27 กย 53 ประชุมเรื่องการดูแลเบาหวานและความดันโลหิตสูง ที่โรงแรม ริชมอนด์จัดโดย สปสช. โดยวิทยากรส่วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ complication ของโรค DM ,HT ซึ่งก็คือผู้เชี่ยวชาญทาง หัวใจ ระบบประสาท ตา ไต โดยสรุปแล้วก็ห่อเหี่ยวหัวใจเล็กน้อย โดยภาพรวมผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เบาหวานและความดันสูง ต้องอย่าเป็น (พูดง่ายแต่ได้ใจความ) เพราะเป็นแล้วรักษายังไงก็ไม่ค่อยดีเท่าไร( แต่ก็ดีกว่าไม่รักษา) ยังไงอวัยวะเป้าหมายก็เสื่อมเร็วกว่าคนธรรมดา โดยเฉพาะกลุ่ม complication จากเส้นเลือดใหญ่ ( Stroke, Coronary disease) คุมโรคให้ดียังไงก็ให้ผลไม่ประทับใจนัก จึงสรุปกันว่า "อย่าเป็นดีกว่า เบาหวานความดัน"
ก่อนจบขอเอาข้อมูล HbA1C เปรียบเทียบกับค่าน้ำตาลในเลือดเฉลี่ยมาให้ดู เผื่อเวลาบอกคนไข้จะได้เข้าใจง่าย เพราะการบอกค่า HbA1C คนไข้ไม่ค่อยเข้าใจ ก็ลองบอกค่าเปรียบดูอาจทำให้คนไข้เข้าใจมากขึ้นว่าที่ผ่านมาประมาณ 3 เดือน น้ำตาลในเลือดของเขาเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไร
HbA1c | เปรียบเทียบเป็นค่าเฉลี่ย Plasma glucose | |
---|---|---|
(%) | (mg/dL) | |
5 | 97 (76–120) | |
6 | 126 (100–152) | |
7 | 154 (123–185) | |
8 | 183 (147–217) | |
9 | 212 (170–249) | |
10 | 240 (193–282) | |
11 | 269 (217–314) | |
12 | 298 (240–347) |
ก็น่าสนใจดีนะครับ / Boss
Thank you./By Jan
เคยบอกว่าน้ำตาลเฉลี่ย ผู้ป่วยไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่พอเปลี่ยนเป็นคำว่า น้ำตาลสะสมที่ตกค้างอยู่ในเลือด ผู้ป่วยปิ๊งแว๊ปเลยค่ะ