หลายคนคิดว่า 2012 เป็นวันสิ้นยุค วันโลกแตก แต่ในจริงไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถล่วงรู้ได้ถึงวันนั้นนอกว่าจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ก่อนวันสุดท้ายที่พระองค์จะเสด็จมาคริสเตียนทุกคนจะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งภัยธรรมชาติ โรคระบาด การกันดารอาหาร สงครามเพื่อการเป็นประเทศมหาอำนาจ ซึ่งทุกอย่างได้เกิดขึ้นหมดแล้วและเมื่อใกล้ถึงวันนั้นมันยิ่งน่ากลัวมาก คริสเตียนจึงต้องกลับใจกับพระเจ้าทุกวันและให้ทุกวันเป็นวันที่เราได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น ใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น
หนึ่งวันของเรา อาจเป็นหนึ่งพันวันของพระเจ้า.......แต่ก็ยังสั้นนัก
ข้างล่างเป็นเพียงตัวอย่างที่เล็กน้อยมาก...สำหรับวันนั้น
สงครามไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น...
ทหารอเมริกันตอนเดินทางไปรบ...ที่ สงครามอิรัก
ขาไป.....
ตอนขากลับ
สงครามมักนำมาสู่ความตายเสมอ ตลอดประวัติศาสตร์โลก คนตายเพราะสงครามมีจำนวนมากมายจนไม่สามารถนับได้ ไม่ว่าจะเป็นสงครามในสมัยพระคัมภีร์ หรือ สงครามในยุคต่าง คูเสด สงครามโลก1-2 สงครามการก่อการร้าย และท้ายที่สุดจะมีสงครามใหญ่ที่จะมีคนตายมากที่สุดตลอดประวัติศาสตร์ ในพระธรรมวิวรณ์พยากรณ์ไว้ว่า...
พระเจ้าทรงเตรียมทูตสวรรค์ทั้งสี่ไว้สำหรับชั่วโมง วัน เดือนและปี ที่จะให้ฆ่ามนุษย์เสียหนึ่งในสามส่วน และมีพลทหารม้าสองร้อยล้าน นี่คือจำนวนที่ข้าพเจ้าได้ยิน ในนิมิตนั้นข้าพเจ้าสังเกตเห็นม้าเป็นดังนี้คือ ผู้ที่นั่งบนหลังม้านั้น ผู้มีทับทรวงสีไฟ สีน้ำเงิน และสีกำมะถัน หัวม้าทั้งหลายนั้นเหมือนหัวสิงห์ มีไฟและควันและกำมะถันพลุ่งออกมาจากปากของมัน มนุษย์ถูกฆ่าเสียหนึ่งในสามส่วนด้วยภัยพิบัติสามอย่างนี้ คือ ไฟและควันและกำมะถันที่พลุ่งออกมาจากปากม้านั้น
มนุษย์ทั้งหลายที่เหลืออยู่ ที่มิได้ถูกฆ่าด้วยภัยพิบัติเหล่านี้ ยังไม่ได้กลับใจเสียใหม่จากงานที่มือเขาได้กระทำ ไม่ได้เลิกบูชาผี บูชารูปเคารพที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์หินและไม้ รูปเคารพเหล่านั้น จะดู หรือฟัง หรือเดินก็ไม่ได้
และเขาก็มิได้สำนึกผิดในการฆ่าฟันกัน และการเชื่อเวทมนตร์ การล่วงประเวณี และการลักขโมย( วว.9:20 )
เพราะอะไรแม้เหตการณ์ที่ยากลำบากและจำเป็นที่มนุษย์จะต้องกลับใจใหม่จากบาป เมื่อสัญญาณแห่งภัยพิบัติมาถึงแต่ก็ยังมีคนไม่ยอมกลับใจใหม่และยังจะปฏิเสธพระคริสต์อีก...
เพราะสันติภาพชั่วคราวใกล้เข้ามา...และจะเป็นเวลาของสงคราม
ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่สนับสนุนการตัดสินใจจัดการเจรจาสันติภาพครั้งใหม่กับอิสราเอล
ผลการสำรวจความคิดเห็นซึ่งจัดทำโดยศูนย์สื่อมวลชนและการสื่อสารเยรูซาเล็ม พบว่า ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่สนับสนุนการตัดสินใจจัดการเจรจาสันติภาพครั้งใหม่กับอิสราเอล โดยร้อยละ 54.3 ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่า การเจรจาดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา เป็นผลประโยชน์ของประชาชนชาวปาเลสไตน์ ขณะที่ร้อยละ 34 เห็นว่าจะเป็นอันตรายต่อชาวปาเลสไตน์.
น่าสนใจครับ แม้จะตัวเล็กไปนิด แต่ก็พยายามอ่าน เนื่องจากสาระดี