มัจจุราชแห่งความรัก


คนไร้มรรยาทแม้นเป็นลูกนักปราชญ์ก็ไม่งาม...หากคุณอยากเป็นคนดี อยู่อย่างมีความสุข อยู่อย่างคนดีเขาอยู่ อยู่อย่างมนุษย์ที่มีกินกามเกียรติควรมี พึงระวังนิสัยไม่ดีเหล่านี้คือ เหยียดหยามดูหมิ่น พูดจาขัดคอ ยึดมานะถือตน ประชดประชัน หึงหวงระแวง พูดจาบอกแล้วไม่เข้าใจ ให้กำลังใจไม่เป็น เห็นคนอื่นดีกว่าแฟนตัวเองและกำจัดจากชีวิตประจำวันให้ได้ อย่าให้มันมาทำลายรักของเราจากกันและกัน ...จิตใจที่แยกแยะความรู้สึกและเหตุผลได้จะไม่มีวันตกต่ำ

 

              สิ่งที่คนเราแสวงหาอยากได้อยากมีนั้นมีมากมายเมื่อย่อลงสิ่งที่คนอยากได้อยู่ทุกวันนี้นอกจากอยากมีเงินเพื่อสร้างอนาคตที่สดใส อยากมีหน้าที่การงานที่มั่นคง อยากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อยากมีคู่ชีวิตที่ดี อยากมีสุขภาพที่ดีอายุยืนยาวแล้ว สิ่งหนึ่งที่มนุษย์แสวงหาและหาได้ยากยิ่งกว่าเงินตรา หน้าที่การงาน ที่พักอาศัยและหวานใจที่เรารัก สิ่งนั้นคือการรักษาคนรักของเราให้อยู่กับเราตราบชั่วนิรันดร์
              การมีความรักของแต่ละคนไม่มีความสมดุลและไม่มีความลงตัวสมหวังเสมอไปความรักของบางคนอาจถูกมัจจุราชมืดอันได้แก่นิสัยไม่ดี นิสัยไม่น่ารักอันเป็นมุมมืดที่เราไม่รู้ที่มีอยู่ในตัวเราติดตัวเรามาตั้งแต่ที่เราคิดเป็นพูดเป็นทำเป็นนั่นคือนิสัยไม่ดีนั่นเอง คนที่นิสัยไม่ดีแล้วแม้จะมีเงินตรามากมาย มีงานมั่นคง มีที่อยู่อาศัยสวยหรูก็ไม่อาจรักษาคู่ครองที่เป็นหวานใจให้อยู่กับเราได้  จำใจต้องแยกทางกันเดินเพราะไม่มีความสุขครอบครัวแตกแยกอับปาง อุปมาเหมือนต้นไม้ถูกสัตว์กัดเจาะกินเนื้อในจนตาย เป็นอุบัติรักทำให้ชีวิตรักล่มสลาย  พระท่านสอนว่า "คนเรารักกันเพราะการช่วยเหลือเกื้อกูลห่วงใยกันในปัจจุบันและเคยทำบุญร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน"
 
              นักปราชญ์กล่าวว่าชีวิตเราไม่สมดุลเสมอไป สิ่งที่เราคิดอาจไม่เป็นดั่งที่คิดไว้ก็ได้ ความคาดหวังกับสิ่งที่ได้อาจไม่ลงตัวในบางครั้ง ผู้ต้องการมีคู่ชีวิตที่ดีที่แท้จริงจึงต้องสร้างความสมดุลให้แก่กันและกัน พยายามลดมานะปรับทิฏฐิเข้าหากัน  ต้องกล้าทำในสิ่งที่ควรทำแม้ว่าไม่อยากทำและอย่าทำสิ่งที่ไม่ควรทำแม้ว่าอยากจะทำเหลือเกินก็ตาม ประหยัดคำติ แต่อย่าตระหนี่คำชม          
              สิ่งที่หญิงชายที่เป็นคนรักกันไม่ควรทำ เพราะว่าถ้าทำแล้วอีกฝ่ายจะรู้สึกไม่ชอบใจหรือเกิดอาการเบื่อหน่ายคิดตำหนิในใจกลายเป็นคำพูดและการกระทำและบางครั้งเมื่อนานๆไปอาจกลายเป็นความชิงชังคือนิสัยไม่ดีได้แก่ นิสัยเหยียดหยามดูหมิ่น พูดจาขัดคอ ยึดมานะถือตน ประชดประชัน หึงหวงระแวง พูดจาบอกแล้วไม่เข้าใจ  ให้กำลังใจไม่เป็น  มองเห็นคนอื่นดีกว่าแฟนตัวเอง นี้คือนิสัยที่เป็นเหมือนมัจจุราชของความรัก
 
           1.การเหยียดหยามดูหมิ่นดูแคลนคนที่ตนเองรักคือพูดจาดูหมิ่นดูแคลนว่าคนรักไม่มีอะไรดีสักอย่างเช่นดูหมิ่นคนรักด้านฐานะ หน้าที่การงาน รายได้ วงศ์ตระกูลไปพร้อมๆกันหรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่บ่อยๆ เมื่อพูดบ่อยๆ ดูหมิ่นบ่อยๆ หยามเหยียดบ่อยๆ จึงทำให้คู่รักรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า หมดราคา หมดศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ความรักที่มีร้อยก็ด้อยคุณค่าลดลงมาทีละระดับ การเหยียดหยามทำให้เกิดโรคเอือมแสดงอาการให้เห็นเป็นคนตรงข้ามคือจากคนรักกลายเป็นรักบ้างไม่รักบ้าง มากกว่านั้นก็กลายเป็นเกือบไม่รักและไม่น่ารักหรือสุดท้ายก็กลายเป็นคนน่าหลีกหนีไปให้ไกลแสนไกล ไปอยู่อีกคนละปลายฟ้าไกล  ตั้งแต่เจอเธอฉันหยุดความรักไว้กับเธอ ในวันแต่งงานหรือก่อนตัดสินใจแต่งงานแม้นว่าจะมีหลายคนที่ดูดีกว่าเธอก็ตามทีหัวใจนี้ก็หยุดตรงนี้หยุดที่เธอแม้ว่ามีใครจะดีสักแค่ไหนก็ตาม ไม่คิดจะมีใครอื่น เธอคือคนที่มากับคำว่าใช่ แต่ถ้านิสัยที่เคยดีเปลี่ยนเป็นไม่ดีมากเกินไป ความระอาเบื่อหน่ายก็ตามมาเหมือนเงาติดตามตัว แล้วคำชมเชยเก็บไปไว้ที่ไหน ทำไมไม่เอามาพูดให้ได้ยินบ้าง ทุกคนต่างอยากได้ยินคำชมเชย อยากอยู่กับมันทุกวัน คำชมที่พูดก็ไม่ได้ซื้อสักบาททำไมไม่นำมาพูดกัน หากอยากด่าคนรักเอาไว้พรุ่งนี้ก็ยังทัน อย่าเพิ่งด่าวันนี้เลย
           2. พูดจาขัดคอคือการพูดแย้งไม่ให้ได้ทำหรือพูดต่อโดยง่ายๆ เมื่อพูดจากันแทนที่จะมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันก็หาคำพูดมาขัดหูทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่มีความรู้ไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรีอันเนื่องมาจากมีความเชื่อต่างกัน คนหนึ่งเชื่อบาปบุญคุณโทษอีกคนไม่เชื่อบาปบุญคุณโทษ คนหนึ่งเชื่อมั่นกตัญญูอีกคนไม่สนใจใยดีใครทั้งสิ้น อยู่ใกล้กันพูดคุยกันกลายเป็นสงครามคารมหรือใช้ขวานคือปากถากถางกันอยู่เป็นประจำ ถ้าเป็นแบบนี้นานๆเชื่อเถอะไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งต้องยอมถอนตัวไม่มีใครยอมได้ตลอดชีวิตเพราะชีวิตไม่ใช่ละคร การพูดจาขัดคอกันบ่อยๆก็เหมือนต้นไม้ที่เจอหนอนกินใบมีหรือที่จะเจริญเติบโตได้ง่ายๆและหาความสวยงามได้ยากยิ่ง
                การฝึกยินดียินยอมกันไม่ได้ทำยากนักมิใช่หรือยอมเป็นก็เย็นใจ ถ้าเราพูดดีก็จะมีสิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นมาในชีวิตเช่นกันเพราะไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะได้มาโดยเปล่าๆ จิตใจที่แยกแยะความรู้สึกและเหตุผลได้จะไม่มีวันตกต่ำ
              3. ความถือตัวคือหยิ่งไม่ยอมยอมลดราวาศอกไม่ยอมผ่อนปรนให้ด้วยประการทั้งปวงเพราะความหยิ่งในศักดิ์หรือฐานะของตน แรกรักอะไรก็ยอมกันได้รับได้ไม่ว่ากันไม่สนใจเวอจิ้น ไม่สนใจฐานะ ขอแค่ซื่อสัตย์ ไม่เจ้าชู้ แต่นานๆเข้าก็เริ่มไม่มีความเห็นอกเห็นใจกัน เริ่มคิดว่าที่ฉันรักหรือที่ฉันทนรักก็เพราะสมเพชเท่านั้นถ้าไม่มีฉันเธอคงลำบากยากจนไม่มีกิน จึงเกิด Ego มานะถือตัวถือตนว่าดีกว่าคู่ชีวิตขาดฉันเธอจะรู้สึก มองเห็นคู่ชีวิตน่าสมเพชเวทนา แทนที่จะเห็นคนที่ตนรักเป็นผู้ควรเชิดชูยกย่องกันไว้ กลับกลายเป็นเอาปมด้อยมาประจานและกดดัน เมื่อกดดันยกตนข่มคนรัก คนรักก็มีขีดความอดทนจำกัดเมื่อถึงขีดจำกัดก็ระเบิดเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะทำลายรักลงได้ทุกเมื่อ พายุลมแรงที่กระทบกับต้นไม้อาจทำให้ต้นไม้หักได้ฉันใดความถือตัวและทิฏฐิจึงเหมือนพายุที่จะทำลายความรักให้หักลงฉันนั้น  คำยอหนึ่งคำทำให้คนบางคนทำงานอย่างมีความสุขทั้งวัน ยอข้าเมื่อเสร็จกิจ ยอมิตรเมื่อลับหลัง ยอคนรักก็ให้ยอให้เป็น ทุกคนต้องการคำสรรเสริญ ทุกคนต้องการเป็นคนมีความสำคัญให้คนรักเราเป็นคนสำคัญของเรานี้คือมนตราที่ได้มาจากการชื่นชมกันเป็น
           4. ประชดประชัน คือหาเรื่องมาพูดแดกดันให้เกินควรทำเป็นเชิงกระทบกระแทก หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เกินกว่าที่เป็น ตอนแรกรักกันก็มองว่าแฟนดีทุกอย่าง แต่พอรักกันนานๆ จากรักก็กลายเป็นการนำเอาคุณสมบัติของคนรักมาเปรียบเทียบกับคนอื่นหรือกับสัตว์อื่นๆในทางเสียหายเช่น เธอไม่ได้ครึ่งแฟนเก่าฉัน เธอดำเหมือนตอตะโก เธอไม่น่ารัก พูดจาไม่เพราะเลยเสียงไม่แตกต่างจากเป็ดร้อง เธอเดินเหมือนควาย กินเหมือนสุนัข กลิ่นตัวเหม็นเหมือนแมลงสาป ไม่มีอะไรดีสักอย่าง แต่งตัวไม่ทันสมัย ทำงานมากไปไม่กลับบ้านทำหามรุ่งหามค่ำทั้งๆที่เงินเดือนนิดเดียว  ยามนอนหลับก็กรนดังเหมือนรถยนต์สิบล้อวิ่ง ทั้งนอนกรนทั้งกัดฟันฉันกลัวผวานึกว่านอนกะผีปีศาจ ใครก็ตามที่ถูกคนรักพูดประชดแบบนี้ทนได้ก็ยอดคนหละ ภัยออกจากปากแท้ๆยังไม่รู้ "ผู้รอบรู้มักถ่อมตน ผู้โง่เขลาย่อมหยิ่งยะโสประชดประชัน"
                            ทารกน้อยอาจยังไม่พร้อมก้าวเดินหรือวิ่ง        
                            คนป่วยใกล้ตายอาจไม่พร้อมจะทำงาน
                            คนมีความรู้น้อยอาจยังไม่พร้อมสั่งสอนใครๆ      
                            คนตาบอดสองข้างอาจไม่พร้อมที่จะมองดูดาว
                            ครูอาจไม่กล้าที่จะทำนา                              
                            ชาวนาอาจไม่พร้อมทำการสอน        
                            คนบางคนอาจไม่พร้อมที่จะทำในสิ่งที่เขาขาดความรู้
            การรับฟังเรื่องร้ายๆ กลายเป็นความเครียด สมองถูกความกดดันทำให้สารเอนโดรฟีน(Endrophine)สารสร้างความสุขหายไป เอนโดรฟีนเป็นสารเคมีที่ทำให้เกิดความสุข อารมณ์ดี สมองเจริญเติบโต และเรียนรู้ได้ดี ถ้าขาดสารนี้จะทำให้ขาดความสุข แม้จะฟังเพลงที่เคยชอบ ถ้ามีสารนี้มากจะมีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ และสนุกสนาน ความสุขไม่เหลืออยู่เลย เมื่อฟังคำประชดสมองจะหลั่งสารคอร์ติซอล(Cortisol)สารแห่งความทุกข์ออกมาแทน ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เพิ่มขึ้นในกระแสเลือดส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกายแม้แต่ยามหลับมันก็ไม่ลด ส่งผลให้เกิดโรคบางโรค เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง มะเร็ง กระเพาะอาหาร โรคอยากหนีไปจากเธอให้ไกลๆเป็นต้น
 
            5. หึงหวงระแวงคือระแวงสงสัยไปทุกเครื่องดุจคู่รักเป็นนักโทษในแดนคุมขัง เริ่มแรกรักกันก็ไม่ได้จู้จี้ขี้บ่นระแวงสงสัยอะไรเลยพอเริ่มรักกันเป็นแฟนหรือแต่งงานสิ่งที่เกินเลยก็เกิดขึ้นคือเสียงโทรศัพท์ปกติกลายเป็นใครโทรมาต้องรายงานฉันทุกสาย ไปไหนต้องรายงานแจ้งล่วงหน้า เบอร์ใครไม่คุ้นตาจะโทรถามว่าใครโทรมา....พูดจากับใครหรือแม้สายซ้อนทีไรคือคิดว่าแฟนนอกใจต้องโดนระบายอารมณ์ แรกๆอาจทนไหวแต่นานไปคนที่คุณรักอาจเกิดอาการสุดทนคือทนไม่ไหวนั่นเอง ระแวงมากไปก็เหมือนอาการกลัวผีร้ายที่มองไม่เห็นตัวหรือจินตนาการในความน่ากลัวของผีแล้วกลัวจนไม่เป็นอันทำอะไรที่ดี เพียงเปลี่ยนความคิดมาคิดถึงกันในแง่ดีดีชีวิตเราก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีดี   เรามาเอาเวลาระแวงกันนี้ไปทำสิ่งที่ควรทำแทนแม้นว่าเรายังไม่อยากทำ เช่นเอาเวลาไปกวาดบ้านถูกบ้านทำอาหารและอื่นๆ จงทำในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของเราหรือทำสิ่งที่ควรทำแม้นว่าใจเราไม่อยากทำก็ตามและจงอย่าทำในสิ่งที่ไม่ควรทำแม้นว่าใจอยากทำสักเพียงใดก็ตาม
             6. พูดจาบอกแล้วไม่เข้าใจและแปลความหมายผิดเพี้ยนคือพูดจากันไปคนละเรื่อง บางครั้งพูดแคะไค้และพูดจาสื่อความหมายไม่รู้เรื่องหรือรู้เรื่องแกล้งเป็นไม่รู้เรื่อง แกล้งเป็นไม่ยอมรับรู้ในเรื่องที่อีกฝ่ายอธิบาย ตอนรักกันใหม่ๆพูดอะไรก็รับกันได้ยอมกันได้ตีความไปในทางที่ดีได้ แต่พอเป็นคนรักหรือแต่งงานกันแล้ว การสื่อสารเริ่มมีปัญหาเช่น พูดแล้วไม่ยอมรับเงื่อนไข พูดตวาดใส่ดังเกิน 80 เดซิเบล แม้ว่าอยู่ต่อหน้าในสำรับกับข้าวด้วยกัน หรือพูดเบาเกินไปกระซิบกระซาบกะคนอื่นราวกะว่าแฟนคือคนที่ตัวเองกำลังนินทา กิริยาท่าทางในการพูดไม่เหมาะสมย่อมลดค่ารสนิยมให้น้อยลงไปทุกทีๆ เมื่อคู่ชีวิตคู่รักพูดกันไปคนละทางก็ไม่ต่างจากคนหนึ่งพายเรืออีกคนเอาเท้าขวางจะให้เรือไปถึงจุดหมายโดยง่ายได้อย่างไร 
             การสื่อสารไม่ชัดเจนหรือรับส่งสัญญาณเพี้ยนและคิดเกินเลยจากคนอื่นทำให้เกิดการตีความที่ไม่ตรงประเด็นอุปมาเหมือนคลื่นวิททยุโทรทัศน์ถ้าคลื่นไม่ตรงนักอาจมีเสียงและภาพที่เอียงบ้างภาพล้มบ้างถ้าดูนานๆก็ลำคาญคนอยู่ด้วยกันแปรคำพูดของคนรักไม่ตรงประเด็นก็เป็นจุดหักเหให้รักกลายเป็นหมดรักได้เหมือนเราดูทีวีมีภาพไม่ชัดก็ไม่อยากดูนานๆหรือภาพชัดแจ๋วแต่เสียงไม่ดีก็ไม่อยากดูแม้แต่ภาพและเสียงชัดเจนแต่เป็นเสียงต่างชาติที่เราแปลไม่ได้ยังไม่อยากดู การคิดเกินเลยจากที่คนอื่นสื่อสารเช่นคนรักพูดว่า "วันนี้วันหยุดไม่มีอะไรทำดีจังได้พักผ่อน" แทนที่จะรู้สึกดีว่าวันนนี้ได้พักผ่อนตามคนรักพูดแต่คิดเลยเถิดไปว่าคนรักพูดประชดเราว่า ไม่ทำอะไร รอเกาะแฟนกิน งอมืองอเท้า แล้วก็โกรธในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องจึงไม่ต่างจากทีวีมีภาพล้มเอียงไม่ชัดอันเกิดจากเสาอากาศของเครื่องรับไม่ตรงกับทิศทางสถานีส่ง
             7. ให้กำลังใจกันไม่เป็นคือศิลปะการครองชีวิตคู่นั้นยามสุขร่วมสุขยามทุกข์ร่วมแก้ไข จึงจะนำฆรนาวาสองลำให้ไปถึงฝั่งฝัน แต่ว่าถ้าเมื่อใดที่เกิดปัญหาแทนที่จะหันหน้าเข้าหากันช่วยกันแก้ไขกลับกลายเป็นโทษว่าอีกฝ่ายคือคนทำผิดจึงมีทุกข์มีปัญหาแบบนี้ขึ้นจึงมีหนี้มีสินเกิดขึ้น แล้วไม่ยอมพูดให้กำลังซึ่งกันและกัน แล้วชีวิตคู่มันจะอยู่กันยาวนานได้อย่างไร เพราะคนไม่ใช่เครื่องจักรย่อมต้องการทั้งความรักและความเข้าใจ คนดีให้กำลังใจกันบ้างนะแล้วเราจะได้รู้ว่าสวรรค์อยู่ข้างเราเสมอทุกวันทุกที่ทุกเวลา อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีกำลังใจก็เหมือนต้นไม้ขาดปุ๋ยหรือขาดสารอาหารจะเจริญเติบโตได้ยากเหลือเกิน

               นิสัยไม่ดี นิสัยที่ทำให้ระอาเบื่อหน่าย นิสัยที่ทำให้อึดอัด นิสัยที่ไม่ควรนำมาทำ ถ้าใครนำมาทำก็จะทำให้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันลำบาก มองไม่เห็นเศษเสี้ยวความสุขแม้เพียงน้อยนิด หากคุณอยากเป็นคนดี อยู่อย่างสง่า อยู่อย่างมีความสุข อยู่อย่างคนดีเขาอยู่ อยู่อย่างมนุษย์ที่มีกินกามเกียรติควรมี พึงระวังนิสัยไม่ดีเหล่านี้คือ เหยียดหยามดูหมิ่น พูดจาขัดคอ ยึดมานะถือตน ประชดประชัน หึงหวงระแวง พูดจาบอกแล้วไม่เข้าใจ  ให้กำลังใจไม่เป็น  เห็นคนอื่นดีกว่าแฟนตนเองและจงกำจัดนิสัยไม่ดีจากชีวิตให้ได้ อย่าให้มันมาทำลายรักของเราจากกันและกัน 
             ต้นไม้ที่ถูกกรีดเปลือกลอกเปลือกออกไม่สามารถส่งสารอาหารไปเลี้ยงกิ่งใบให้เจริญเติบโตงอกงามเป็นไม้ใหญ่ได้ แต่เป็นได้แค่เพียงต้นไม้ที่มีปูดมีโพลงใช้ประโยชน์ไม่ได้มากเหมือนไม้ที่มีเปลือกใบกิ่งก้านลำต้นที่สมบูรณ์และโอกาสที่ต้นไม้จะตายก็มีมากกว่าแม้ว่าไม่ตายก็ไม่งอกงามแคะแกร็นไม่ออกดอกออกผลสมบูรณ์ ชีวิตรักถ้าปล่อยให้นิสัยไม่ดีมาทำลายก็หาความสุขความเจริญได้ยากยิ่งเช่นกัน  
             ยามพ่ายแพ้อย่าอ่อนแอให้ใครเห็น  เมื่ออยากเป็นคนเข้มแข็งต้องแกร่งไว้
             เมื่ออยากร้องก็ร้องไห้ให้หนำใจ      แต่ขอให้ได้อะไรจากน้ำตา     
    

               

คนใดไร้มารยาทแม้นเป็นลูกนักปราชญ์ก็ไม่งาม

หมายเลขบันทึก: 404521เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2010 17:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 07:52 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขอบคุณค่ะสำหรับข้อคิดดีๆ...

ต้องหัดทำใจให้รู้จักปลง แล้วคิดแต่ในทางที่ดี

แล้วทุกอย่างก็จะดีตามมา และก็ควรจะไว้ใจซึ่งกันและกัน

ถึงจะไปด้วยกันรอด

ขอบคุณกับข้อคิดดีๆๆค่ะ"ให้รู้จักคำว่า ปลง "

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ จะได้นำไปใช้กับกับตัวเองบ้างน่ะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท