วิธีแก้เซ็งในชีวิต(2)


เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันใจ เพื่อจะได้อยู่ในโลกใบนี้ได้โดยไม่ตกหลุมอารมณ์ตัวเอง

ต่อจากวิธีแก้เซ็งในชีวิต(1)

  

 

 

 

 

 

สังคมมิจฉาทิฎฐิ

                ....ทฤษฎีสมัยใหม่ ยิ่งเราเป็นหนี้มากเท่าไหร่ แสดงว่าเราเครดิตดีมากเท่านั้น ทำให้ดิ้นรนที่จะอยู่เกินฐานะของเรา เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ เท่ากับว่าเราพยายามสร้างเปลือกเพื่อให้ประทับใจคนอื่น แต่จริงๆก็หลอกตนเอง ถูกต้อนเข้ามุมจนหาทางออกไม่ได้

       ....ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ศีลธรรมที่ปู่ย่าตายายสอนกลายเป็นเรื่องล้าสมัย เช่น เด็กเหรียญทองถือว่าการโกงข้อสอบเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อถูกจับได้ให้เหตุผลว่า ต้องโกงเพื่อความไม่ประมาท เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ถ้าตนเองไม่โกงก็อาจจะไม่ชนะคู่แข่ง แถมอ้างคำพระ ให้เป็นอยู่ด้วยความไม่ประมาท ทำให้นึกถึงที่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่าให้ระวังสมัยนี้เป็นเรื่องภาวนาสะสมกิเลส ไม่ใช่ภาวนาเพื่อละกิเลส

         การเอาธรรมะมาแปลงสาร เป็นมิจฉาทิฎฐิ แต่ใจเราเป็นธาตุรู้ เมื่อเสียงของมโนธรรมดังขึ้น จึงทำให้หวาดระแวง กลัวถูกทำร้าย เครียด เป็นโรคจิต โรคประสาทไป

       ใจเราเสมือนดิน สติเหมือนน้ำถ้าไม่ฝึกให้มีอัตราให้ดินพอดีกับน้ำ ก็อาจทำให้สติแตกได้ เช่นการเอาหัวชนกำแพง เพื่อให้ความจริงมันพังไปให้ได้ แต่พอมีสติขึ้นมาหลังจากเอาหัวชนไปสักพักก็จะคิดได้ ให้ปรองดองกับกำแพง อาจมีประตูกลเป็นทางออกได้   เป็นต้น

        บางคนทำอะไรก็สำเร็จไปทุกอย่าง แต่เป็นความสำเร็จแบบยับเยินคือพอสำเร็จก็แทบจะหมดแรงทุกที ความคิดของเราเป็นคลื่นที่สัมผัสได้ บางคนเราสามารถสัมผัสความร้อนรุ่มได้เพียงเห็นเขาปรากฏกายลมร้อนก็จะวูบเข้ามา พอเขาออกไป ความเย็นฉ่ำก็กลับมาดังเดิม            

         บางคนมีปริญญาทางโลกมากมาย แต่ล้วนเป็นมิจฉาทิฎฐิ โกงทั้งคนอื่นและตัวเอง

        การอ่านแต่หนังสือ โดยไม่เคยปฏิบัติก็จะไม่เกิดแรงบันดาลใจ เช่น ความรู้สึกปิติในใจ เป็นต้น

วิธีแก้เซ็งในชีวิต

      ....โลกเปลี่ยนไป เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันใจ เพื่อจะได้อยู่ในโลกใบนี้ได้โดยไม่ตกหลุมอารมณ์ตัวเอง

       พยายามหาอุบายให้เราสนุกสนาน เบิกบาน ไม่เครียด เพราะเวลาเครียด เซ็ง เราจะทำร้ายตนเอง  พยายามคลายเกลียวในใจตนเอง รวมทั้งสิ่งที่เคยเพ่งโทษตนเอง

        ฝึกพัฒนาสติ  ใจที่มีสติเป็นแกนนำ คอยรักษา จะทำให้เรามีเมตตาเป็นพื้นฐานของจิตใจ ในที่สุดก็จะพัฒนาให้เกิดปัญญาเห็นชอบ  ปัญหาต่างๆจะคลี่คลาย และจะได้คำตอบในที่สุด

      ครูบาอาจารย์มักบอกพวกเราว่าเวลาเกิดวิกฤตให้ร่วมกันทำสมาธิ เพื่อเป็นพลังสร้างสรรค์ เป็นภูมิคุ้มกันให้แก่เราในอนาคต ธรรมะจะจัดสรร ช่วยเหลือ

       การบรรยายทั้ง 2 ครั้ง (ครั้งแรกอ่านที่นี่)อ.อมราได้พาพวกเราฝึกสติเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้นกันให้ตนเอง ครั้งละประมาณ 10 นาที เมื่อเรามีทักษะแล้วก็สามารถนำไปปฏิบัติด้วยตนเองภายหลังได้

 

หมายเลขบันทึก: 40496เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2006 08:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สาธุ สาธุ สาธุ......ดีจริงๆ ค่ะ......พยายามนำไปปฏิบัติค่ะ  

ขอบคุณคะพี่มอม ที่ให้กำลังใจตลอดมา ช่วงนี้ตัวเองต้องต่อสู้กับกิเลสในใจที่โน้มไปในทางคิดลบ ต้องใช้ธรรมะเพื่อเตือนสติตัวเองให้คิดบวกเข้าไว้  วิธีหนึ่งคือเข้ามาอ่านธรรมะที่ตนเองบันทึกไว้บ่อยๆค่ะ  (ช่วงอารมณ์ความคิดเป็นกุศล)

ปัญหามาปัญญาเกิด สำหรับเล็กนั้น กิเลสและปัญหาที่มีมา มองให้ดี ๆ จะพบว่ามีมุมดี ๆ อยู่ กิเลสและปัญหาคือการลับสมองที่สนุกและท้าทาย ให้เรารู้จักคิด รู้จักแก้ ช่วยให้ไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ค่ะ....ขำ..ขำ   

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท