ต่อยอดความรู้ : เมื่อผมไม่ยอมทำบัตร ATM
ได้อ่านบันทึกเรื่อง"ห่วงธนาคารไทย" ของท่านอาจารย์หมอวิจารณ์แล้ว มาติดใจตรงข้อคิดเห็นของคุณออต ที่เขียนว่า
"บางธนาคารติดป้ายหลาว่าถอนเงินต่ำกว่า 1000 บาทให้ไปกดตู้ ATM อันนี้บังคับทางอ้อมว่าผู้บริโภคต้องไปสมัครบัตรเอทีเอ็ม(ค่าธรรมเนียม 150บาท/ปี)"
ตรงนี้ผมมีประสบการณ์มา Share ให้ท่านผู้อ่านทราบบ้างครับ เป็นการเลี่ยงกฎที่ธนาคารตั้งขึ้นมานะครับ
คือเราต้องทราบว่า ธนาคารไทยอยู่ได้ด้วยเงิน 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ
- ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝาก
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ธนาคารเรียกเก็บ
เรามาดูข้อ 2 กัน นะครับ ยกมาเรื่องเดียวคือเรื่องบัตร ATM
นายธนาคารเขาจะมีการรวมกันเป็นกลุ่ม เรียกว่าสมาคมธนาคารไทย คอยกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เหมือนๆ กันทุกธนาคาร อย่างเรื่อง ATM นี่ ยุคแรกๆ ออกบัตรให้ฟรีเลยครับ แต่เดี๋ยวนี้บังคับเลยนะครับว่าถ้าเปิดบัญชีออมทรัพย์ ต้องทำบัตร ATM ควบคู่ไปด้วย
ธนาคารในม.นเรศวร มี 2 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงเทพ กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นสาขาย่อยทั้งคู่
ผมไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นออมทรัพย์ เขาก็จะถามว่าเปิด ATM ด้วยไหม ผมก็ถามว่าบังคับหรือเปล่า เขาว่าไม่บังคับ ผมก็เลยไม่ใช้ ATM (เพราะต้องเสียค่าธรรมเนียมปีละ 150 บาท)
ส่วนธนาคารกรุงเทพ เมื่อผมไปเปิดบัญชีออมทรัพย์ เขาบอกว่าต้องเปิด ATM ด้วย เพราะว่าเขามีนโยบายว่า ถ้าถอนเงินน้อยๆ ให้ไปใช้บริการที่ตู้ ATM (ลดภาระพนักงาน)
ผมบอกว่าไม่คุ้ม เพราะผมฝากเงิน 100 บาท ปีหนึ่งผมได้ดอกเบี้ย 1 บาท (สมัยก่อนย้อนหลังไป 3-4 ปี) แต่ผมต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้บัตรปีละ 150 บาท ถ้าผมอยากใช้บัตรฟรี ผมต้องฝากเงินปีละ 15,000 บาท โดยไม่ถอนเลย
ผมเลยถามเจ้าหน้าที่ว่า มีวิธีไหนที่ผมจะฝากออมทรัพย์โดยไม่ต้องทำบัตร ATM ถ้ามไม่มี ผมก็จะไปฝากธนาคารอื่น
เจ้าหน้าที่ก็บอก Trick ให้ โดยให้สมัครบัตรเครดิตของธนาคาร แล้วอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ ให้เปิดออมทรัพย์โดยไม่ต้องมี ATM แต่ให้ Link บัญชีออมทรัพย์เข้ากับบัตรเครดิต และใช้บัตรเครดิตเป็น ATM ด้วย เป็นวิธีที่ "บัวไม่ช้ำและน้ำไม่ขุ่น"
ผมก็เลยมีบัตร ATM ใช้ฟรี เพราะว่าบัตรเครดิตของผมเขายกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้า และค่าธรรมเนียมรายปี (เพราะใช้ได้ครบตามเป้าหมายที่เขากำหนด ครับ)
มีอีกธนาคารหนึ่งคือ กสิกรไทย เขาบริการเรื่องนี้ดีมาก คือ เมื่อเขาแนะนำให้ทำบัตร ATM เขาก็จะแนะนำให้เปิดบัญชีออมทรัพย์ เพื่อที่เขาจะตัดบัญชีของเราเมื่อบัตรครบกำหนดชำระ อย่างนี้ก็เป็นวิธีการเรียกลูกค้าที่ดี และไม่เสียมิตรไมตรีของสมาคมธนาคารไทยครับ
ความเห็น (8)
- โอโห มีวิธีการที่ดีนะครับ
- อึ้งไป เลย สงสัยต้งลองบ้าง
เรียนคุณ rujroadk
- บัตรเครดิตนี้ใช้เป็นบัตร ATM ได้ด้วย (เฉพาะธ.กรุงเทพ และกสิกร ครับ) คือถ้าในบัญชีออมทรัพย์เรามีเงินอยู่ เราก็กดออกมาใช้ได้ และถ้าเราไปกดสาขานอกพิษณุโลก แต่ธนาคารเดียวกัน จะเสีย 10 บาท แต่ถ้ากด ATM ต่างธนาคารก็จะเสีย 20 บาทครับ (บางครั้งเสีย 23 บาท)
- นอกจากประหยัดเวลาแล้ว ยังประหยัดค่าน้ำมันรถที่ต้องใช้ขับไปติดต่อธนาคารด้วยครับ คิดแล้วอาจจะมากกว่าค่าบัตรปีละ 150 บาท
- ขอบคุณครับ
- ล่าสุดจะไปเปิดบัญชีออมทรัพย์กับสยามกัมมาจล แต่เขาบังคับให้ทำ ATM ด้วย ผมเลยไม่เปิด
- ตอนนี้ก็มี ATM อยู่ไม่ต่ำกว่า 3 ใบแล้ว ไม่อยากจ่ายเพิ่ม เนื่องจากบ้านอยู่ในเมือง เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงธนาคารแล้ว
- ผมโดนหักค่าธรรมเนียมจนบัญชีปิดไปไม่น้อยกว่า 2 บัญชี (2 ธนาคาร) โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ
- มีธนาคารไหนที่ไม่บังคับให้ทำ ATM บ้างครับ จะไปเป็นลูกค้าเสียหน่อย
- แถม Tactic นิดหน่อย ในการส่งเงินให้ลูกที่เรียนอยู่เมืองนอก สมัยน้องผมไปเรียน ผมให้เขาเอา ATM (VISA Electron) ของผมไป แล้วผมก็เอาเงินเข้าบัญชีที่นี่ แล้วให้เขากดที่โน่น เสียค่าธรรมเนียม 100 บาทเองครับ น่าจะถูกกว่าการส่งเงินด้วยวิธีอื่นๆ
- ขอบพระคุณอาจารย์Beemanที่ช่วยชี้แนะช่องทางเพื่อเท่าทันนายธนาคารนะครับถ้าคนในเมืองที่ต้องรีบเร่งกับเวลาอาจจะถูกจริตนะครับออตว่า
- แต่ถ้าตาสา ยายสี บ้านฮ่องหอย เมืองขอนแก่นและเพื่อนพี่น้องชาวบ้านตาดำๆคงไม่รู้สึกเป็นธรรมแน่
- บัตร เอทีเอ็มที่ไม่บังคับให้ทำ(แต่ต้องทำ)สำหรับชาวบ้านคงเอาไปเก็บไว้เฉย ๆจะกดก็กลัวว่าเงินของตนเองจะหาย จะไม่ออก จะไปโผล่ที่บัญชีคนอื่น สารพัดที่คนเราจะกลัวเกี่ยวกับเครื่องอิเล็กทรอนิคนะครับ คนกลุ่มนี้มีมากในสังคมนะครับ น่าเห็นใจ
- สงสารตัวเองด้วยที่ไม่เท่าทันธนาคาร
- ขอขอบคุณเปมิช ที่เข้ามาลปรร.ครับ คุณเปมิชหายไปนานเลย คาดว่าคงมีภาระกิจยุ่งมาก
- ขอขอบคุณ คุณ ออต ด้วยครับ ที่เข้ามาลปรร. และสะท้อนให้เห็นอีกภาพหนึ่ง ระหว่างนายธนาคาร VS ตาสา/ยายสี