มนุษย์ล่องหน


การค้นพบใหม่ทางฟิสิกส์ ?

สิบปีที่ผ่านมา มีคำถามหนึ่งที่ผมได้ยินบ่อยมาก

'นักศึกษาชายเดี๋ยวนี้ทำไมมีน้อยจัง หายไปไหนหมด ?'

ซึ่งเมื่ออยู่ในแวดวงทางยา คำถามก็อาจเปลี่ยนไปเป็นคำกล่าว

..เดี๋ยวนี้เภสัชหาผู้ชายทำยายาก !

เภสัชรุ่นเก่า ๆ ได้ยินแล้วมักพยักหน้าหงึกหงัก บอกว่าประโยคนี้ แฝงความหมายลึกซึ้ง

เห็นมานาน ก็ข้องใจมาตลอด แต่ไม่รู้จะอธิบายทำไม รู้สึกว่าไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องอธิบาย เกรงว่าจะโดนคนหมั่นใส้เอา หาว่าเป็นพวกกีดกันทางเพศ กดขีข่มเหงสิทธิสตรี ฯลฯ จำทนกล้ำกลืนอย่างสงบเสงี่ยมมานานนักแล้ว

แต่มาคันปากตอนเห็นหัวข้อข่าวในไทยรัฐ ปีที่ 57 ฉบับที่ 17711 วันพุธ ที่ 19 กรกฎาคม 2549 ว่า "สธ.ตั้งเป้าปี 2551 ไอคิวเด็กไทยเทียบเท่าประเทศพัฒนา" แล้วเผลอหัวเราะออกมาดัง ๆ รู้สึกว่า เอ..น่าจะลองถกเรื่องนี้ดูซักหน่อย 

สิ่งที่อยู่ในใจผมคือ ไอคิวเฉลี่ยประเทศน่าจะต่ำ เพราะผู้ชายควรจะมีไอคิวที่ต่ำมาก (ประเมินจากจำนวนผู้เรียนระดับปริญญาเป็นตัวชี้วัด) ซึ่งคงส่งผลให้ค่าเฉลี่ย IQ ระดับประเทศเกิดความแปดเปื้อนมัวหมองไปเสียเปล่า ๆ เนื่องจาก IQ ผู้ชายเป็นตัวคอยถ่วงรั้งดึงไว้

ผมลองใช้กูเกิลค้นสถิติจำนวนนักศึกษา ก็พอพบบ้าง [1,2] ได้ตัวเลขคร่าว ๆ ที่ยืนยันว่าผมไม่ได้จินตนาการเอาเองว่าผู้ชายหายสาบสูญไปจากรั้วมหาวิทยาลัยจริง ๆ

ข้อมูลอัตราส่วนของผู้จบการศึกษา ชาย:หญิง พ.ศ. 2546

มอ         1:1.8 

มช         1:1.6

เกษตร    1:1.25

รามคำแหง  1:1.38 

ตัวเลขเหล่านี้มีสมมติฐานว่าคำนำหน้าชื่อ เป็นตัวแทนของเพศได้ จริงเท็จไม่กล้ายืนยัน เพราะเดี๋ยวนี้ชักเริ่มชินที่จะได้ยินนักศึกษาชายคุยกันกระหนุงกระหนิง ตัวเองยังงั้น เธอยังโง้น ชั้นยังงี้! ซึ่งถ้ามีการปรับแก้ความคลาดเคลื่อนประเด็นนี้ด้วย อัตราส่วนตัวเลขจะยิ่งทิ้งขาด

แบบนี้ก็ต้องเรียกว่าวิกฤติประชากร(กลุ่มน้อย)ศาสตร์ได้เหมือนกัน ผมลองตั้งสมมติฐานหลาย ๆ แบบ โดยไม่คิดจะขอทุนวิจัยมาพิสูจน์ 

model 1. ผู้ชายมีน้อยลงมั้ง

model 2. ผู้ชายโง่ลงจริงด้วยแฮะ

model 3. ผู้ชายถูกกีดกันทางเพศโดยโครงสร้างระบบการศึกษา...หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ "ถูกระบบการศึกษาถีบออกมา"

model 4. ผู้ชายไม่รักดีเอาซะเลย

model 5. สายอาชีพดึงดูดใจผู้ชายมากกว่า 

ขอลองขยายความดูกันเล่น ๆ... 

model 1 นี่ตัดไปได้เลย ผมเคยผ่านตาตัวเลขข้อมูลของสนง.สถิติแห่งชาติมาแล้ว อัตราส่วนประชากรยังนิ่งที่ 1:1 และตัวเลขที่พบในรั้วมหาวิทยาลัยนี่ถือว่าอัตราส่วนต่างจากโครงสร้างประชากรอย่างมีนัยสำคัญอย่างยิ่งยวด 

ลองดูตัวเลขของ มอ ก็ได้ สมมติว่าจะมีคนแย้งว่า พยาบาลเป็นคณะที่ควรยกเว้นไม่นับรวม ต่อให้ลองปรับแก้กรณีดังกล่าวแล้ว อัตราส่วนก็ยังอยู่แถว ๆ 1:1.6 เป็นจำนวนบัณฑิตชาย 1654 คน หญิง 2706 คน (ไม่นับพยาบาล) ซึ่งโอกาสที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติโดยไม่มีเหตุปัจจัย ความบังเอิญที่จะทำให้สัดส่วนเอียงกะเท่เร่ขนาดนี้ ยังน้อยกว่า 1 ในล้านล้านล้านล้านเสียอีก ตัดทิ้งคำว่าบังเอิญไปได้เลย

model 2 นี่ไม่รู้จะพิสูจน์ไง แต่ถ้าเป็นเพราะข้อนี้ละก็ สธ.หนาวแน่ ! ต่อให้เข็นมาตรการอะไรเจ๋งสุดยอด ก็รอไปข้างหน้าอีกนาน กว่าจะเห็นผล กว่าเด็กเพิ่งเกิดโตให้วัดไอคิวได้ถนัด ๆ นี่ คงต้องรอกันนานแหละ

model 3 ก็น่าคิด เดี๋ยวนี้ทั่วโลกชอบใช้ระบบให้นักเรียนอยู่ตรงกลางแล้วผู้สอนมุงรอบ ๆ (เอ้อ..ผมไม่ได้พาดพิงถึง student center นะครับ ... 555) ซึ่งเน้นงานกลุ่ม งานมอบหมาย ซึ่งเด็กชายมักจะทำได้ห่วย เมื่อเทียบกับเด็กหญิง (มองในแง่นี้ ผู้ชายไม่ค่อยรักดีจริง ๆ ด้วยแหละตัวเอง) คะแนนก็เลยต่ำ เรียนสู้เด็กหญิงไม่ได้ (ที่ว่ามานี่เดาทั้งเพ อย่าเชื่อตามผมนะครับ) รึไม่ก็คือ ตำราเรียนเน้นสัดส่วนสมองซีกซ้าย-ขวา เปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้ามจากที่เคยเป็นเมื่อก่อน ที่ผมคิดอย่างนี้เพราะเห็นบทเรียนคณิตศาสตร์เดี๋ยวนี้ มีการท่องจำกันได้ด้วย ซึ่ง abstract algebra อย่างเช่นคุณสมบัติการสลับที่เงียะ ก็คงดีสำหรับการพิสูจน์การยุบตัว 26 มิติเหลือ 10 มิติใน String Theory ของ Quantum Physics อยู่แหละ แต่ถ้าระดับแค่แก้สมการ'พื้น ๆ' อย่าง Black-Scholes model ที่'งั้น ๆ' กว่า ก็คงมองได้ว่า 'เกินจำเป็น !' 

model 4 ก็คงยังตัดทิ้งไม่ได้ซะทีเดียว เพราะดูหนัง ดูละคร ก็มักได้ยินแต่ประโยคประมาณนี้บ่อย '...ไอ้ผู้ชายไม่รักดี !'  [3] ซึ่งมักจะผูกโยงกับ model ที่ 2 อย่างไม่สามารถจะแยกขาดจากกันได้ (ดูจากเวลาที่ตัวอิจฉากรี๊ดใส่ผู้ชายว่า  '..แก๊..ไอ้ผู้ชายหน้าโง่..ทำไมมองข้ามชั้นไปได้ ฮึ ?')

หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ยืนยันประเด็นนี้คือการที่มีผู้เขียนหนังสือชื่อ "ผู้ชายเลวกว่าหมา" ออกมาขายนี่แหละ (ฮึ่ม รายการนี้ขอไม่อ้างอิงในเอกสารอ้างอิง !) 

ถ้าเป็นตาม model นี้ และแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป ...ผู้ชาย..คงได้เข้าไปแทรกเพิ่มต่อท้ายในรายการที่ 16 แนบท้ายรายนามสัตว์ป่าสงวนตาม พรบ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535

'...ห้ามล่า หรือห้ามมีไว้ในครอบครอง ถือเป็นความผิด เว้นแต่ทำเพื่อ การศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการ หรือเพื่อกิจการสวนสาธารณะ ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมป่าไม้'

...สาแก่ใจเลยแหละ...

model 5 รึ ก็น่าคิด เดี๋ยวนี้เด็กอาชีวะประกวดนวัตกรรมแล้วชนะเลิศระดับโลกเป็นว่าเล่น คิดหรือว่าบังเอิญ ?

แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด เราสามารถกล่าวได้เต็มปากว่า ผู้ชาย..กลายเป็นมนุษย์ล่องหนในสถาบันการศึกษาไทยไปเรียบร้อยแล้ว

ผู้ชาย หายไปไหน ?

อา...หรือว่า..ที่แท้แล้ว ผู้ชายที่หายไปนี่คือรูปแบบหนึ่งของสสารมืด (dark matter) ที่นักฟิสิกส์เชื่อว่าดำรงอยู่ แต่ล่องหนไปจากการรับรู้  ?

อือม์ ... ผมจะยูเรก้าดีมั้ยนี่ ?

อ้างอิง

1. http://www.tsu.ac.th/AboutTsu/statistic.html

2. http://www.mua.go.th/infodata/47/46grad24.xls

3. รายการละครหลังข่าวของทีวีช่อง 3, 5. 7, 9, ITV, หน้ากลาง

    หนังสือพิมพ์หัวสี (ไม่แน่ใจว่าช่อง 11 มีมั้ย แต่ไม่เคยดู

    ไม่กล้าใส่อ้างอิง)

   

หมายเลขบันทึก: 39664เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2006 17:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 00:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ข้อมูลน่าสนใจมากครับ

Model ที่นำมาวิเคราะห์ก็น่าคิด ผมคิดว่า น่าจะมีส่วน ถ้ามองจากบางโมเดล 

....??? 

น่าคิดจริง ๆครับ ตอนนี้ไม่ว่าจะไปไหน พบจำนวนของผู้ชายน้อยลง ตั้งแต่รถโดยสาร จนถึงสถานที่อื่นๆ

เอ้อ...จำนวนผู้ชายทั้งประเทศยังอยู่ปรกติครับ มีพอ ๆ กับผู้หญิง เมื่ออิงตามสำมะโนประชากรเมื่อหลายปีก่อนของ สนง.สถิติแห่งชาติ

ถ้าไม่ค่อยเห็นผู้ชาย อาจเป็นไปได้ว่า เราไปอยู่ใกล้ หรือในโซนที่ประกาศแนบท้ายกฏกระทรวงที่ออกตาม พรบ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535

"..."

พูดเล่นนะครับ อย่าซีเรียส 555

คงเป็นเรื่องบังเอิญซะมากกว่า

โห อาจารย์ สุดยอดเลย หนูว่า model ที่ 5 ก็น่าจะเป็นไปได้นะ แต่ไม่รู้ว่าที่ไปเรียนสายอาชีพเพราะคิดว่าตัวเองเรียนสายสามาญไม่ไหวรึป่าว เพราะเคยได้ยินว่าหลายคนเป็นอย่างนี้ ถ้าใช่ละก็...model ที่ 2 อาจจะถูกก็ได้นะ แต่จะมีมากมีน้อยก็ช่างเถอะ ขอให้ที่มีอยู่เนี่ย มีคุณภาพบ้างก็ยังดี
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท