แนวคิดทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงพฤติกรรม
(Behavioral Theories of Leadership)
และผลงานวิจัย พร้อมตัวอย่าง
วิวัฒนาการของภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำได้เกิดขึ้นกับผู้นำมาหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่บรรพบุรุษมาแล้ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นมาของภาวะผู้นำของผู้นำ จึงจำเป็นต้องศึกษาถึงวิวัฒนาการของภาวะผู้นำ ซึ่งมีวิวัฒนาการ 4 ยุค ดังนี้
วิวัฒนาการของภาวะผู้นำยุคที่ 1 ภาวะผู้นำแบบมหาภาคในโลกที่อยู่สภาวะมั่นคง (Macro Leadership in a Stable World) เป็นยุคก่อนการปฏิบัติอุตสาหกรรมและก่อนมีการปกครองแบบราชการ องค์กรส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก ดำเนินการเพียงคนเดียว คนงานมักเป็นญาติหรือเพื่อนบ้าน เรียกว่าภาวะผู้นำแบบยิ่งใหญ่ (Great Man Leadership) เชื่อว่า ผู้นำนั้นได้มาตั้งแต่เกิดกับคุณลักษณะการเป็นผู้นำอย่างแท้จริง “ผู้นำ” (Leaders) มีความเทียบเท่ากับ “วีรบุรุษ” (Hero) เช่น เลนิน เชอร์ชิล์ ฮิตเลอร์ และมุสโสลินี
วิวัฒนาการของภาวะผู้นำยุคที่ 2 ภาวะผู้นำแบบจุลภาคในโลกที่อยู่ในสภาวะมั่นคง (Micro Leadership in a Stable world) ยุคที่เริ่มมีสายงานบังคับบัญชาตามลำดับชั้น และมีความคิดแบบระบบราชการ มีความเจริญเติบโตขยายขนาดใหญ่ขึ้น จึงจำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์และมีมาตรฐานในการดำเนินงาน เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น เรียกว่า ยุคการบริหารงานเชิงเหตุผล (Rational Management)ซึ่งสั่งการและควบคุมคนโดยใช้วิธีการที่ไม่เป็นส่วนตัว
วิวัฒนาการของภาวะผู้นำยุคที่ 3 ภาวะผู้นำแบบจุลภาคโลกที่มีความสับสนวุ่นวาย (Micro Leadership in a Chaotic world) เป็นยุคที่เกิดวิกฤติทางการบริหารจัดการในแถบทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป เกิดภาวะความไม่มั่นคงอย่างกะทันหัน ทำให้การบริหารแบบมีเหตุผลถูกยกเลิกไป ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้นำที่ริเริ่มความคิดภาวะผู้นำแบบทีมงาน (Team Leadership) ขึ้นลักษณะของทีมงานจะมีความเสมอภาคกันทั้งทีมงาน จะไม่มีใครเป็น “ดาว” เน้นด้านคุณภาพงาน
วิวัฒนาการของภาวะผู้นำยุคที่ 4 ภาวะผู้นำแบบมหาภาคในโลกที่อยู่ในสภาวะมั่นคง (Macro Leadership in a Chaotic World) เป็นยุคที่แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้นำแบบอำนวยสะดวก (Facilitative Leadership) โดยเปรียบตัวเองเหมือนผู้รับใช้ที่ต้องเสียสละตัวเอง เพื่อรับใช้ผู้อื่น ผู้นำยุคนี้เรียนรู้การมีอิทธิพลต่อผู้อื่นด้วยวิธีการสร้างมนุษย์สัมพันธ์และวิสัยทัศน์ร่วม และสร้างวัฒนธรรม โดยไม่สกัดกั้นความสามารถของคน บุคคลที่เป็นผู้นำในยุคนี้คือ George SztyKiel ประธานบริษัท Spartan Motors ผู้ผลิตรถดับเพลิงและรถที่เป็นบ้าน
ทฤษฎีภาวะผู้นำ และผลงานวิจัย
ทฤษฎีภาวะผู้นำเป็นความพยายามที่จะใช้วิธีการวิจัยอธิบายแง่มุมหนึ่งของผู้นำในเชิงปฏิบัติ เพื่อให้สามารถเข้าใจ ทำนาย หรือควบคุมภาวะผู้นำที่มีประสิทธิผลได้ ทฤษฎีภาวะผู้นำจำแนกออกเป็น 4 แนวคิด คือ
1) ทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงคุณลักษณะ
2) ทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงพฤติกรรม
3) ทฤษฎีภาวะผู้นำตามสถานการณ์
4) ทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงบูรณาการ
ทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงพฤติกรรม
(Leadership
Behavior)
เป็นการพัฒนาในช่วงปี
ค.ศ. 1940 – 1960
นักวิจัยเกี่ยวกับภาวะผู้นำส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนความสนใจจากทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงคุณลักษณะเป็นทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงพฤติกรรมซึ่งเน้นศึกษาถึงสิ่งที่ผู้นำพูดและสิ่งที่ผู้นำทำ
โดยมุ่งหาแบบพฤติกรรมที่ดีที่สุดในการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิผล
แบบภาวะผู้นำในช่วงเวลานั้นหมายถึงการผสมกันของคุณลักษณะ
ทักษะและพฤติกรรมที่ผู้นำใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ตาม
พฤติกรรมที่มีการศึกษาและทำความเข้าใจกันมากคือพฤติกรรมที่มุ่งคนหรือมุ่งงาน
โดยมองว่าพฤติกรรมที่มุ่งคนจะทำให้ผู้ร่วมงานมีความสุขและทำงานได้ดี
และมีประสิทธิภาพ
แต่ถ้าเน้นงานมากผู้ร่วมงานก็จะหาความสุขยาก
แนวคิดหลักของทฤษฎี คือ ให้มองในสิ่งที่ผู้นำปฏิบัติและชี้ให้เห็นว่าทั้งผู้นำและผู้ตามต่างมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน ตัวอย่างนักทฤษฎี ได้แก่ Kurt Lewin , Rensis Likert , Robert Blake and Jane Mouton , Robert Tannenbaum and Warren H. Schmidt , Douglas McGregor และ William J. Reddin เป็นต้น และได้มีการศึกษาภาวะผู้นำและผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโดยทฤษฎีในกลุ่มนี้ได้แก่ มหาวิทยาลัย แห่งรัฐไอโอวา , มหาวิทยาลัยมิชิแกน , มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ และมหาวิทยาลัยเท็กซัส เป็นต้น ซึ่งได้ทำการศึกษาพฤติกรรม (Behavior) หรือการกระทำ (Action) ของผู้นำ มีรายละเอียดดังนี้
1. การศึกษาภาวะผู้นำของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอวา (Iowa State University : ISU)
2. การศึกษาภาวะผู้นำของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan)
3. การศึกษาภาวะผู้นำของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ (Ohio State University)
4. ทฤษฎีตารางภาวะผู้นำ (Leadership grid) แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส (University of Texas)
5. ทฤษฏีความต่อเนื่องของภาวะผู้นำ ( Continuum of Leadership Theory )
6. ทฤษฎีเอ็กซ์และทฤษฎีวายของดักลาส แมคเกรเกอร์
7. ทฤษฎี 3 มิติ ของเร็ดดิน (Reddin’s Tri-Dimension Theory)
สรุป
จากทฤษฎีภาวะผู้ที่ได้กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า การศึกษาเกี่ยวกับภาวะผู้นำที่มีประสิทธิผลนั้น นักวิชาการต่างพยายามศึกษาแตกต่างกันไปหลายแนวคิด แต่ละแนวคิดล้วนมีจุดเด่น จุดด้อย แตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้นำที่จะต้องเลือกนำไปใช้ให้เหมาะสมกับเวลาและสถานการณ์แต่อย่างไรก็ตามแต่ละแนวคิด ทฤษฎีล้วนมีประโยชน์ต่อผู้นำทั้งสิ้น ดังนี้
ทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงพฤติกรรม เน้นการศึกษาพฤติกรรมผู้นำที่มีประสิทธิผล โดยพิจารณาจากแบบของภาวะผู้นำ เช่น การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอวา ที่ได้แบ่งผู้นำออกเป็น 3 แบบคือแบบประชาธิปไตย แบบเผด็จการและแบบเสรีนิยม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ใต้บังคับบัญชาจะชอบผู้นำแบบประชาธิปไตยมากที่สุด / การศึกษาภาวะผู้นำของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ และของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่ได้แบ่งผู้นำออกเป็นแบบมุ่งงานและมุ่งคน โดยคำนึงถึงสัมพันธภาพกับผู้ร่วมงานที่ทำงานร่วมกันในองค์กร / ทฤษฎีตารางภาวะผู้นำของ Black และ Mouton แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส ที่ชี้ให้เห็นว่าผู้นำแบบผู้นำเชิงพฤติกรรมนี้จะอธิบายว่าผู้นำทำอะไรหรือควรทำอะไร และผลลัพธ์ที่ตามมาจากการกระทำของผู้นำ / Robert Tannenbaum และ Warren H. Schmidt ได้ขยายทรรศนะที่มีต่อภาวะผู้นำแบบเผด็จการและประชาธิปไตยจาก 2 พฤติกรรมออกเป็น 7 พฤติกรรม ที่มีความเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และได้ลำดับความต่อเนื่องของภาวะผู้นำทั้ง 3 แบบ โดยการบริหารแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงทำให้ผู้นำประสบผลสำเร็จและมีประสิทธิภาพ และยังพบว่าผลผลิตสูงขึ้นด้วย / ทฤษฎีเอ็กซ์ และทฤษฎีวายของ Mc. Gregor ที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นสถานการณ์ที่มีผลต่อแรงจูงใจในการทำงาน โดยสรุปแบบแผนการผู้นำไว้เป็น 2 แนวคิดทฤษฎี / และการศึกษาภาวะผู้นำของ Reddin ได้ผสมผสานแบบของพฤติกรรมผู้นำ 2 มิติ คือมิติมุ่งกิจสัมพันธ์ และมิติมุ่งมิตรสัมพันธ์ แล้วจำแนกผู้นำออกเป็น 4 แบบ คือ แบบบูรณาการ แบบแบ่งแยก แบบอุทิศตนและแบบสัมพันธ์ภาพ
ไม่มีความเห็น