ป้าหลับในอ้อมกอด ด้วยบทสวดอิติปิโส


 

                เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (๒๔ กันยายน ๒๕๕๓) หนูออกจากที่ทำงานเร็วหน่อยเพื่อขับรถกลับบ้านที่กาฬสินธุ์  ไม่ทราบเพราะอะไร พอขับมาระหว่างทางแม่โทรมาบอกว่า

“แวะหาป้าแก้วด้วย ท่านอาการหนักขึ้น นอนไม่ได้มาสองคืนแล้ว แม่และน้าก็จะไปเจอหนูที่บ้านป้าเช่นกัน”

บ้านป้าห่างจากบ้านพ่อกับแม่ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร จริง ๆแล้วเป็นบ้านเกิดของหนู พอไปถึงหนูเห็นแม่และน้าราญกำลังช่วยกันสระผมให้ป้าและเช็ดตัวด้วย น้ำหมักรสเปรี้ยว ป้ายิ้มให้หนู ด้วยแววตาดีใจ พร้อมทั้งพูดว่า

“มาแล้วลูกสาวแม่” หนูยิ้มและยกมือไหว้ท่าน

แม่หนูถามป้าย้ำ "ผู่ได๋ลูก"

ป้าตอบว่า "กะนี่เด้ งาม ๆ นี่ลูกป้าเด้นี่"

 

ฟังครั้งแรกใจหนูแว๊บระลึกถึงวัยเด็กที่ตนเคยขอแม่ตาม ลุงทองและป้าแก้ว ไปไซด์งานก่อสร้าง ซึ่งหนูก็ไปนอนกับท่าน แต่หนูนอนดิ้นมาก ๆ จนลุงต้องลงมานอนข้างล่าง แล้วป้าก็ต้องคอยจับหนูไว้กลัวดิ้นจนตกเตียง นี่คือวีรกรรมสมัยเด็กของหนูที่ปรากฏขึ้นมาในมโนภาพตอนนั้น

 

ช่วงหลัง ๆ หนูจะแวะมาเยี่ยมป้าก่อนที่จะเข้าบ้านพ่อและแม่ เพราะเป็นทางผ่าน และตั้งใจมาให้กำลังใจคนไข้และผู้ดูแลคนไข้ ป้ามักจะพูดกับหนูบ่อย ๆ ว่า

 “งามแท้หนอ หลานสาวป้า”

หนูยิ้มให้ท่านเสมอ รูปกายที่ท่านชมว่างามของหนูนั้น คือ ใบหน้าที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอาง ผมเผ้าที่มัดจุกด้วยยางแดง เอาสะดวกพอไม่เกะกะ กระโปรงผ้าฝ้ายที่ใส่สบาย กับเสื้อผ้าฝ้ายเช่นเดียวกัน ช่วงหลัง ๆ หนูหยิบเสื้อผ้าแบบนี้มาใส่บ่อยขึ้น เพราะใส่สบาย ไม่เหนอะหน่ะ ที่สำคัญ ไม่ต้องรีด หรือถ้าจะรีดก็ไม่ต้องเรื่องมาก บางตัวได้มาจากการไปเยี่ยมชาวบ้าน ไปชุมชนแล้วเขาทำขายก็ช่วยซื้อมา จำนวนของเสื้อผ้าแบบนี้จึงมากขึ้น ประกอบกับหนูชอบแต่งตัวแบบเอาสบาย จากคำพูดของป้าแก้ว หนูเชื่อว่า

“คำชมของท่าน หล่อเลี้ยงใจท่านให้เบิกบาน ไม่สำคัญว่าสิ่งที่ท่านชมคือ อะไร แต่ ขณะชมใจท่านเบิกบาน เหมือนรดรินพลังชีวิตลงไปในใจ”

เราจึงนั่งคุยนั่งพูดกันสักพัก ก็เริ่มมืดแล้ว ป้าต้องทานข้าวลูกสาวของท่านมาช่วยกันป้อนให้ ส่วนหนูช่วยประคองท่านนั่งและคอยเช็ดอาหารที่เลอะ

พอเริ่มมืดป้าแก้วเริ่มนั่งไม่ได้ ตาลอย แล้วก็คราง พี่แดง (ลูกสาวคนโตที่ดูแลป้าแก้ว) บอกว่า บางทีดิ้นเหมือนงู ไม่นอนทั้งคืน จนรู้สึกกลัว เราจึงช่วยกันประคองท่านเข้าบ้าน พอมาที่เตียงตอนแรกหนูก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะท่านคราง ดิ้นไปมาเหมือนไม่ค่อยรู้สึกตัว หนูดึงลมหายใจเข้าลึก ๆ ผ่อนออกยาว ๆ แล้วก็คุยเหมือนท่านเป็นปกติ บางทีท่านก็หันมายิ้ม แบบตาลอย ๆ หนูหันไปเห็นหนังสือสวดมนต์ จึงถามท่านว่า

“สวดมนต์ให้ฟังเอาไหม”

ท่านยิ้ม เพราะหนูจำได้ว่ามาหาป้าแต่ละครั้งท่านจะขอให้ทำวัตรให้ฟังแล้วท่านก็จะคลอตามบ่อย ๆ

                ครั้งนี้ก็เหมือนกัน หนูตั้งใจสวดอย่างมีสติและมุ่งมั่น ป้าเริ่มหันมาสนใจบทสวดมนต์ สวดตามแต่ช้า หนูจึงชะลอจังหวะบางช่วงเพื่อให้ท่านตามทัน สวดไปเรื่อย ๆ บางทีท่านก็ตาลอย บางทีก็หันมาสวดด้วย ญาติ ๆ และคนข้างบ้านมาเยี่ยมท่านพอสมควร แต่หนูก็ยังมุ่งมั่นสวดไปเรื่อย ๆ จนถึงบทอุทิศบุญ เหมือนไม่มีอะไรสวดแล้ว หนูจึงปิดหนังสือจับมือป้าแล้วก็พาสวดอิติปิโส สวดไปเรื่อย ๆ ดูจะเป็นบทที่ป้าคุ้นเคย แม้จะสวดถูกบ้างผิดบ้าง แต่หนูสังเกตว่า

“ท่านแทบไม่คราง ตาลอยน้อยลง บางคราก็หลับตาลงเหมือนฟัง บางทีหลับตาอยู่ปากก็ขยับ”

พอท่านเริ่มสงบลมหายใจสม่ำเสมอ เหมือนจิตท่านเข้าสู่สภาวะหลับ แป๊บหนึ่งก็เพ้อขึ้นมาอีก หนูจึงสวดอิติปิโสอีก สวดไปเรื่อย ๆ ท่านพลิกตัวไปเรื่อย ๆ หนูต้องเอาหมอนมารองไว้กลัวท่านตกเตียง ตัวท่านก็หนักบอดูค่ะ บางทีก็ไหลลงข้างล่างจนขาจะตกเตียงก็ต้องดึงท่านขึ้นมา ท่านพลิกไปมา หนูก็สวดไปเรื่อย ๆ มีจังหวะหนึ่งที่ป้าแก้วพลิกนอนตะแคงเข้ามาซุกตรงอกหนูพอดี แขนท่านก็กอดหนูไว้ แล้วท่านก็หลับไป หนูก็สวดไปเรื่อย ๆ ครานี้หลักยาว ท่านนอนของหนูเป็นท่านอนตะแครงตั้งศอก เป็นท่าที่น่าเมื่อยมากที่สุด แต่ทราบอะไรไหมค่ะ แม้จะเมื่อย หนูก็ยอม เพราะทำให้ท่านหลับได้ ณ ขณะนั้นเหมือนแต่ละคนเจอรหัสของการนอนของป้าว่า

“ถ้าสวดมนต์จนท่านสงบ ท่านจะหลับได้”

ดูเหมือนว่า วันนั้นหนูเริ่มสวดมนต์ตั้งแต่สองทุ่ม ยาวจนถึงตีสาม เป็นการสวดมนต์ที่ยาวนานแต่ก็เป็นสุขค่ะ กว่าหนูจะได้ลงนอนก็ตีสามกว่า ๆ เพราะพี่แดงตื่นขึ้นมาช่วยดูและเปลี่ยนกันดูแลป้า หนูงีบไป ตื่นขึ้นมาประมาณตีห้ากว่า ๆ เกือบ ๆ หกโมงเช้า พี่แดงบอกว่า

“แม่ติดรถสามีพี่แดงไปขายของที่นาคูแล้ว”

วันเสาร์เป็นตลาดนัดนาคู ของที่บ้านจะขายดีมาก จะเป็นวันเดียวที่พ่อจะไม่ได้ไปรับพระที่วัดป่า ซึ่งหนูถ้ากลับบ้านจะไปใส่บาตรแทน หนูจึงโทรหาพ่อ บอกว่า

“กำลังขับรถไปบ้านช่วยเตรียมกับข้าวและของใส่บาตรให้ด้วย”

พอมาถึงหน้าบ้าน หนูวิ่งไปแปรงฟันเปลี่ยนชุดแล้วก็ขับรถขึ้นไปวัด เพราะเช้านี้หนูมีนัดแจ้งผลการตรวจยาลูกกลอนให้แม่ออกชาวมาเลเซียที่วัด ที่ต้องมาเองเพราะว่า ผลมันออกมาว่า ยาลูกกลอนที่ท่านทานมียาสเตรียรอยด์ปน และแล้วหนูก็ไปวัดทัน และก็ได้ทำอย่างตั้งใจ

                มานึกย้อนทบทวนกับตนเอง เหมือนได้ทดแทนพระคุณป้าแก้วและลุงทอง ที่ได้ดูแลท่านยามเจ็บป่วย ภาพมันคล้ายอดีตมาก ๆ เพียงแค่เปลี่ยนจากท่านกอดหนูนอน เป็นหนูกอดท่านนอนเอง ระหว่างที่หนูเงียบเสียง ข้างในก็ระลึกอุทิศบุญให้เทวดารักษาท่าน อุทิศบุญให้ท่านและเจ้ากรรมนายเวรของท่านไปด้วย

การที่จิตใจเรานิ่งเย็นช่วยคนป่วยได้จริง ๆค่ะ..................ขอบพระคุณครูที่เมตตาสั่งสอน ขอบพระคุณโอกาส

 

หมายเลขบันทึก: 400135เขียนเมื่อ 1 ตุลาคม 2010 08:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน 2012 15:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะอาจารย์Ico64

 อนุโมทนาบุญกับอาจารย์ที่สร้างสมมาและได้เผื่อแผ่ไปยังคนอื่นด้วยนะคะ สาธุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท