มนุษย์ทุกรูปทุกนามมีความรักตนเองมากที่สุด รักตนเองยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก แม้นว่าชายหญิงบางคนที่หวังแอบอิงกัน จะบรรยายกับคนรักของตนเองว่า ฉันรักเธอยิ่งกว่าชีวิตฉัน ฉันพร้อมที่จะสละทุกสิ่งแม้ชีวิตนี้เพื่อเธอได้ แต่ในความจริงนั้น เหตุที่ทุ่มเทความรักให้คนอื่นก็เพื่อมุ่งหวังให้เขารักตนนั่นเอง ยังมีความจริงอีกสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้คนเรารักและเข้าข้างตนเองก็คือ หากตนเองทำผิดในสิ่งที่รู้อยู่ว่าผิดเช่น ติดการพนัน ติดเที่ยวกลางคืน ติดสุรา ติดชู้ ก็มักจะมีความรู้สึกฝืนความผิดชอบชั่วดี มีแต่การให้อภัยตนเองอยู่ร่ำไป ไม่คิดจะแก้ไขในสิ่งผิด ใครที่คิดแต่จะทำสิ่งที่ผิดซ้ำซากอยู่อย่างนี้ ชื่อว่าไม่รักตัวเอง จึงสมควรที่จะต้องแก้ไขตนเองด้วยการงดเว้นจากสิ่งที่ไม่ดีทั้งปวง จึงจะชื่อว่าเป็นคนที่รักตัวเองอย่างแท้จริง
เมื่อรักตัวเองจึงจำเป็นต้องสร้างตนเองให้สามารถเป็นที่พึ่งของตนเองได้ ด้วยการขยันหมั่นเพียร ศึกษาหาความรู้ ขยันทำมาหากิน ประกอบอาชีพที่สุจริต คิดสร้างฐานะตนเองให้มั่นคงเพื่อดำรงตนให้เป็นที่พึ่งของตนเองได้ทุกเมื่อ ถ้าเราไม่ฝึกตนให้เป็นคนดี ไม่มีวิชาความรู้ ไม่มีความประพฤติดี ไม่มีความขยันหมั่นเพียร ไม่มีศีลธรรมประจำใจ ชีวิตก็ไปไม่รอด ช้างม้าวัวควายถ้าไม่ได้รับการฝึกก็ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ คนเราถ้าพิจารณาเห็นตามที่กล่าวแล้วแล้วว่า ตัวเองยังขาดตกบกพร่องอยู่อย่างไร ก็ต้องรีบแก้ไขในสิ่งผิด ฝึกตนใหม่ให้ดีขึ้นตามลำดับ ก็จะสามารถนำชีวิตไปสู่ความสุขได้ความเจริญได้ อย่าอยู่ไปวันๆ โดยไม่มีความหมาย เกิดมาทั้งทีต้องเอาดีให้ได้
การฝึกตนนั้นเป็นสิ่งยากเพราะคนเรามักตามใจตัวเอง เข้าข้างตนเองเสมอ อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากทำอะไรก็ต้องทำ ทั้งที่ตนเองก็รู้ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งผิด สิ่งนั้นชั่ว ทำไปแล้วตนเองจะเดือดร้อนแต่ก็ยังจะทำ คนประเภทนี้เรียกว่า คนมีกิเลสหนาปัญญาต่ำ ย่อมกระทำสิ่งที่ผิดทำนองคลองธรรมได้ทุกอย่าง บางครั้งทำผิดไปแล้วก็รู้ตัวว่าทำผิด แทนที่จะคิดแก้ไขลดละเลิกการกระทำนั้นก็ไม่ยอมทำเช่น คนติดยาเสพติด ติดสุรา ติดบุหรี่ ติดการพนัน เป็นต้นก็ยังไม่ยอมละลดเลิกสิ่งผิดอยู่ดีแล้วจะเป็นคนดีได้อย่างไร เหมือนคนเดินไปเหยียบอุจาระและอาจม ถ้าไม่ล้างออกเท้าจะสะอาดได้อย่างไร
คนเรานั้นถ้าไม่หมั่นพิจารณาตนด้วยตนเอง ไม่คิดจะปรับปรุงตนเองให้อยู่ในศีลในธรรมในระเบียบวินัย อนาคตก็ไปไม่รอด
1.หากรู้ว่าตนเองมีความรู้น้อยก็ต้องฝึกตนเองให้รักการศึกษา
2.หากรู้ว่าตนเองเกียจคร้านก็ต้องบังคับตนเองให้ขยันขันแข็ง
3. หากรู้ว่าตนเองโลเลก็ต้องปรับตนเองให้เป็นคนมั่นคงไม่อ่อนไหวง่าย
4.หากรู้ว่าตนเองบกพร่องสิ่งใดก็ต้องพยายามแก้ไขปรับปรุงสิ่งที่บกพร่องนั้นให้หมดไป
การปรับปรุงตนเองให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ ก็จะสามารถนำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ ถ้าไม่ฝึกตนปล่อยตนเองให้เป็นแบบเรือที่ปราศจากหางเสือก็เชื่อได้ว่า เกิดมาชาตินี้เอาดีไม่ได้ (อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม. การฝึกตนเองเป็นของยาก. (พระไตรปิฏกเล่มที่ 25 ขุททกนิกายธรรมบท))
หากเราไม่สามารถเอาชนะกิเลสตัณหาที่ครอบงำจิตอยู่ได้ จิตใจก็จะใฝ่ต่ำชักนำไปในทางชั่วร้าย กล้าทำในสิ่งที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดกฎหมายบ้านเมืองได้ หากเราไม่สามารถบังคับควบคุมจิตใจให้ดีได้ก็จะมีแต่ความทุกข์ความลำบาก
1. หากเอาชนะจิตใจที่โลภได้ ย่อมไม่อยากร่ำรวยในทางทุจริตผิดกฎหมาย
2.หากเอาชนะใจที่โกรธได้ ก็จะไม่ก่อเหตุประทุษร้ายต่อใครให้บาดเจ็บล้มตาย
3.หากเอาชนะจิตที่กำลังหลงงมงายได้ ก็จะไม่มัวเมาประมาท ทำผิดพลาดคิดผิดพลาดในกิจการทั้งปวง
บุคคลที่สามารถชนะจิตใจได้แบบนี้ ย่อมไม่มีเวรมีภัยกับใคร ดีกว่าไปชนะคู่อริด้วยอาวุธ ชนะด้วยกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ทำให้ผู้อื่นได้รับได้รับความเสียหายเจ็บแค้น การชนะแบบนี้มีแต่จะนำความพ่ายแพ้มาให้กับตัวเราในที่สุด เป็นชัยชนะที่อาจกลับเป็นผู้พ่ายแพ้ในทีหลัง การชนะกิเลสที่เกิดขึ้นในจิตใจของเราได้เป็นการชนะที่ดี ( อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย การชนะกิเลสที่เกิดขึ้นในจิตของตนเองได้เป็นความดี (พระไตรปิฏกเล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย ธรรมบทคาถา))
จะดีจะชั่ว ก็อยู่ที่ตัวเอง