น้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด โดยสิ่งมีชีวิตจะใช้ประโยชน์จากน้ำในกิจกรรมต่างๆ เช่น เป็นอาหาร เป็นที่อยู่อาศัย เป็นต้น น้ำจัดเป็นสารประกอบที่ประกอบด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม และออกซิเจน1 อะตอมยึดกันด้วยพันธะโคเวเลนซ์ มีสมบัติทางฟิสิกส์คือเป็นโมเลกุลที่มีขั้วบวกและขั้วลบที่ปลายโมเลกุลทำให้โมเลกุลของน้ำสามารถยึดกันด้วยพันธะไฮโดรเจน และสามารถแยกโมเลกุลอื่นออกจากกันได้ น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับสารประกอบไอออนและสารประกอบที่มีขั้ว
เซลล์ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตประกอบด้วยน้ำอย่างน้อยร้อยละ 60 และกระบวนการเมแทบอลิซึมในร่างกายเกิดขึ้นได้ในสารละลายที่มีน้ำเป็นตัวทำละลาย น้ำเป็นตัวกลางช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกาย เป็นตัวกลางในการลำเลียงสารอาหารและถ่ายเทของเสียออกจากร่างกาย น้ำถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ลมหายใจและทางผิวหนัง ถ้าร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่น้อยเกินไปจะทำให้ระบบทางเดินอาหารรวมทั้งระบบการทำงานของร่างกายอื่นๆ ผิดปกติ
ปัจจุบันน้ำในโลกมีประมาณ 3 ใน 4 ส่วน ร้อยละ 97.41 เป็นน้ำเค็มในมหาสมุทร ร้อยละ 2.59 เป็นน้ำจืด แต่น้ำจืดที่นำมาใช้ประโยชน์ได้มีเพียง ร้อยละ 0.014 เท่านั้น เนื่องจากเป็นน้ำแข็งร้อยละ 1.984 และอีกร้อยละ 0.592 เป็นน้ำใต้ดิน น้ำที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ได้ มาจากแหล่งใหญ่ๆ 3 แหล่ง ด้วยกันคือ
1. หยาดน้ำฟ้า( precipitation ) เป็นน้ำที่ได้จากบรรยากาศ เช่น ฝน น้ำค้าง หิมะ ลูกเห็บ เมฆ หมอก และไอน้ำ เป็นต้น
2. น้ำผิวดิน( surface water ) เป็นน้ำที่อยู่บนพื้นโลก ซึ่งมีปริมาณมากที่สุด มีทั้งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้แก่ แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบ ทะเล และมหาสมุทร และที่เกิดจากมนุษย์สร้างขึ้น
3. น้ำใต้ดิน( ground water ) เป็นน้ำที่เกิดอยู่ใต้ระดับผิวดิน แบ่งออกได้ดังนี้
3.1 น้ำในดิน เป็นน้ำที่ซึมอยู่ในดินเหนือชั้นหินที่น้ำซึมผ่านได้ยาก เกิดจากเมื่อเวลาฝนตกน้ำฝนจะซึมไปในดินจนถึงชั้นหินที่น้ำซึมผ่านได้ยากจึงมีน้ำแทรกอยู่ในชั้นดินระดับบนสุดของน้ำในดินเรียกว่า “ ระดับน้ำในดิน ”
3.2 น้ำบาดาล เป็นน้ำในดินที่ซึมผ่านชั้นหินที่น้ำซึมผ่านได้ยากลงไปอยู่ในช่องว่างของชั้นหินที่มีรูพรุนซึ่งอยู่เหนือชั้นหินที่น้ำซึมผ่านได้ยากชั้นล่างอีกชั้นหนึ่ง ระดับน้ำตอนบนสุดของน้ำบาดาลเรียกว่า “ ระดับน้ำบาดาล ”
**คุณลักษณะของน้ำ**
น้ำมีคุณลักษณะเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี มีความโปร่งแสง ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ มีจุดเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส จุดเยือกแข็งที่ 0 องศาเซลเซียส น้ำจะหดตัวและมีความหนาแน่นมากขึ้นที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส และมีปริมาตรเพิ่มขึ้นที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส คุณลักษณะโดยทั่วไปของน้ำแบ่งได้ดังนี้
1. คุณลักษณะทางกายภาพ ( Physical Characteristics ) ประกอบด้วย
1.1ความขุ่น( turbidity ) หมายถึงน้ำที่มีสารแขวนลอย ขนาด 0.2-1,000 ไมครอนอยู่ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นน้ำในระดับลึกได้สะดวก สารแขวนลอยในที่นี้ เช่นสารแขวนลอยที่เกิดจากแพลงก์ตอน จุลินทรีย์ อินทรีย์สารต่างๆ ความขุ่นโดยทั่วไปมีค่าน้อยกว่า 5 NTU
( nepelometric turbidity unit )
1.2 สี ( color ) น้ำบริสุทธิ์จะมีสีใส แต่สีที่ปรากฏในน้ำผิวดินเกิดจากการหมักทับถมของอินทรีย์สารและอนินทรีย์สาร ซึ่งมีลิกนินเป็นองค์ประกอบเมื่อสารเหล่านี้สลายตัวจะทำให้น้ำกลายเป็นสีน้ำตาลหรือสีชา เนื่องจากกลายเป็นแทนนิน ฮิวเมต และกรดฮิวมิค การละลาย
ของธาตุต่างๆในน้ำที่เกิดจากกระบวนการใช้น้ำของชุมชน เกษตรกรรม อุตสาหกรรม จะทำให้น้ำมีการปนเปื้อนและมีสีเปลี่ยนไปตามกิจกรรม
ดังกล่าว
1.3 กลิ่น ( odor ) น้ำบริสุทธิ์โดยทั่วไปจะไม่มีกลิ่น นอกจากน้ำที่อยู่ในภาวะขาดออกซิเจนโดยเกิดจากการผ่านกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ทำให้น้ำมีกลิ่นแก๊สไข่เน่า
1.4 รสชาติ( taste ) น้ำบริสุทธิ์จะไม่มีรสชาติ น้ำที่มีรสชาติเกิดจากน้ำมีเกลืออนินทรีย์ละลายอยู่ เช่น เกลือของเหล็ก เกลือของทองแดง เกลือของโซเดียมเป็นต้น ทำให้น้ำมีรส เปรี้ยว หวาน ขมและเค็มโดยขึ้นอยู่กับชนิดของสารละลายในน้ำนั้น
1.5 อุณหภูมิ( temperature ) อุณหภูมิของน้ำโดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับสภาพดิน ฟ้า อากาศ การที่น้ำมีอุณหภูมิเปลี่ยนไปเนื่องจากการปนเปื้อนของน้ำจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์
1.6 ปริมาณของแข็งละลายในน้ำทั้งหมด( total disolved solid : TDS ) ส่วนใหญ่ของแข็งที่ละลายในน้ำเหล่านี้คือเกลืออนินทรีย์ เช่น แคลเซียม โซเดียม คาร์บอเนต ไนเทรต คลอไรด์และซัลเฟต เป็นต้น แต่อาจมีสารอินทรีย์ละลายอยู่ เช่น อินทรีย์สารจากของเสียจากกิจกรรม
ของมนุษย์ จากชุมชนและจากการอุตสาหกรรม
2. คุณลักษณะทางเคมี ( Chemical characteristics ) ประกอบด้วย
2.1 ค่าความเป็นกรด-เบส( pH ) ค่า pH เป็นค่าวัดความเข้มข้นของไฮโดรเจนอิออน หรือความสามารถของกรด-เบสที่ทำปฏิกิริยากับน้ำแล้วให้ไฮโดรเจนถ้าน้ำมีค่าpH ต่ำมาก น้ำจะมีความสามารถในการกัดกร่อนสูงและสามารถทำลายเชื้อโรคได้ดี และถ้าน้ำมีค่า pH สูงจะทำปฏิกิริยากับสารส้มได้น้อย น้ำจึงตกตะกอนได้ไม่ดี
2.2 ความกระด้างของน้ำ ( hardness ) ความกระด้างของน้ำเกิดจากการที่น้ำมีเกลือไบคาร์บอเนต เกลือซัลเฟต เกลือไนเทรตเกลือคลอไรด์ของแคลเซียมหรือแมกนีเซียมละลายอยู่ หากน้ำกระด้างมากทำให้รสชาติของน้ำเปลี่ยนแปลง และใช้สบู่หรือผงซักฟอกปริมาณมากกว่าน้ำอ่อน นอกจากนี้ยังทำให้เกิดตะกอนในภาชนะที่บรรจุน้ำ
ครูภาทิพ มามอบอีก ๑ น้ำ คือ น้ำใจค่ะ ขอบคุณสำหรับสาระดี ๆ ค่ะ
จะว่าไปน้ำก็มีชีวิต และสัมพันธ์ฺกับวิถีชีวิตของเรามาอย่างยาวนาน