนวคิดดังกล่าวมีลักษณะแบบแยกส่วน ลงลึกแต่ขาดความเชื่อมโยงกับสภาวะจริงของโลกที่เป็นองค์รวม เช่น มุ่งการเรียนรู้ไปที่อาชีพหรืออื่นๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐ อาทิ นโยบายขยายการเจริญเติบโตทางเศรฐกิจ ความมั่นคงแห่งรัฐ การเข้าสู่โลกาภิวัตน์ ฯลฯ ผู้เรียนขาดโอกาสทางการเรียนรู้ในส่วนที่ถูกกำหนดว่า มิใช่ความรู้ หรือมิใช่สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตในสังคมทันสมัย เช่น การเรียนรู้จิตวิญญาณ อุดมคติ ฯลฯ
กระบวนทัศน์ดังกล่าวได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ด้วยกระบวนทัศน์ใหม่ซึ่งเสนอว่า การศึกษาเรียนรู้เป็นเรื่องทางวัฒนธรรม คือเรื่องของวิถีชีวิต มิใช่เป็นเพียงเรื่องเฉพาะกิจ เฉพาะกาล เฉพาะใคร การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างการเรียนรู้โดยมีเป้าหมายเพื่อบูรณาการมนุษย์เข้ากับสภาวธรรมหรือสภาพอันเป็นธรรมดาของโลก คือช่วยให้มนุษย์ตระหนักรู้ถึงความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งในโลก เห็นถึงความสัมพันธ์เชื่อมโยงภายในระบบชีวิตตนเอง(กาย จิต ปัญญา) และความสัมพันธ์ของระบบชีวิตตนเองกับระบบภายนอก(สังคม นิเวศ/ธรรมชาติ) กระทั่งมองเห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน(องค์รวมหรือบูรณาการ) แล้วดำเนินชีวิตในด้านต่าง ๆ ไปอย่างสอดคล้องเหมาะสมเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น โลก ทั้งปัจจุบันและอนาคต
การเรียนรู้กระบวนทัศน์ใหม่ จึงเป็นเรื่องของกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับเหตุปัจจัยมากมายในวิถีชีวิตของบุคคล สังคม และระบบนิเวศ การปฏิรูปการศึกษาในกระบวนทัศน์แบบองค์รวมอย่างแท้จริง จะต้องมิใช่เรื่องของ ความเก่ง ดี มีสุข ที่จำกัดอยู่ระดับปัจเจกบุคคล แต่เป็นเพียงระบบย่อยที่สัมพันธ์เชื่อมโยงอยู่กับระบบใหญ่อีกมากมาย เช่น ครอบครัว ชุมชน สังคมการเมือง เศรษฐกิจ ฯลฯ การเชื่อมโยงมนุษย์ให้เข้ากับ “โลกมนุษย์” กับ “โลกธรรมชาติ” ต้องสมดุล กลมกลืนทุกระบบ ทุกระดับ จึงจะเป็นการเปลี่ยนกระบวนการทัศน์ใหม่ วิธีคิด ในการมองชีวิตสังคมและโลกธรรมชาติด้วยความสัมพันธ์ชุดใหม่ที่นำไปสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ที่แตกต่างจากวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นวิกฤตการณ์ในปัจจุบันด้วยสำคัญด้วยกรอบแนวคิดกระบวนการทัศน์ใหม่ทางการศึกษาไทย ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเพียง สุภาษิตข้งต้นหรือไม่...!?
ไม่มีความเห็น