ไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้๕


     เช้าขึ้นมาเราก็ตื่น กิน และขึ้นรถตามปกติ เรานั่งรถไปตามเส้นทาง ผมสังเกตเห็นข้าวในนามีรวงสีทองงามมาก ฉากหลังเป็นภูเขาที่สลับซับซ้อน บางตอนเป็นหุบเขา บางแห่งมองเข้าไปในหุบเขาเห็นอาคารบ้านเรือนอยู่ลิบ อดไม่ได้ที่ถ่ายรูปมารำลึกถึงความงาม


     อาคารบ้านเรือนข้างทางมีทั้งเห็นร่องรอยถูกทุบ และที่ผิดกับบ้านเราก็คือของเราทุบเหลือเป็นแท่งท่อนใหญ่ แต่ที่นี่เหมือนกับทุบให้เป็นชิ้นเล็กๆเป็นกองเหมือนกับจะปรับเกลี่ยพื้นบดอัดก่อสร้างใหม่ได้เลย ด้านหน้าอาคารก็ปลูกข้าว พืชผักสวนครัว บางตอนก็เอาข้าวเปลือกมาตากหน้าบ้าน หรือไม่ก็ข้างถนน

     และแล้วเราก็มาถึงจุดที่จะมาเที่ยวเป็นแห่งแรกของวันนี้ นั่นคือพิพิธภัณฑ์ไม้แกะที่เมืองตงหยาง เมืองนี้เขาออกแบบไว้สำหรับให้เป็นเมืองแห่งไม้ สร้างอาคารขนาดใหญ่ ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ไม้แกะและเครื่องจักสาน เมื่อจะไปดูพิพิธภัณฑ์จะผ่านร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้มากมายหลายร้าน โต๊ะเก้าอี้สวยๆ ฝีมือดีๆราคาไม่แพง หากอยู่ใกล้ก็อาจจะซื้อเหมือนกัน อิอิ อีกชั้นหนึ่งก็จะมีร้านค้าไม้แกะสลักเป็นรูปต่างๆ รูปคนรูปสัตว์ ฝีมือค่อนข้างดี แต่เราถูกต้อนเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ก่อน แต่เจ้าประคุณเอ๋ย..เข้าไปแล้วแทบไม่อยากออกมาเพราะยังอยากใช้เวลาดูมันอย่างละเมียดละไม มันงามเกินคำบรรยาย นี่ขนาดดูแบบผ่านๆเพราะจุดไหนเผลอชื่นชมกับมันพอเงยหน้าก็แทบจะไม่เห็นคณะทัวร์ซึ่งเดินต่อไปแล้ว..ในนี้มีการแสดงภาพและประวัติของเจ้าของผลงานในพิพิธภัณฑ์มาแสดงให้ดูด้วย เอาภาพมาให้ดูกันดีกว่า

     นอกจากพิพิธภัณฑ์ไม้แกะสลักแล้วก็ยังมีพิพิธภัณฑ์จักสานที่จักสานด้วยไม้ไผ่ มีการสานมังกรด้วยไม้ไผ่ซึ่งมังกรแต่ละตัวมีลายไม่เหมือนกันเลย มีเหมาเซตุงสานด้วยไม้ไผ่ พระสังข์กัจจายน์ ม้า เสี่ยหนา(เหมือนปิ่นโต) เยอะแยะละลานตาไปหมด และที่สำคัญเขามีภาพและประวัติปรมาจารย์ทางด้านจักสานมาจัดแสดงด้วย

     จากนั้นเขาก็พาเราทานอาหาร แล้วพาไปตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ปกติไม่ใช่ว่าจะไปซื้อไฟฉายสักโหลแล้วเขาจะขายนะครับ เขาขายกันทีเป็นตู้คอนเทนเนอร์ครับ เราไปที่อาคารเลขที่ ๓๓ เขาปล่อยเราอยู่ตรงนี้ให้อยู่จนกระทั่งตลาดปิด แต่เชื่อไหมครับว่าแต่ละอาคารมีทางเชื่อมเดินติดต่อกันได้ยาวประมาณ ๒-๓ กิโลเมตร และแต่ละร้านก็มักจะขายของเป็นอย่างๆไป เช่น ร้านขายสวิทซ์ก็จะขายแต่สวิทซ์อย่างเดียว แต่จะมีสวิทซ์แทบทุกแบบขาย ร้านขายไฟฉายก็มีหลายรูปแบบหลายขนาด กระเป๋าเดินทาง ปากกา สินค้ามีเยอะมากเดินจนเบื่อ แต่สินค้าที่เราไปซื้อปลีกราคาไม่ค่อยถูกเลย ผมอาจจะไปไม่ถูกแหล่ง

     เย็นวันนั้นทานอาหารเสร็จแล้วเขาพาเราไปพักที่โรงแรม Jinhua ผมกับคุณแอ๊ดใช้เวลาจัดกระเป๋าใหม่ แล้วพักผ่อน พรุ่งนี้เราจะได้กลับบ้านกันแล้ว..

     รุ่งเช้าถึงได้รู้ว่าเพื่อนร่วมเดินทางเขาไปเดินเที่ยวกันรอบโรงแรมแล้วไปเจอตลาดแบกะดิน ยาวเป็นกิโล ซึ่งมีของขายปลีกเยอะไปหมด เสียดายเหมือนกันเพราะตลาดอย่างนี้แหละที่ผมชอบ เพราะเราจะซื้อสินค้าของฝากได้ในราคาไม่แพง เราออกเดินทางกันต่อ อ้าว..มีรายการนอกเหนือโปรแกรม ไปชิมชาเก๊กฮวยขาวกัน เอ๊าชิมก็ชิม ผมชิมไปสามถ้วย อิอิ มีคนซื้อกันพอสมควรเพราะเขาตั้งราคาขายแล้วต่อรองราคาลดกันให้เสร็จสรรพก่อนขาย (เป็นเทคนิคการขายแบบใหม่ที่เพิ่งเคยเห็น อิอิ)

     จากนั้นพากลับไปเซี่ยงไฮ้ แล้วพาไปตลาดหลงหัวหรือตลาดก๊อบปี้ ที่นี่มีของจริงเพียงสองอย่างคือ คนซื้อกับคนขาย นอกนั้นปลอมหมด ผมได้แต่เดินดูและไปต่อราคาผ้าคลุมไหล่ให้คุณแอ๊ด ส่วนคนอื่นก็ไปซื้อกระเป๋า copy สนุกสนานรื่นเริง บางทีเราเดินไปพอเขารู้ว่าเราเป็นไท่กั๋ว เขาก็เรียก กาเป๋าๆ ฮา…แถมบางคนยังใจกล้าตามคนขายเข้าไปในห้องลับ พอเข้าไปปุ๊บเขาปิดประตูปั๊บ เฮ่ย…เขาบอกไม่ต้องกลัว เอาสินค้าแต่ละแบบมาให้ดู ยังสงสัยว่าถ้าไม่ซื้อจะออกมาได้ไหม ผมว่ามันไม่คุ้มเลยไม่ไปดูกับเขา อิอิ พวกเราซื้อของกันแบบไม่ลืมหูลืมตา กระเป๋าเต็มเหรอสบายมาก ตูซื้อกระเป๋าก่อน แล้วซื้อของลงกระเป๋า โดยไม่คำนึงว่า(อาจจะไม่รู้จริงๆ)เวลาขึ้นเครื่องจะเอาไปได้ไหม เฮ้อ…

     เราออกจากตลาดในตอนเย็น ไกด์พาเราไปนั่งรถไฟหัวกระสุนที่วิ่งลอยบนตัวรางแม่เหล็ก ผมดูความเร็วสูงสุดในรถเขาวิ่งที่ความเร็ว ๓๐๑ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตรงไปที่สนามบินผู่ตง ผมกะว่ามีเงินหยวนเหลือนิดหน่อยเอาไว้ไปเดินซื้อสินค้าปลอดภาษี แต่ปรากฏว่าไปติดแหง่กอยู่ที่เช็คอิน ด้วยปัญหาการซื้อของโดยไม่รู้น้ำหนักจำกัดของตัวเอง จนเจ้าหน้าที่สายการบินโวย เพราะเช็คอินไป ๗๐-๘๐ คนแล้วน้ำหนักเกินทุกคน

     ในที่สุดก็ให้คนไปก่อน กระเป๋าบางคนต้องตามไปทีหลัง ผมตกลงเพราะในกระเป๋าเป็นเสื้อผ้าใช้แล้วกับของฝากลูกน้องเล็กๆน้อยๆ ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียดายหากสูญหาย กว่าจะผ่าน ต.ม.ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง เลยไม่มีเวลาซื้อของ ไม่เป็นไร…จะได้กลับบ้านเสียที
ขากลับนั่งไม่ค่อยสบาย เพราะลูกทัวร์เป็นชาวบ้านที่กว่าครึ่งไม่เคยขึ้นเครื่อง จึงไม่รู้วิธีปรับอากาศในเครื่อง ร้อนมาก อากาศไม่พอผมจะเป็นลม แต่ดีที่ปรับอากาศพุ่งเข้าใส่ตัวสักครู่หนึ่งก็ค่อยยังชั่ว…

     ในที่สุดก็เดินทางถึงภูเก็ต ส่วนกระเป๋าตามหลังผมมามาถึงบ้านประมาณห้าทุ่มกว่าของอีกวันเพราะเขาเอากระเป๋าผมไปเที่ยวกทม.ก่อน อิอิ จบการเดินทาง.

หมายเลขบันทึก: 403782เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2010 23:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 21:16 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

มาชมทริปตอนท่านอัยการไปเป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ อิ อิ ค่ะ ;)

สวัสดีค่ะ

บันทึกนี้อ่านสนุกนะคะ  ใจหายนะคะ  "หากไม่ซื้อกระเป๋าประตูจะเปิดออกได้ไหม "  ตลาดก็อปปี้ หลาย ๆคนคงชอบที่ได้ใช้กระเป๋ามีแบรนด์

สวัสดีค่ะ

       มาเที่ยวด้วยคนนะคะ...ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ

ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ คิดถึงครับ

สวัสดีครับน้องปู พี่คิม คุณมาตายี และ อ.พิสูจน์ ครับ

ไปเที่ยวมาสนุกดี ที่สำคัญเป็นเที่ยวบินเหมาลำ ราคาทัวร์เลยถูก ๘ วัน ๗ คืน ราคา ๑๙,๙๐๐ บาท เที่ยวหลายแห่ง แต่เขาก็จัดช้อปหลายแห่ง เราไม่ชอบก็เดินดูแค่นั้น แต่พอถึงที่เที่ยวเราก็ไปถ่ายรูป แต่เขาให้เวลาเราน้อย ไม่ค่อยสะใจ แต่ก็ต้องถือว่าคุ้มสำหรับราคานี้ครับ

คาดว่าปีหน้าจะได้ไปทัวร์เซี่ยงไฮ้ครับไปกับบริษัททัวร์ NTP  Intertravel ครับ ไปสวนสนุกด้วยครับ อยากไปๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท