บันทึกผ่านการเดินทาง เพราะ "สมุย" กำลังจะเป็น "เมืองพิเศษ" เราจึงไปพิสูจน์รู้ความเป็นจริง
"อาจารย์เชื่อผมไหม๊ครับว่าแค่เราเจตนาดี (เหนียต) ต้องการทำงานเพื่อสังคมไม่ว่าเขาจะเป็นใครหากจะช่วยให้เขาดำเนินอยู่ได้เพื่อเรียนรู้พระเจ้าที่แท้จริง ผมเชื่อครับว่าพระเจ้าจะคุ้มครองเขา..."
บทสนทนาข้างต้นคือเรื่องราวการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างที่ปรึกษาคณะทำงานเสียงเล็กๆเพื่อสันติภาพ (ผู้เขียน) กับ สตรีสันติภาพประจำปี ๒๕๕๓ (อ.บงกช นพวงศ์ ณ อยุธยา) ณ การศึกษาดูงานและขับเคลื่อนเลื่อนล้อสังคมที่เทศบาลเมืองเกาะสมุย...
เมื่อวันที่ ๒๖-๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา คณะทำงานเสียงเล็กๆเพื่อสันติภาพได้เดินทางไปพิสูจน์รู้สู่ความเป็นเมืองพิเศษของเกาะสมุยโดยได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมการเดินทางในครั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนสังคมจากท่าน อ.บงกช นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาธรรมาธิปไตย สตรีสันติภาพ ประจำปี ๒๕๕๓
การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประชุมร่วมกับ นายกเทศบาลเมืองเกาะสมุย มูลนิธิอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์ศึกษาและพัฒนาธรรมาธิปไตย เครือข่ายเยาวชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเครือข่ายจากผูภาสู่มหานที เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา และพัฒนาเชิงระบบของเทศบาลเมืองเกาะสมุย... สิ่งที่คณะทำงานเสียงเล็กๆเพื่อสันติภาพสนใจและได้รับการเชื้อเชิญจากท่านสตรีสันติภาพ คือ การศึกษาพื้นที่ที่มีพี่น้องมุสลิมไปอาศัยอยู่ซึ่งส่วนใหญ่มาจากปัตตานี และที่สำคัญนี่คือ
มัสยิดหลังเดียวบนเกาะสมุย...อามานะฮฺที่พร้อมลุยในอีกหนึ่งภารกิจเพื่อการร่วมขับเคลื่อนชุมชนมุสลิมต้นแบบ ด้วยความหวังและดุอาอฺ
ข้อค้นพบสำหรับการเดินทางร่วมภารกิจของคณะทำงานในครั้งนี้ คือ ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้และสัมผัสความเป็นตัวตนของคนในองค์กรต่างๆ อำนาจเมื่อผนึกกับหน้าที่ในสังคมมันทำให้คณะทำงานได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรักษาอำนาจไว้ด้วยความยุติธรรม สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเมืองที่จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองพิศษอย่างสมุย คือ การบริหารจัดการองค์กรที่พร้อมสรรพ โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ของท่านนายกเทศบาลเมืองเกาะสมุย จากการนั่งฟังท่านพูดคุยแล้วเห็นอุดมการณ์ที่หาญกล้าของท่านมาก ความพยายามที่จะทำให้สมุยกลับมาเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นความใฝ่ฝันบนความท้าทายที่น่าสนใจในมุมคิดของผู้เขียน เพราะเมื่อกาลเวลาผ่านไปชุมชนท้องถิ่น กำลังจะก้าวเข้าสู่การกลายเป็นชุมชนเมืองอย่างเต็มรูปแบบสิ่งที่น่าคิดก็คือว่า "แล้วต่อไปอะไรที่จะช่วยให้ความแปรเปลี่ยนนี้ คือ วิถีที่ควรจะเดินและดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์" คำตอบคือการสร้างจิตสำนึกร่วมกันเท่านั้นในการพัฒนาเชิงระบบแห่งเมืองพิเศษที่จะได้เกิดขึ้นบนเกาะสมุยแห่งนี้
คณะทำงานเชื่อว่าหากการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน ทุกองค์กรเป็นไปอย่างมุ่งมั่นและตั้งใจจริง โดยยืนอยู่บนพื้นฐานของความมั่นคงในชีวิตและจิตใจของเพื่อนมนุษย์ พวกเราเชื่อครับว่าการขับเคลื่อนสังคมบางพื้นที่เป็นไปได้ไม่ยาก (ที่ผู้เขียนใช้คำว่า "บางพื้นที่" เพราะรู้ว่าบางพื้นที่มันซับซ้อนเกินกว่าที่จะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่แรมปีในการแก้ไขปัญหา...วัลลอฮฺอะลัม) ยังเชื่อมั่นลึกๆ ครับว่า หากจะทำให้สมุยเป็นเมืองพิเศษดั่งในภาพฝัน เปลี่ยนเมืองการท่องเที่ยวเป็นเมืองแห่งการอนุรักษ์ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเกาะสมุย การอยู่ร่วมกันของทุกชุมชนตำบลแม้อาจมีความแตกต่างกันบ้างแต่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติของผู้คนชุมชนในพื้นที่ คือ สิ่งที่น่าเรียนรู้มากกว่าการเดินทางไปเพื่อพักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่แห่งนี้
การนำทีมของ ท่านพลโทกิตติพันธ์ นพวงศ์ ณ อยุธยา (ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของกองทัพบก) และ ท่าน อ.บงกช นพวงศ์ ณ อยุธยา สตรีแห่งสันติภาพ ที่นำคณะทำงานทีมวิชาการของศูนย์ศึกษาและพัฒนาธรรมาธิปไตยลงพื้นที่พิสูจน์รู้ความเป็นไปเบื้องต้นอย่างตั้งใจ ผสานความร่วมมือกับ เครือข่ายผู้นำเยาวชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการร่วมขับเคลื่อนสังคมที่มีความต่างมากกับพื้นที่ที่เขาเหล่านั้นได้เคยศึกษาและพัฒนามา แต่กาลเวลาจะเป็นบทพิสูจน์ครับว่า ความจริงใจและความตั้งใจของผู้คนเหล่านี้จะสร้างการแปรเปลี่ยนเมืองพิเศษแห่งนี้อย่างเป็นรูปธรรม แค่เพียงทุกคนไม่ท้อไปเสียก่อนกับบททดสอบและปมเงื่อนในบางวิถีคิด...
คณะทำงานเสียงเล็กๆเพื่อสันติภาพจะขอเป็นกำลังใจและขอเป็นเพียงหนึ่งพลังเสียงที่จะร่วมขับเคลื่อนเลื่อนล้อสังคมอย่างสร้างสรรค์ ในวันและเวลาที่กำลังดำเนินไป แม้อาจไม่มีใครรับรู้และเห็นมันแต่เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงรอบรู้และอยู่เคียงข้างคนดีทุกๆการกระทำ
อัลฮัมดุิลิลละฮฺ...ยอมรับเลยครับว่า การกลับจากสมุยรอบนี้ได้เรียนรู้อะไรเยอะครับ โดยเฉพาะการทำงานของหน่วยงานต่างๆ และที่สำคัญนี่คืออีกหนึ่งความท้าทายของคณะทำงานเสียงเล็กๆเพื่อสันติภาพในการที่จะขับเคลื่อนเลื่อนล้อสังคมอีกพื้นที่ เพราะพวกเราเชื่อว่าการสร้างสันติภาพมันต้องระเบิดความสำนึกรู้คิดจากภายในตน คนเพียงไม่กี่คนของคณะทำงานอาจเปลี่ยนอะไรได้ไม่มากแต่ความยากลำบากจะทำให้เรารู้ว่า "การได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อสังคมชุมชนคนรอบข้าง คือ ความสุขที่ควรกระทำ"
“แท้จริง อัลลอฮ์จะมิทรงเปลี่ยนแปลงสภาพของชนกลุ่มใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสภาพของพวกเขา และเมื่ออัลลอฮ์ทรงปรารถนาความทุกข์แก่ชนกลุ่มใดแล้ว ก็จะไม่มีผู้ตอบโต้พระองค์” (อัรเราะอฺดุ อายะฮฺที่ 11)
บันทึกเก็บเกี่ยวมุมคิด
ณ "ความชุ่มช่ำของฟ้าฝน" ปัตตานี
๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๓
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น