การนำเสนอผลงานด้วยการถอดองค์ความรู้ เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ดิฉันใช้ในการสรุปผลการปฏิบัติงาน "โครงการครอบครัวสัมพันธ์ สานฝันผู้ติดเชื้อและผู้ด้อยโอกาสในชุมชน" ซึ่ง ทาง สทอ. สำนักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้ด้อยโอกาส ได้สนับสนุนงบประมาณการดำเนินงาน สำหรับพื้นที่ตำบลโคกเพชร จนถึงสิ้นสุดกิจกรรมด้วยการสรุปบทเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับประเทศ ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยภาพรวม การเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของสมาชิกองค์กร ด้านความมั่นคงในชีวิต ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิทธิทางสังคม/การคุ้มครองสิทธิ ด้านการศึกษา ได้ครบทุกด้าน
ในวันที่ 4 ส.ค.53 ที่ห้องประชุม อบต.โคกเพชร ผู้ประสานงานองค์กรและสมาชิกองค์กรได้ให้เกียรติต้อนรับ คณะเจ้าหน้าที่ จาก สทอ. นำทีมโดย คุณอาจารี แสงชันและคณะ ในการมาถอดองค์ความรู้ในพื้นที่ครั้งนี้ ได้ลงไปเยี่ยมครัวเรือนสมาชิกองค์กรของเราด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการดีที่มีน้ำใจต่อกัน ทุกๆคนรู้สึกว่าได้รับความใส่ใจจากสังคมรอบข้าง อบอุ่น ไม่ถูกทอดทิ้ง หลายๆครั้งที่เขาไม่รู้จะคิดถึงใครก็คิดถึง พวกเรานี่แหละ ชาวองค์กรใจสู้ฯ
ก่อน คณะ เจ้าหน้าที่ สทอ.จะมาในฐานะผู้ประสานก็ได้ลงไปเยี่ยมเพื่อนสมาชิกองค์กร โดยมีไข่ ไปฝากครัวเรือนละ 1 ถาด แล้วก็ ขนมไปฝากเด็กๆด้วย (ของติดไม้ติดมือ แต่เพื่อสุขภาพและทุกคนในครอบครัว) ทุกคนยิ้มกันถ้วนหน้า มีแรงใจในการสู้ต่ออีกเยอะ ว่างั้น........
2 ก.ย.53 ได้มีโอกาสไปโชว์ตัวและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในฐานะผู้ที่ถอดองค์ความรู้การดูแลและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ที่ห้องประชุม สท. ได้พบกับ คณะต่างๆที่มาจากหลายจังหวัด (เพราะคัดเลือกมาภาคละ 2 จังหวัด ) รวม 8 แห่ง นายก อบต.ที่มาในวันนั้นเก่งมากๆ ดิฉันรู้สึกชื่นชมในวิสัยทัศน์และวิธีการที่แต่ละท่านทำ ถ้านายกทุกแห่งทำได้ ใจดี มีน้ำใจ มีความรับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เช่นท่านเหล่านั้น คงดีมาก
การเดินทางไปครั้งนี้ ได้พบกับ ผู้อำนวยการ สทอ. คุณแจ่มจันทร์ เกียรติกุล ด้วย ท่านเก่งมากค่ะ นอกจากจะเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกดีมากๆคนหนึ่งแล้ว น้ำเสียง และวิธีการดำเนินการของท่านสร้างความประทับใจให้กับดิฉันและคณะ จาก ตำบลโคกเพชร มาก คงได้มีโอกาสนำวิธีการของท่านมาปรับใช้ในงานหลายอย่างเลยค่ะ
ถามว่า การถอดองค์ความรู้ครั้งนี้ได้อะไร ดิฉันว่า ประเด็นแรก น่าจะเป็นตัวแบบในการทำงานด้านการดูแลและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ ที่เกี่ยวกับวิธีคิด ค่ะ หรือขอใช้คำว่า โมเดลทางความคิด สำหรับพื้นที่นี้เป็นแบบนี้ หลายๆแห่งอาจจะคล้ายหรือแตกต่างกัน แต่ สามารถนำวิธีคิดไปปรับใช้ได้ ประเด็นที่สอง เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือการถ่ายเทความคิด การถ่ายเทความคิด ถือว่าเป็นสิ่งดีมาก เพราะทำให้ทุกฝ่ายได้เรียนรู้วิธีการใหม่ที่จะนำมาจัดการในพื้นที่ของตนเอง ในเรื่องต่างๆก็แล้วแต่กรณีไป ประเด็นสุดท้าย นวัตกรรมทางความคิด หรือนวัตกรรมทางปัญญา ที่สามารถนำไปแก้ไขปัญทางสังคม ของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ที่นับวันทวีความสลับซับซ้อนของปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ
ดิฉันของสรุปไว้เท่านี้ก่อน หากมีท่านใดที่มีแนวคิด เพิ่มเติมก็สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ เพราะถือว่า ได้ทำหน้าที่ในการถอดองค์ความรู้เรื่องนี้ จากกระบวนงานที่ทำและได้มีโอกาสคลุกคลีมาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตาม ดิฉันเชื่อว่าไม่มีความรู้ใดที่เป็นที่สุด ตราบใดที่โลกยังคงหมุนอยู่ ค่ะ
ไม่มีความเห็น