ลัทธิมอลโร (Monroe Doctrin) เกิดขึ้นโดย ปธน. เจมส์ มอลโร แถลงเมื่อ 2 ธ.ค.1823 กล่าวถึงจุดมุ่งหมายที่จะนำพาประเทศอเมริกาให้อยู่ในความสงบ ไม่ต้องการให้ชาติยุโรปเข้ามาแทรกแซงทางด้านการเมืองหรือแสวงหาดินแดนในทวีปอเมริกา ซึ่งอังกฤษ ฝรั่งเศส ปรัสเซีย ออสเตรีย ต่างก็สนใจให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่สเปนในการปราบปรามอาณานิคมในอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นความพยามยามของชาติต่าง ๆ ที่จะเข้าครอบครองดินแดนแถบนี้
หลักการสำคัญคือ
ลัทธิมอลโรสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความั่นคงและรักษาผมประโยชน์ให้กับอเมริกาเอง เป็นลักษณะการป้องกันตนเองเนื่องจากอมเริกายังไม่มีความเข้มแข็ง แต่ภายหลังเมื่ออเมริกามีความเข้มแข็งมากขึ้นหลักการมอลโรกลายเป็นเครื่องมือที่อเมริกาใช้เข้าควบคุมกระเทศในละตินฯ อย่างอิสระเต็มที่ โดยไม่มีชาติอื่นใดเข้าขัดขวาง และถือได้ว่า หลักการมอลโลคือการประกาศอย่างเป็นทางการของอเมริกาที่กำหนดให้ประเทศละตินฯ เป็นเขตอิทธิพลของอเมริกา
พัฒนาการ
- ปธน. โฟล์ค นำหลักการมอลโรถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง ในปี 1848 ถือกำหนดเขตการสร้างอาณานิคมที่จำเพาะใช้แต่กลุ่มทวีปอเมริกาเหนือเท่านั้น และดำเนินนโยบายทางการทูตของชาติยุโรปต่อชาติเกิดใหม่ในละติน ฯ อเมริกาจะไม่ยอมให้สเปนยกคิวบาให้กับชาติอื่น
- ปธน. รูสเวลท์ นำหลัการนี้มาใช้อีก 50 ปีต่อมา หลักการมอลโลได้เปลี่ยนไปเป็นการรุกรานประเทศละตินฯ เพราะอเมริกามีความเข็มข็งแล้ว เช่นการผนวกดินแดนเท๊กซัส การซื้อที่ดินของแม็กซิโก ในปี 1902 ปธน. รูสเวลท์กล่าววาทะ “สหรัฐอเมริกาเป็นผู้พิทักษ์อเมริกา”
- ปธน. ทาฟท์ ใช้ นโยบายดอลลลาร์ นำเงินเข้ามาช่วยเหลือละตินฯ และวุฒิสมาชิก เฮนรี่ คอเบต ลอดจ์ แถลงการห้ามต่างชาติ๙อที่ดินในละตินฯ
- ปธน. วิลสัน เสนอแผนตะบองใหญ่ (Big Stick) ประกาศว่า “ประเทศที่เจริญแล้ว (อเมริกา) จะต้องช่วยเหลือประเทศที่อ่อนแอ (ละตินฯ)”
ตัวอย่างละธิมอลโรในคิวบาและปานามา
คิวบา
คิวบาถูกกำหนดให้เป็นรัฐอารักษ์ขาแห่งแรกของอเมริกา เนื่องจากอเมริกามีผลประโยชน์ในคิวบามากกว่าประเทศอื่น และมีภูมิศาสตร์ใกล้ชิดกัน เมื่อคิวบาได้รับเอกราชในปี 1898 อันเกิดจาการช่วยเหลือของอเมริกา รัฐธรรมนูญฉบับแรกจึงเป็นไปตามประสงค์ของอเมริกา คือให้สิทธิแก่อเมริกาเข้าแทรกแซงได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ทั้งในเรื่อง สังคม เศรษฐกิจและการเมือง คิวบาต้องยอมขายหรือให้เช่าที่ดินเพ่อใช้เป็นฐานทัพเรือของอเมริกา อเมริกาแทรกแซงคิวบา 5 ครั้งใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ
ปานามา
อเมริกาสนใจปานามาเพราะพื้นที่ ๆ แคบที่สุดของอเมริกากลาง กล่าวคือ อเมริกาได้ให้การสนับสนุนกลุ่มต่อต้านนแถบตอนเหนือของโคลัมเบีย จนสามารถแยกตัวจัดตั้งสาธารณรัฐปานามาได้ในปี 1904 อเมริกาประกาศรับรองปานามาและรัฐบาลใหม่และอเมริกาเองได้รับสิทธิมากมาย เข้าแทรกแซงกิจการต่าง ๆ โดยเฉพาะอำนาจเด็ดขาดในการควบคุมคลองปานามา มีสิทธิจัดตั้งกองทหารอเมริกาในปานามา โดยอ้างว่า เพื่อรักษาความปลอดภัยแก่สาธารณะชน และเส้นทางผ่านระหว่างมหาสมุทรคือ แอตแลนติกและแปซิฟิก และเพื่อรักษาไว้ซึ่งกฏหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศ
ลัทธิมอลโร มีผลต่อประเทศในละตินฯ และสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนชาวละตินฯ เป็นอย่างมาก เกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง อีกทั้งยังสร้างความไม่พอใจกับนานาประเทศ จนเมื่อ ปธน. ฮูเวอร์ ประกาศนโยบายพื่อนบ้านที่ดี (Good Neighbor Policy) ในปี 1933 ลัทธิมอลโรจึงคลายความเข้มข้นลง ให้กิจการภายนประเทศกลุ่มละตินฯ ดำเนินไปตามแต่ละประเทศ แต่อเมริกาก็ยังเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ
เรียบเรียงโดย : วาทิน ศานติ์ สันติ
อ้างอิง
กฤษณา ไวรวจ,รศ.ดร.. ละตินอเมริกา : การเมือง การจัดการปกครองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ. พิมพ์ครั้งที่ 1 (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : มหาวิทยบายรามคำแหง. 2552.
มาตยา อิงคนารถ, รศ.. ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างละตินอเมริกากับสหรัฐอเมริกา. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง. 2548.
วิกิพีเดีย. [สื่อออนไลน์]. http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%8C_%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A3. สืบค้นเมื่อ 11 ต.ค. 2553.
ไทยแลนด์อังกฤ