ทาสอารมณ์


อย่าเป็นทาสอารมณ์อย่าหน้ามืดตามัวตนเองทำอะไรอย่าคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตนเสมอไป

                              ยามดอกไม้เบ่งบานจงเร่งคว้า 

                               กาลเวลาล่วงไปไม่กลับหลัง    

                               ดอกไม้บานวันนี้ใช่จีรัง 

                               รุ่งอีกครั้งอาจแห้งโหยร่วงโรยไป

         คนเรามีทั้งความสุขความทุกข์คละกันไปเช้าอาจยิ้มรื่น เข้าที่ทำงานรับสายโทรศัพท์อาจหน้าบึ้งไปตลอดวัน เมื่อยามคนเรามีความไม่สบายใจ บางทีกว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นความเครียดเกิ ดโรคหลายอย่างเช่นนอนหลับยาก แม้ไหว้พระก่อนนอนทุกวันก็ยังทุกข์ ไปทำบุญถวายสังฆทานหลายครั้งก็ยังกลุ้มใจ บางทีความทุกข์ใจเกิดจากตัวเราเองที่ไม่รู้ใจตัวเอง 

        บางคนเป็นทาสอารมณ์ ยอมก้มหน้าก้มตาให้กับกิเลสหรือสิ่งที่เราปรุงขึ้นมาในจิตใจแล้วก็สร้างนรกขึ้นมาเป็นไฟอารมณ์เผาตนเองไม่พอพาลเผาคนรอบข้างไปด้วย คนมีอารมณ์ร้อนนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าภูเขาไฟระเบิดหรือยิ่งน่ากลัวกว่านรกที่ศาสนาสอนว่าน่ากลัว

         บางคนหน้ามืดตามัว พอตนเองทำอะไร พาลคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตนเสมอไป พาลหาเรื่องก่อเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องจนกลายเป็นมีเรื่องทำให้ทะเลาะวิวาทวุ่นวาย ไม่สร้างสรรแต่กลายเป็นการสร้างปัญหาค้างคาใจและเป็นปมเงื่อนรอเวลาแยกทางหรือแยกทางกัน เราต้องเป็นนายอารมณ์อย่าให้อารมณ์เป็นนายเราหรือพูดง่ายๆว่า "อย่าเป็นทาสอารมณ์"                               

        กุศโลบายแก้ปัญหาชีวิตหรือวิธีการทำตัวให้เป็นสุข  ว.วชิรเมธี ท่านได้ให้คติธรรม 4 ข้อคือ
          1.อย่าเป็นนักจับผิด คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง 'กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก'  คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาสที่ใจจะผ่องใสหรือ'จิตประภัสสร' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '
         2. อย่ามัวแต่คิดริษยา'แข่งกันดี ไม่ดีสักคน  ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน' คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาคนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า 'เจ้ากรรมนายเวร'  ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน  ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น 'ไฟสุมขอน' (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อนเราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี 'แผ่เมตตา' หรือ ซื้อโคมลอยมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล ่อยให้ลอยไป
         3. อย่าเสียเวลากับความหลัง  ความทุกข์ของคนมีตั้งแต่เช้าถึงเช้าและปริมาณทุกข์ 90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น' มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
 ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน ' ' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น '  ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี 'สติ' กำกับตลอดเวลา
            4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ สิ่งที่ทำเรามีปัญหา คือกิเลสตัณหา(อยากได้ อยากมี อยากเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่อยากเป็นแบบนั้น)และที่ชาวบ้านเรียกว่า ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี อยากได้แบบเอาไม่เลือกว่าผิดกฎหมายหรือถูกกฎหมายสุจริตหรือทุจริต อยากได้เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อยิ่งใส่เข้ายิ่งลุกไหม้แรง  ธรรมชาติของตัณหา คือ 'ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม' แม่น้ำยังมีวันเต็มฝั่งแต่ตัณหาไม่เคยเต็ม...  ทุกอย่างต้องดู ' คุณค่าที่แท้จริง ' ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์   

            เราต้องถามตัวเองว่า 'เิกิดมาทำไม' คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตามหา ' แก่น ' ของชีวิตให้เจอ  คำว่า 'พอดี'  คือ ถ้า 'พอ' แล้วจะ 'ดี'    รู้จัก 'พอ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข'

                         

           นักปราชญ์ได้ประพันธ์บทกลอนเตือนใจไว้ว่า

                              ชีวิตของปุถุชนคนเรานี้    

                              มีทั้งดีชั่วปนระคนอยู่

                              มีวิวาทโรมรันเข้าพันตู          

                              มีทั้งล้มทั้งลุกสู้ทุกผู้คน

                              มีสมหวังผิดหวังมีพลั้งพลาด  

                              โอ้อนาถหนอมนุษย์ทุกแห่งหน

                              ล้วนทุกข์ร้อนรุมกายกระวายกระวน

                              กระเสือกกระสนไขว่คว้าหาสิ่งใด

                              ต่างโลดเต้นไปตามความใฝ่ฝัน

                              หนทางนั้นสิ้นสุด ณ จุดไหน

                              ถึงที่หมายแล้วได้อะไรไป  

                              ปลายทางไซร้ความว่างเปล่าเท่านั้นเองฯ

 

หมายเลขบันทึก: 405566เขียนเมื่อ 31 ตุลาคม 2010 08:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม 2012 10:14 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

คุ้นจังพูดให้ใครรึเปล่า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท