นมัสการเจ้าค่ะ กรรมเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ "กรรมดี..ย่อมให้ผลดี กรรมชั่ว..ย่อมให้ผลชั่ว"
หากได้ลงมือกระทำไม่ว่า พูด หรือประกอบการกระทำ ผลย่อมตามมา แล้วทำไม?
คนยุคนี้ชอบพูดว่า "ทำดี ไม่ได้ดี ทำชั่วกลับได้ดี?" ช่วยพิจารณาชี้นำด้วยเจ้าค่ะ
เพราะคนมีปัญญาย่อมกลัวกรรม
"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
ด้วยความเคารพค่ะ
หากผิดขอประทานอภัยด้วยเจ่าค่ะ
ชยานันต์
เดี๋ยวตอนต่อไปจะพูดเรื่องกรรมกับการให้ผลของกรรมนะคุณชยานันท์
กราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ
หนูเชื่อเรื่อง.....เราและการกระทำของเราเป็นผู้กำหนดชีวิตของเราเอง
หนูเชื่อเรื่องกรรม และผลของกรรม ตามที่พระพุทธเจ้าสอน
แต่คนมักคิดว่า"เจ้ากรรมนายเวร" เกิดขึ้นเป็นเพราะเราทำกรรมกะเขาไว้
จึงต้องทำบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และเพราะจุดนี้เองที่ทำให้ชาวพุทธต้องพยายามหาทางทำบุญเพื่อให้เจ้านายเวร พอใจ
จะได้ตัดกรรมกันไป จึงเป็นจุดอ่อนให้ถูกจูงเพื่อตัดกรรม และพยายามที่จะสร้าง "บุญ" แบบเจ้าบุญทุ่ม
บริจาคทรัพย์มากๆ เพื่อตัดกรรม...อะไรทำนองเนี่ย?
ชีวิตเป็นของเรานะคะ สุข ทุกข์ ก็อยู่ที่เรา
และกรรมหรือการกระทำของเราเอง นั่นแหละคือเจ้ากรรมนายเวรของเราเอง...หนูคิดเช่นนั้น
เช่นหนูท่องและฝึกอ่านเขียนบาลี ไม่ดี จึงสอบตก
กรรมคือต้องเรียนซ้ำชั้น และสอบใหม่
เจ้ากรรมคือใคร? ผู้เซ็นต์ชื่อให้ชยาภรณ์สอบตกมั๊ง?..555 อิ..อิ..หรือใช่
หนูอยากรู้จัง...ในพระไตรปิฏก พระพุทธเจ้าใช้ศัพท์คำว่า"เจ้ากรรมนายเวร" มั๊ยค่ะ
ด้วยความเคารพเจ้าค่ะ
ชยาภรณ์(อ้วน)
ถึงคุณชยาภรณ์
ถูกแล้วที่คิดว่าตัวเราเองเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่แท้จริง เรื่อง "เจ้ากรรมนายเวร" เป็นสำนวนที่พูดกันมากในสังคมไทย ถ้ามีโอกาสอาตมาจะพูดเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ แต่ขออธิบายโดยคร่าวๆ ว่า เวลาที่คนไทยพูดถึงเจ้ากรรมนายเวร เรามักนึกถึงอำนาจลึกลับอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็นตัว เป็นเงาดำทะมืนที่ตามจองล้างจองผลาญเราอยู่เรือยไป เราจึงเกิดความกลัวแล้วมักแผ่ส่วนบุญกุศลให้เขา เพื่อให้เขาเลิกตามราวีเราเสียที นี่คือความเชื่อของคนไทย ในพระพุทธศาสนาคำว่า "เวร" หมายถึงความแค้นเคืองกัน ความผูกโกรธกัน ความเป็นศัตรูกัน (enimity) เป็นชื่อเรียกกรรมไม่ดีแบบหนึ่งที่มีรากฐานมาจากความโกรธ (Hatred) เป็นคำที่ใช้ในบริบทของคนสองฝ่ายที่อาฆาตแค้นเคืองกัน ไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กัน แล้วก็ล้างแค้นกันกลับไปกลับมา บางทีก็ล้างแค้นกันข้ามภพข้ามชาติก็มี ดังนั้น ถ้าจะถามว่า "เจ้ากรรมนายเวร" คือใคร ก็ตอบได้ว่าก็คือทั้งสองฝ่ายที่จองล้างจองผลาญกันนั่นเอง จึงเป็นที่มาของพุทธภาษิตที่ว่า "ในโลกนี้ เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่ระดับได้ด้วยการไม่จองเวร" (Hatred never ceases through hatred, but hatred ceases by love alone)
กลับถึงบ้าน
ก็รีบเข้ามาอ่าน
ว่าเรื่องนี้หนู คิดถูกหรือไม่
จุดต้นเรื่องเริ่มจากตัวเราเอง นะคะ
จากนั้นก็จะเป็นวังวน...ไปเรื่อยๆ เพราะการผูกเวร (นิทานในธรรมบทมีเป็นตัวอย่างแยะค่ะ)
และเป็นไปตาม การให้ผลของกรรม
ในปัจจุบัน ในภพหน้า ในภพต่อๆ ไป ....ก็ไปเรื่อยตามแรงของกรรม
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์เจ้าค่ะ
ชยาภรณ์(อ้วน)
กราบนมัสการพระอาจารย์
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคนเราทั้งเรื่องดีและไม่ดี... เป็นวิบากกรรมใช่หรือไม่ คล้ายกับชีวิตถูกเหวี่ยงให้เดินไปตามเส้นทางการเดินของกรรม และทำไมเราถึงไม่สามารถกำหนดทิศทางการเดินด้วยชีวิตของเราได้ด้วยตัวของเราเองล่ะเจ้าค่ะ ? น้ำมนต์
เจริญพร คุณน้ำมนต์
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราทั้งดีและไม่ดี ส่วนใหญ่เป็นผลแห่งกรรมหรือการกระทำของเรา แต่ก็ไม่เสมอไปทั้งหมด เช่น เราเห็นคนน้ำตาไหล อาจมาจากกฎแห่งกรรม คือจิตของเขากำลังคิดถึงเรื่องเศร้าๆ อยู่ก็ได้ หรืออาจมาจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น ลมพัดควันเข้าตาเขา หรือพริกกระเด็นเขาตาเขาก็ได้ การที่บอกว่า "ชีวิตถูกเหวี่ยงให้เดินไปตามเส้นทางการเดินของกรรม" นั้น เป็นการยอมรับอยู่ในตัวอยู่แล้วว่าเรากำหนดชีวิตของเราได้ เพราะการบอกว่ากรรมเหวี่ยงชีวิต มีความหมายเท่ากับบอกว่าตัวเราเหวี่ยงชีวิต กล่าวคือกรรมมีต้นเนิดมาจากเรา เราเป็นเจ้าของกรรม เราเป็นคนสร้างกรรม แล้วกรรมนั้นก็สร้างเรา