การจัดการความรู้เพื่อการซ้อมแผนเตรียมความพร้อมรับการระบาดของโรคไข้หวัดนกของสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชัยนาท โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมจำนวนมาก หมอโอ๋(นายกันตภณ ปภากรเกตุรัตน์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาสุขภาพสัตว์ ) ได้ส่งประเด็นสำคัญแผนเตรียมความพร้อมสำหรับการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการระบาดในคน ระดับ 3 ดังนี้
พบสัตว์ปีกป่วยตายด้วยโรคไข้หวัดนก และพบการติดต่อเชื้อไข้หวัดนกจากสัตว์จากสัตว์ปีกสู่คน - การเตรียมความพร้อมด้านความร่วมมือระหว่างหน่วยงานแบบบูรณาการ
1. วางแผนระบบการติดต่อสื่อสารและการประชาสัมพันธ์
- งานสื่อสาร ระบบที่พร้อมใช้งานสามารถติดต่อประสานงานกับเครือข่ายหน่วยงานต่าง ๆ
- จัดตั้งศูนย์ Hot line ให้บริการตอบข้อซักถามของประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
- ประชาสัมพันธ์ จัดทำข่าวสารที่เป็นปัจจุบันให้ข้อมูลแก่สาธารณชน /ประสานความร่วมมือกับสื่อมวลชน การแถลงข่าว / เผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน และสื่อมวลชน
2. กำหนดการประชุม WAR ROOM (ความถี่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โรค) ติดตามสถานการณ์ทั้งในสัตว์ปีกและคน / สถานการณ์โรคทั้งในและต่างประเทศ
3. กำหนดมาตรการต่างๆ
- การประกาศพื้นที่เป็นเขตภัยพิบัติ
- การประกาศเขตโรคระบาดสัตว์ปีก
- ใช้มาตรการกักกันและควบคุมผู้ติดเชื้อ/ผู้สัมผัส
- มาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคในสถานที่ต่าง ๆ และชุมชน เช่น โรงเรียน โรงงาน สถานที่ทำงาน สถานที่มหรสพ ห้างสรรพสินค้า , สถานีขนส่ง , เรือนจำ เป็นต้น
- จัดทำคู่มือแนะนำประชาชน
การเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการระบาดในสัตว์ปีก
1. สอบสวนโรคเบื้องต้น
- จัดทีมควบคุมโรคไข้หวัดนกเข้าไปสอบสวนโรค ณ. จุดเกิดเหตุและรอบจุดเกิดเหตุ ร่วมกับสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- รายงานเบื้องตันกับหน่วยงาน/กระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุขกระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วสอบสวนโรค และประกาศเขตโรคระบาด
- การแจ้งผลชัณสูตรโรค สนง ปศจ ชน ควรรายงานผลการชัณสูตรโรค ซึ่งส่งตรวจที่สถาบัน
หรือแจ้งกับเก๖รกรโดยตรง
2. ทำลายสัตว์
- สัตว์ปีกในฟาร์มที่เป็นโรคโดยถ้าฟาร์มสัตว์ปีกมีหลายโรงเรือน ภายในฟาร์มให้ทำลาย สัตว์ปีกหมดทั้งฟาร์ม
- ให้ดำเนินการทำลายสัตว์ปีกโดยเร็วที่สุดไม่เกิน 12 ชั่วโมงนับตั้งแต่ที่ได้รับแจ้งโดยทำลายเฉพาะบ้านหรือฟาร์มที่เกิดโรคหรือบ้าน หรือฟาร์มอื่นที่สัตวแพทย์พิจารณาแล้วเห็นว่าสาเหตุเชื่อได้ว่าสัมผัสกับเชื้อโรค
3. ทำลายเชื้อโรค
- ทำลายเชื้อโรคในฟาร์มที่เกิดโรคหรือควบคุมให้เกษตรกรดำเนินการทำลายเชื้อโรค ดังนี้
• ยานพาหนะ
- ใช้เครื่องฉีดแรงดันสูงทำความสะอาดยานพาหนะที่ใช้บรรทุกสัตว์ปีก
- พ่นยาฆ่าเชื้อบนรถและล้อรถให้ทั่วทุกซอกทุกมุมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
• วัสดุอุปกรณ์ต่างๆในโรงเรือน
- แช่ล้างและขัดวัสดุอุปกรณ์ในน้ำผงซักฟอกเพื่อขจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกอื่นๆ
- แช่อุปกรณ์ต่างๆในน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
• โรงเรือน
- ล้างและขจัดคราบไขมันหรือสิ่งสกปรกออกโดยใช้น้ำผงซักฟอก
- ฉีดพ่นบริเวณโรงเรือนและรอบโรงเรือนทุกวันเช้า-เย็นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
• ถาดไข่
- แช่ถาดไข่ในน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นระยะเวลานาน 10-30 นาที
- รมควันถาดไข่ในห้องแบบปิดหรือใช้ผ้าพลาสติกคลุม
• ไข่
- ไข่บริโภคใช้วิธีจุ่มไข่ในน้ำยาฆ่าเชื้อกลุ่มไฮโปโคลไรท์ 20 ppm.
- ไข่ฟักใช้วิธีรมควัน
4. การเฝ้าระวัง
- เฝ้าระวังรอบจุดเกิดโรค โดยเก็บตัวอย่างสัตว์ปีกส่งห้องปฏิบัติการด้วยวิธี Cloacal swab ในหมู่บ้านที่เกิดโรคทุกบ้านจำนวนสัตว์ปีก 5 ตัว/บ้าน(1 ตัวอย่าง) ในรัศมี 1 กิโลเมตรและเก็บตัวอย่างหมู่บ้านอื่นๆ ในรัศมี 5 กิโลเมตรรอบจุดเกิดโรคอย่างน้อย 20 ตัวต่อหมู่บ้าน (4 ตัวอย่าง) และเฝ้าระวังเชิงรุกด้วยอาการทางคลินิกในรัศมี 10 กิโลเมตรรอบจุดเกิดโรคเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน หากพบสัตว์ปีกป่วยตายให้ส่งซากตรวจอย่างน้อย 2-5 ตัว
- ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกและซากสัตว์ปีกในพื้นที่รัศมี 10 กิโลเมตรรอบจุดสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน หรือจนกว่ามีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นลบ ทั้งนี้ให้สัตวแพทย์ใช้อำนาจตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์สั่งกักสัตว์ปีกทุกรายในรัศมี 10 กิโลเมตร
- ทำลายเชื้อโรคด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพในจุดที่สงสัยและจุดเสี่ยงอื่นๆ และดำเนินการทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่องจนกว่าภาวะโรคจะสงบ หรือจนกว่ามีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นลบ
- เฝ้าระวังและสอบสวนโรค ดำเนินการค้นหาสัตว์ปีกป่วยเพิ่มเติม สอบสวนหาสาเหตุของการเกิดโรคและควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของโรคต่อไป
5. เตรียมความพร้อมวัสดุ อุปกรณ์ และน้ำยาฆ่าเชื้อ เพิ่มจากปกติ 2 เท่า
6. ชดเชยความเสียหายของเกษตรกรจากการทำลายสัตว์ปีก
7. ควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์
8. การประชาสัมพันธ์
- จัดทำข่าวสารที่เป็นปัจจุบันให้ข้อมูลแก่สาธารณชน /ประสานความร่วมมือ กับสื่อมวลชน การแถลงข่าว / เผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน และสื่อมวลชน
9. จัดทีมสอบสวนโรคระบาด ติดตามและประเมินผล
การเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกัน การระบาดของโรคในคน
1. ทีม SRRT สอบสวนโรค
- ค้นหาผู้ป่วย / ผู้มีอาการสงสัยเพิ่มเติม ทำทะเบียนติดตามเฝ้าระวัง 10 วัน
- ควบคุมป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ โดยทำลายเชื้อที่บ้านผู้ป่วยผู้สงสัย และสิ่งแวดล้อม
ให้ความรู้ Health education สุขวิทยาส่วนบุคคล
- รายงานตามระบบเฝ้าระวัง
- เฝ้าระวังในโรงพยาบาล ตั้งจุดคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการเข้าตามนิยาม และมีประวัติสัมผัส
สัตว์ปีกป่วย/ตาย แยกผู้ป่วยที่สงสัยออกจากผู้อื่น
- ให้ความรู้กับผู้สัมผัสผู้ป่วย ในการป้องกันโรค
- เฝ้าระวังบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสโรค / ทำทะเบียนรายชื่อสำหรับติดตาม
- จัดทำรายงานและสถานการณ์โรคให้ผู้เกี่ยวข้อง / พื้นที่ใกล้เคียงทราบ
2. ติดตามสถานการณ์โรค วิเคราะห์สถานการณ์การระบาด นำเสนอผู้บังคับบัญชา / ศูนย์ปฏิบัติการทุกวัน
3. กำหนดแนวทางปรับเปลี่ยนระบบรายงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์โรค
4. เฝ้าระวังผู้สัมผัสสัตว์ปีกและผู้ที่อาศัยในพื้นที่มีสัตว์ปีกป่วยตาย หากมีอาการไข้ ตรวจรักษาที่สถานีอนามัย / โรงพยาบาลทุกราย
5. การค้นหาผู้ป่วยโดยเร็ว ทั้งเชิงรุกและรับ ที่รับการักษาใน รพ. ทั้งภาครัฐและเอกชน ในพื้นที่ทุกวัน ด้วยการเฝ้าระวังผู้ป่วยปอดอักเสบ , ไข้หวัดใหญ่ได้แก่ ผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรงหรือเสียชีวิตทุกราย /ผู้ป่วยปอดอักเสบ 2 รายขึ้นไปที่มีความเชื่อมโยงทางระบาดวิทยา / ผู้ป่วยปอดอักเสบที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ / ผู้ป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ 5 ราย ขึ้นไปในหมู่บ้านเดียวกันในช่วงเวลา 10 วัน
6.เฝ้าระวังอาการป่วยของประชาชนในพื้นที่มีสัตว์ปีกป่วยตาย และลักษณะการระบาดเป็น Cluster ของผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินหายใจจากเครือข่ายในชุมชน ได้แก่ โรงพยาบาล /สถานีอนามัย / อสม. / สื่อมวลชน
7. เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจและตัวอย่างเลือดทั้งผู้ป่วยและผู้สัมผัส ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการหาเชื้อไวรัสไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่
8. จัดเตรียมห้องแยกดูแลผู้ป่วยและเตรียมบุคลากรในแต่ละจุด
9. จัดทำทะเบียนเครือข่ายผู้ดูแลระบบ VMI ในโรงพยาบาลทุกแห่ง และกำหนดแนวทางหรือช่องทางการประสานงาน/จัดหา/ขอสนับสนุน/การกระจายเวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์
10. เตรียมความพร้อมของสถานพยาบาลทุกระดับ คน เวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ
- Ward รองรับผู้ป่วย,จำนวนเตียง ,บุคลากร,เวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ป้องกัน
เครื่องช่วยหายใจ,รถพยาบาล
- กำหนดบทบาทหน้าที่สถานพยาบาลแต่ละระดับ / บทบาท
บุคลากรกร
- แผนจัดเตรียม จนท.ทดแทนกรณีมีบุคลากรแพทย์/พยาบาล/จนท.เจ็บป่วย
- PPE เพิ่มจากปกติ 20 เท่า
- ยา Tamiflu 20 เท่า
- ชุดตรวจ 20 เท่า
- อุปกรณ์สนับสนุนอื่น ๆ เช่น น้ำเกลือ , Antibiotic , น้ำยาฆ่าเชื้อ , วัคซีน และเวชภัณฑ์อื่นๆเพิ่มจากปกติ 5 เท่า
11.จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม
- วางแผนจัดเตรียมสถานที่ เครื่องมือ เวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ บุคลากร จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม
- ประสานงานจัดหาและสนับสนุนเวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ กับเครือข่ายจังหวัดในเขต 5 หรือจังหวัดใกล้เคียง หรือ สคร.2 เพื่อขอการสนับสนุนกรณีฉุกเฉิน
- อบรมอาสาสมัครเป็นกำลังเสริมในการปฏิบัติงานในสถานพยาบาล และ รพ.สนาม
12. กำหนดแนวทางการใช้ยาต้านไวรัส
- กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้สัมผัสร่วมบ้านหรือครอบครัว / บุคลากรผู้ดูแลผู้ป่วยใน รพ. (ไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันตนเอง /ดูแลใกล้ชิด / ต้องทำหัตถการ / สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเอง แต่มีอาการ) / ผู้ทำลายสัตว์ปีกที่มีอาการภายใน 10 วัน
- ทำทะเบียนติดตามผู้ที่รับประทานยา
13. ทบทวนแนวทางการคัดกรองผู้ป่วยในสถานบริการสาธารณสุขทุกระดับ
14. ทบทวนแนวทาง IC
15. จัดเตรียมความพร้อมของวัสดุอุปกรณ์สำหรับ PHER TEAM
16. อบรมฝึกทักษะการใช้ PPE แก่บุคลากรทุกระดับ
17. ประชาสัมพันธ์การใช้หน้ากากอนามัยและการล้างมือ ศูนย์ฯไข้หวัดนกจังหวัดชัยน
ไม่มีความเห็น