เมื่อเช้า (19 กรกฎาคม 2549) สคส. มีการประชุม Weekly ซึ่งวาระแรก คือ การ Review หนังสือ AI โดยครั้งนี้ ถึงคิวพี่โหน่ง (อุลิชษา ครุฑะเสน) ได้ Review บทที่ 16 ว่าด้วยเรื่อง Postmodern Principles and Practices for Large Scale Organization Change and Global Cooperation พี่โหน่งนำเสนอได้อย่างน่าสนใจทั้งน้ำเสียงและแววตาที่ฉายความสุขออกมาอย่างเห็นได้ชัด
พี่โหน่งได้นำเสนอ แนวคิดและหลักการ Postmodern กับการพัฒนาองค์กรในยุคปี 2000 และประสบการณ์ 20 ปี ของผู้เขียนบทความเรื่องนี้ (ซึ่งผู้เขียนจะไม่เขียนถึงรายละเอียดของบทนี้ เพราะพี่โหน่งคงจะเขียนขึ้น Blog เองต่อไป)
ผู้เขียนฟังพี่โหน่งนำเสนอไปก็คิดตามไปด้วย แต่จู่ๆ ทำไมภาพบรรยากาศการทำงานของที่ สคส. ถึงมาซ้อนทับกับสิ่งที่พี่โหน่งนำเสนออย่างแนบสนิทจนเกือบจะเป็นภาพเดียวกันได้อย่างไรก็ไม่รู้
ไม่ว่าจะเป็นการที่ สคส. เน้นการปฏิบัติ ทำจริง เรียนรู้จริง ทำไปเรียนรู้ไป
หรือสิ่งที่ สคส. กำลังดำเนินการขับเคลื่อนอยู่ ยิ่งทำ สคส. ยิ่งได้เข้าใกล้สิ่งลี้ลับหรือลึกลับ เพื่อเข้าสู่เป้าหมายแสงสว่างแห่งปัญญาของสังคมไทยเข้าไปทุกขณะ
หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการที่ผู้นำเปลี่ยนบทบาทจากผู้มีอำนาจ เป็นผู้รับผิดชอบต่อการสร้างวิสัยทัศน์และสร้างปฏิบัติการ ผู้นำองค์กร ของ สคส. ก็เล่นบทบาทนี้อยู่ตลอดเวลา
หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างประดิษฐกรรมทางสังคม สคส. ก็กำลังสร้างประดิษฐกรรมให้กับสังคมไทยเช่นกัน
หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการที่เป็นการทำงานแบบองค์กรเครือข่าย ทุกๆ ภาคีมีความเป็นอิสระต่อกัน
หรือไม่ว่าจะเป็นแนวคิดที่ว่า Postmodern สนใจและให้ความสำคัญกับเสียงของคนเล็กคนน้อยที่ชายขอบ เน้นการมีส่วนร่วมเป็นสำคัญ เน้นที่เรื่องอารมณ์ ความรู้สึก จิตวิญญาณ ความเป็นมนุษย์ ซึ่ง สคส. เองก็ให้ความสำคัญกับทุกๆ เสียง ให้การเคารพ ยกย่องและยอมรับถึงความแตกต่างหลากหลายของคนทุกคนในสังคม มองว่า คนทุกคนมีดี มีความรู้ความสามารถ มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน
ที่ผู้เขียนติดใจอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องของ Open Space หรือการสนทนาโดยสมัครใจในพื้นที่ๆ ไม่เป็นทางการ เป็นการสร้างการสนทนาสาธารณะอย่างหนึ่ง ผู้เข้าร่วมจะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการและจะไปอยู่ในที่ๆ ตัวเองสนใจ เพื่อที่จะมีบทบาทเป็นทั้งผู้ให้และผู้เรียนรู้ และหากรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง ก็เดินจากไปได้ ไม่มีกฎที่เป็นทางการใดๆ ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในการเป็นผู้พูดและได้รับการรับฟัง
โดย สคส. เองก็กำลังพยายามสร้าง Open Space ขึ้นในสังคมไทย ทั้งที่อยู่ในรูปของ F2F และ B2B
F2F คือ เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เวทีการประชุมต่างๆ ซึ่งรวมทั้งการประชุม Weekly ของ สคส. ด้วย ที่ผู้เขียนคิดว่า เริ่มจะกลายเป็น Open Space มากขึ้น จากที่เมื่อก่อนมีกันไม่กี่คน ประชุมได้ที่ห้องประชุมของ สคส. เอง แต่ปัจจุบัน มีทั้งสมาชิกภายใน ภายนอก และภาคีเครือข่ายที่สนใจเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ สคส. เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จน สคส. ต้องย้ายไปประชุมในห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (มีบางคนแซวว่า ต่อไป อาจจะต้องจัดประชุม Weekly ที่ท้องสนามหลวงก็เป็นได้)
ส่วน B2B ที่เห็นได้ชัดเจน คือ Blog : gotoknow ซึ่งเป็น Open Space ที่ขยายตัวขยายวงออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคนที่เข้ามาใน Open Space นี้ เป็นอิสระ เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยใจ เข้ามาเพราะอยากมา ทุกคนเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ ไม่มีใครเสียเปรียบและได้เปรียบกว่ากัน ทุกคนที่สมัครจะเข้ามาใน Open Space จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า
และนี่คือ Postmodern กับ AI ใน สคส. ที่ผู้เขียนพอจะลิ้มชิมรสและสัมผัสได้ค่ะ
ไม่มีความเห็น