ปากพารวย แต่ต้องควบคู่กับการใช้ปัญญาอย่างชาญฉลาด ประสานกับทักษะทางอารมณ์ในการนำเสนอสิ่งดีๆ เพื่อสังคมที่อุดมปัญญา รากฐานในเรื่องการปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์ สร้างสังคมแห่งความสุขด้วยการสื่อสารที่น่าฟัง ราบรื่น ภาษาที่สุภาพ


นักบริหารชั้นครู ยันไปถึงยาจก ล้วนพบเจอกับอุปสรรค์แห่งการสื่อสารมาแล้วอย่างแน่นอนว่า"จะใช้ปากพูดอย่างไรให้เกิดความร่ำรวยทางการเงิน และมั่งคั่ง มากมายด้วยมิตร" อย่ามองข้ามการใช้ปากเพื่อการสื่อสารเป็นอันขาด

"ปากพารวย"

ช่วยสังคมและชาติอย่างไร

คงมีไม่มากเกือบจะทุกอาชีพไม่ว่าจะเป็นผู้นำในระดับประเทศ  ผู้นำทางสังคม ผู้นำชุมชน หรือผู้บริหารในทุกภาคส่วน ผู้มีน่าที่ต้องสอน สั่งการ บังคับบัญชา หรือประชาชนโดยทั่วไป คงจะไม่มีอาชีพใดทีไม่ต้องใช้การสื่อสาร

จะเป็นการสื่อสารด้วยภาษาพูด

ภาษากาย

ภาษาใจ

สายตา

หรือการแสดงภาษาเขียน

 อาจจะมีก็คงเป็นส่วนน้อยของสังคม

 ทุกๆ คนเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน เตี้ย ค้ำ ดำ สูง สมบูรณ์ หรือบกพร่องทางร่างกาย สติปัญญา แต่หากจะเปรียบกับคนที่มีความพร้อม ทางร่างกายที่ครบ 32 ประการ  อวัยวะหนึ่งของร่างกายที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และไม่ยิ่งหย่อนกว่าอวัยวะใดๆ ในที่นี้ขอยกให้

อวัยวะที่เรารู้จักกันว่า "ปาก" ผู้ใหญ่ใจดีหลายท่าน ผู้สูงวัย ครูบา อาจารย์ หรือปัญญาชน หลายท่านก็ยังเข้าใจเป็นอย่างดี และมีนิยาม หรือคำพังเผย สุภาษิต สอนสั่งกับลูกหลานมาโดยตลอด เช่น

ปากเป็นเอก เลขเป็นโท

ปากดีเป็นศรีต่อวงศ์ตระกูล

ปากพาจน

ปากว่าตาขยิบ

ปากอย่างใจอย่าง

ปากกับใจไม่ตรงกัน

ปากแทะโลม

ปากเปราะ

ปากเปรี้ยว ปากหวาน

ปากดี ฯลฯ

ผมมาชื่นชอบกับคำสุดท้ายว่า "ปากดี" แต่ขอเพิ่มเติมเป็นเชิงสัญลักษณ์ หน่อยนะครับ และเป็นวลี ที่เด็ดมาก สร้างวลีให้สร้างสรรค์ ว่า" ปากพารวย"

เพราะอาชีพของผมนั้น ส่วนใหญ่อยู่กับการพูด เป็นอาชีพที่เหมาะสมกับผมมากที่สุด เป็นอาชีพที่ดีมาก หารายได้จากการใช้ปากพูด เป็นส่วนใหญ่ เพราะผมมีอาชีพเป็นนักบรรยาย เป็นวิทยากร เป็นนักฝึกอบรม นักพัฒนา นักบริหารทรัพยากรมนุษย์ นักบริหารแห่งการพัฒนา  เป็นครู อาจารย์ ผู้สอนให้คำแนะนำ

แต่การจะใช้ปากอย่างเดียว

ก็คงจะไม่เพียงพอหรอกครับ

หากสักแต่ว่าจะพูดอย่างเดียว

โดยไม่ยอมเปิดใจ

และให้เกียรติในการฟัง

ในยามที่คู่สนทนาประสงค์จะใช้ปากพูดบ้าง

 ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่งดงามเอาเลยนะครับ

 ต้องมีการแบ่งวรรค

แบ่งตอน รู้จักฟัง

สังเกต คู่สนทนาบ้าง

สิ่งใดที่เขาชอบ หรือไม่ชอบ

ศึกษาอากัปกริยาอาการของผู้ฟัง

 ว่าสิ่งที่เราพูดออกไปนั้น

จับใจ ประทับใจ

หรือน่าเบื่อหน่าย

ประเมินตนเองให้รู้ตลอดเวลา

 และสำคัญยิ่งนะครับ คือ "การที่เราไม่รู้ตัวเองเลยว่าพูดมากเกินไปแล้ว พูดไร้สาระ พูดวกวน พูดจาไม่สุภาพ ไม่ให้เกียรติ พูดดูถูกดูแคลนผู้ฟัง ซะเหลือเกิน" ระวัง ปากจะพาจน ไม่ใช่พารวย แล้วละครับ

เก็บตกส่งท้ายมาฝากนะครับ

เกี่ยวกับ

"ปาก"

ผมมีความเชื่อเหลือเกินว่าทุกท่านสามารถเป็นนักพูด นักคิด นักเขียน นักฟังที่ดี ท่านสามารถเป็นอะไรก็ได้หากเรามีความเชื่อมั่นที่ดี สร้างเสริมประสบการณ์ เติมเต็มสิ่งขาด ปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง ครูพักลักจำ หย่าหลงตัวเอง กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองตลอดเวลา

พร้อมโน้มรับคำติชม

ในทุกสถานะการณ์

 เพื่อความก้าวหน้า

เพื่อการพัฒนาตนเอง

 เพื่อสร้างการเป็นผู้นำ

 หรือเป็นนักบริหารชั้นเลิศ

สิ่งเหล่านี้

จำเป็นยิ่งที่ต้องใช้ปากที่ดี

รู้กาละเทศะ

รู้ว่าจะพูดสิ่งใดดี หรือไม่ดี

เพื่อให้คู่สนทนา

เกิดความประทับใจ

ตัดสินใจติดต่อการค้า

หรือทำความเข้าใจ

ให้เกิดวัตถุประสงค์เชิงผลสัมฤทธิ์

 และเป็นไปตามเป้าประสงค์

ที่ทุกท่านตั้งเป้าหมายไว้

 สำคัญอยู่ที่

"ปาก"

คุณก็ต้องใช้"ปาก"ให้เป็น

แน่นอนครับ

คุณประสบความสำเร็จได้อย่าง

แน่นอนครับ เอาใจช่วยนะครับ

 เรื่องเล็กๆ แต่ไม่ควรมองข้าม

โดยสรุป "ปากพารวย"

ได้แน่นอน

และควรต้องมีสิ่งเหล่านี้

ควบคู่อยู่ด้วยครับคือ

"สุ จิ ปุ ริ พร้อมด้วยสติ "

ลงมือทำ ใช้สมองคิด ใช้ปากพูด และฟังผู้อื่นด้วยความศรัทธาต่อตัวเอง และผู้อื่นเช่นกันนะครับ เชื่อว่าสังคมจะไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งแน่นอน เพราะเรารู้จักฟังคู่สนทนา และใช้ปากพูดในสิ่งที่สร้างสรรค์ จรรโลงสังคม พร้อมใช้สติปัญญาหยั่งคิดอย่างชาญฉลาด

เห็นไหมครับว่า

"ปาก พารวย

ช่วยสังคม

และสร้างชาติได้จริงๆ "

ครับผม

วันนี้เรามาพูดดีๆ ต่อกันนะครับ

 

หมายเลขบันทึก: 397525เขียนเมื่อ 23 กันยายน 2010 23:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

บางครั้งต้องเปิดปาก บางคราวต้องปิดปาก อย่างไรก็ตามคิดและใช้ปัญญาไคร่ครวญก่อนเปิดและปิดปากเสมอ จะดีจริงๆ ครับ

สวัสดีครับคุณครู วัลลภ ตังคณานุรักษ์ (ครูหยุย) ที่นับถือยิ่ง

ผมได้ติดตาม และชื่นชมแนวความคิด ในหลายกิจกรรมที่ครูหยุยได้มอบสิ่งดีๆ ไว้กับสังคม (ประเภทแฟนพันธุ์เลยก็ว่าได้)เพื่อการสร้างสรรค์ความงดงามสู่ผู้ด้อยโอกาส ผู้ขาดโอกาส โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก เยาวชน ผู้ใช้แรงงาน และอีกหลายภาคส่วนในสังคม ที่ครูได้สละเวลาหยิบยื่นเพื่อการแก้ไขปัญหาที่เรื้อรังของสังคมไทย ที่เป็นสนิมเกาะกินสังคมไทยมาอย่างช้านาน โดยเฉพาะเห็นครูหยุย

ไม่ได้พูดเพียงอย่างเดียว แต่ได้ลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อมอบสิ่งดีงามกลับคืนสู่สังคม ผมขอชื่นชมเป็นอย่างยิ่งจริงๆ ครับ

ต้องขอขอบพระคุณ ที่ครูหยุยได้ให้เกียรติเข้ามาต่อเติม และเติมเต็มแบ่งปัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน Blog ที่ผมบรรจงทำขึ้นเพื่อมอบสิ่งดีๆ กลับสู่สังคม เพื่อเป็นการกระตุ้น สร้างเสริมภูมิคุ้มกันทางปัญญา แก่ผู้สนใจ สิ่งที่ขาดนี้ได้รับการเติมเต็มอย่างดียิ่งจากครูหยุย และผมก็ได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมบ้านครูหยุยแล้วนะครับ พบเห็นสิ่งดีงามมากมายเลยครับ เป็นบทความดีๆ ที่น่าสนใจจำนวนมาก คงไม่ว่านะครับ ผมขออนุญาตครูก่อนนะครับ อยากนำบทความดีๆ ไปมอบกับสังคม ที่ผมมีโอกาสไปอบรม บรรยาย ร่วมสัมมนา ประชุมในหัวข้อทางปัญญา หลายสถานที่ เพื่อนำข้อคิดดีๆ ที่ครูหยุยรวบรวมความคิดไว้เผยแพร่สู่สังคมต่อไป ขอขอบพระคุณครูหยุยมาอีกครั้งหนึ่งนะครับ มีสิ่งใดที่ผมรับใช้ได้ด้วยความยินดียิ่ง และผมขอถือโอกาสแนะนำโครงการดีๆ เพื่อสังคม ที่ผมและคณะได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นภาระกิจในการพัฒนาสังคม สร้างความยั่งยืนด้านการพัฒนาทุนมนุษย์สู่สังคมที่ยั่งยืนด้วยความสุขต่อไป เป็นโครงการถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวงของไทย ในโครงการ"หัวชน"ชวนคนทำดี และโครงการวิทยาทานพัฒนาแรงงานไทย(ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย)โดยกลุ่มวิทยากรอาสา ติดตามข้อมูลได้ที่ www.gotoknow.org/blog/puchiss E-mail : [email protected] 087-1382995 , 080-6231680

ภูชิสส์ ศรีเจริญ

ประธานสถาบันพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อสังคม (HCC)

ประธานสถาบันพัฒนาบุคลากรเชิงผลสัมฤทธิ์เอชอาร์โปรลิ้งค์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท