ความจนกับความหมาย


ความจนกับความหมาย

ความจนกับความหมาย

ภาพข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์รูปสมาชิกสมัชชาคนจนยิงธนูส่งสารเข้าทำเนียบรัฐบาล เป็นภาพที่สะเทือนใจมากอย่างยิ่งในสายตาของผม

ในยุคสมัยที่นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าของบริษัทมือถือ ในสมัยที่มีกระทรวงไอซีที ในโลกที่ถูกเรียกว่ายุคข่าวสารข้อมูล แค่จะร้องเรียนความเดือดร้อนแก่ผู้ปกครอง ชาวบ้านก็ไม่สามารถส่งสารด้วยวิธีใดให้ทะลุไปถึงได้ นอกจากวิธีโบราณสมัยหิน คือเอาสารผูกลูกธนูยิงเข้าไป

ด้วยความหวังว่า ยามคงจะเก็บเสนอขึ้นไปถึงนายที่รับผิดชอบเรื่องนี้บ้าง

ผมอดนึกถึงพ่อขุนรามคำแหงไม่ได้ จารึกในนามของท่านบอกว่าโปรดให้เอากระดิ่งผูกไว้หน้าประตู เผื่อใครเดือดร้อนจะได้สั่นกระดิ่งเชิญท่านมาไต่สวนทวนความแก้ปัญหาให้ได้ ผมอ่านจารึกนี้ด้วยความเชื่อตลอดมาว่า โฆษณาชวนเชื่อแหงๆ เพราะในทางปฏิบัติกระดิ่งลูกเดียวแก้ปัญหาไม่ได้แน่

แต่ได้เห็นชาวบ้านยิงธนูเข้าทำเนียบแล้วจึงเข้าใจ จะมีคนสั่นกระดิ่งจริงสักกี่คนไม่สู้สำคัญนัก แต่กระดิ่งเป็นสัญลักษณ์หรือความหมายที่พ่อขุนราม (ตามจารึก) ให้ไว้แก่การปกครองของพระองค์ นั่นคือเป็นการปกครองเปิด เจ้าเมืองมีไว้ให้ใครๆ ก็เข้าถึงได้

ไม่มีใครสั่นกระดิ่งเลยก็ไม่เป็นไร แต่กระดิ่งทำให้อุ่นใจว่าถึงที่สุดแล้ว เรายังมีหูของผู้ปกครองที่พร้อมจะฟังเรา ในขณะที่การยิงธนูคือความอับจนสิ้นหนทางของคนไร้อำนาจ

ผมอยากเดาว่าสมัชชาคนจนก็รู้ความหมายนี้เหมือนกัน และที่ทำก็เพื่อสื่อความหมายอันนี้แหละแก่สังคม ส่วนสื่อแล้วจะได้ผลหรือไม่เป็นคนละเรื่อง

ทำไมคนจนคนไร้อำนาจจึงต้องใช้สัญลักษณ์ในการสื่อความหมาย ?
คําตอบง่ายที่สุดก็คือ เพราะคนมีอำนาจ (ซึ่งไม่ได้หมายถึงรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงชนชั้นที่มีอำนาจทั้งหมดด้วย) ยึดกุมความหมายของการกระทำ, ของพื้นที่, ของการสื่อสารสาธารณะไว้หมด เช่น

ถ้าทำหนังสือร้องเรียนไปตามลำดับขั้น ความหมายก็คือ เมื่อผูใหญ่ระดับสูงสุดตัดสินใจอย่างไรแล้ว นั่นก็คือต้องยอมรับโดยดุษณี เพราะการทำหนังสือมีความหมายมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า วิจารณญาณของผู้ใหญ่ถือเป็นที่สุด แม้คำตัดสินนั้นไม่ประกอบด้วยเหตุผลข้อมูล แต่ลำเอียงและไม่เป็นธรรม ผู้ทำหนังสือก็ไม่มีสิทธิ์จะไปชี้แจงแย้งความแต่อย่างไร

เขาให้ความหมายของสิ่งต่างๆ ไว้ก็เพื่อให้คนยอมรับอำนาจของเขา เหตุดังนั้นจึงไม่เหลือช่องว่างในการสื่อสารสาธารณะตามปรกติ สำหรับคนไร้อำนาจใช้เพื่อต่อรองอย่างเสมอหน้ากับคนอื่นได้ คนจนคนไร้อำนาจจึงต้องสร้างความหมายใหม่ขึ้นด้วยสัญลักษณ์ โดยอาศัยเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกให้ความหมายเอาไว้ เช่นยิงธนูก็เพื่อบอกว่า

ผู้ปกครองไม่ฟังคนจน

หรือเช่นถนน พื้นที่ถนนนี่น่าสนใจนะครับ ผมได้ข่าวว่า ส.ส. กำลังจะผลักดันกฎหมายเอาผิดคนชุมนุมบนพื้นถนนให้แรง ถือว่าบ่อนทำลายความสงบสุขของสังคมอย่างร้าย (โดยเฉพาะถนนที่รถติดวินาศสันตะโรของกรุงเทพฯ) ฉะนั้น ผมจึงอยากคุยถึงพื้นที่ถนนที่คนจนคนไร้อำนาจมักใช้สำหรับสื่อสารกับสาธารณะสักหน่อย

ถนนเป็นพื้นที่ซึ่งแทบไร้ความหมายในสังคมไทยปัจจุบันเลยนะครับ มีไว้สำหรับให้เกิดการสัญจรได้สะดวก โดยแบ่งลำดับขั้นความสะดวกไว้ให้แก่คนมีเงินก่อน แล้วก็ทอนความสะดวกลงมาตามระดับของทรัพย์ในกระเป๋า คือรถยนต์ส่วนบุคคลไปก่อน รมเมล์ตามมา และคนเดินถนนท้ายสุด ถึงอย่างไรทุกคนก็ได้ไปในที่สุด ไปโดยมีความราบเรียบในสังคมเสียด้วย เพราะทุกคนอยู่ในที่ซึ่งควรจะอยู่

ฉะนั้น ในท่ามกลางความไร้ความหมายของถนน พื้นที่นี้ก็เริ่มมีความหมายเป็นสัญลักษณ์ของจักรกลสังคม ตราบเท่าที่ถนนยังจอแจอยู่ ก็ดูเหมือนเฟืองของจักรกลสังคมยังขับเคลื่อนหมุนไปได้ตามปรกติ (ผมควรเตือนไว้ด้วยว่า ถนนในสังคมไทยสมัยก่อนมีความหมายถึงพื้นที่ซึ่งไม่มีเจ้าของ หรือไม่เป็นของใคร เราจึงพูดถึง "หมากลางถนน" ในขณะที่ฝรั่งเรียกหมาชนิดนี้ว่า "หมาออกนอกลู่นอกทาง" และพูดถึง "เด็กข้างถนน" คือไม่มีบ้าน ถ้าถนนคือพื้นที่ซึ่งไม่มีเจ้าของ ใครจะใช้มันทำอะไรก็ย่อมได้)

ท่ามกลางความกำกวมของความหมายพื้นที่ถนนอย่างนี้แหละครับ ผมคิดว่าคนจนคนไร้อำนาจใช้ถนนเป็นสื่อสาธารณะสำหรับส่งสารของตัวแก่สังคม ประท้วงริมหรือกลางถนน หรือแม้แต่ปิดถนน ก็คือบอกว่าจักรกลของสังคมจะดำเนินไปตามปรกติอย่างราบเรียบไม่ได้ ถ้าปล่อยให้เกิดความไม่เป็นธรรมอย่างที่เขาเผชิญอยู่ผ่านไปโดยไม่แก้ไข

ในขณะเดียวกัน เขาขอใช้พื้นที่สาธารณะที่ไม่เป็นของใครเพื่อบอกเล่าความทุกข์ยากของเขาแก่สังคม พื้นที่ถนนทำให้เขาคือคนสิ้นไร้ไม้ตอก ไร้อำนาจ ไร้ความเหลียวแล เหมือนอะไรที่เป็น "กลางถนน" ในความหมายเก่า

นอกจากนี้ ถนนในความหมายเก่ายังหมายถึงที่ซึ่งไร้ความเป็นส่วนตัวอย่างสิ้นเชิง ตะขอหลุดหรือซิปแตกกลางถนนเป็นเรื่องน่าอาย ฉะนั้น การที่คนจนไปกินอยู่หลับนอนอยู่กลางถนนจึงเป็นการบอกคนอื่นไปพร้อมกันว่า เขาคือคนอับจนสิ้นหนทางจนกระทั่งต้องเอาความเป็นส่วนตัวมาแฉกลางที่สาธารณะอย่างสิ้นอาย

ความเป็นคนไร้อำนาจ ไร้ทางไปอย่างสิ้นเชิงเห็นได้ชัดด้วยเพิงพักที่เปิดโล่งริมถนน ใครที่โง่พอจะจัดกำลังอันธพาลไปทำร้ายเขาจึงไร้สติปัญญาเสียจนสังคมรับไม่ได้ เพราะเป็นการรังแกคนอ่อนแอไม่มีทางสู้อย่างน่าขยะแขยง ความหมายที่คนจนคนไร้อำนาจใช้พื้นที่ถนนเป็นตัวสื่อนี้จึงมีความ "แรง" มากในวัฒนธรรมไทย

เปรียบเทียบกับในวัฒนธรรมฝรั่ง แทบไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะในถนนของฝรั่ง มีการประท้วงกันทุกวันโดยหนังสือพิมพ์แทบไม่ลงข่าวเอาเลย

แล้วสังคมไทยรับความหมายที่คนจนคนไร้อำนาจสร้างขึ้นให้แก่พื้นที่ถนนนี้ได้หรือไม่ ผมออกจะสงสัยว่ารับได้ เพราะน่าสังเกตว่า การประท้วงบนถนนซึ่งทำให้รถติด ตลอดจนการปิดถนนนั้น โดยส่วนใหญ่แล้ว แม้ผู้ใช้ถนนจะเดือดร้อน ก็ได้แต่บ่นและแสดงความรำคาญเท่านั้น ยอมรับชะตากรรมความซวยของตัวแต่โดยดี ที่ถึงขั้นก่อม็อบลงไปลุยผู้ประท้วงนั้นไม่เคยปรากฏ

ม็อบที่ยกไปลุยผู้ประท้วงในถนนนั้นมีแต่มาจากการ "จัดตั้ง" หรือ "ปลุกปั่น" ของผู้มีอำนาจทุกที เผลอๆ ก็ใช้นักเลงนำหน้าแล้วเจ้าหน้าที่ลุยตามหลังจนผู้ประท้วงหัวร้างข้างแตก

เหตุที่คนไทยทั่วไปมีขันติธรรมต่อการประท้วงบนพื้นที่ถนนนั้นก็เพราะ โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ประท้วงมักจะประท้วงด้วยเหตุของความจำเป็นตามธรรมชาติ เช่น สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแล้วหายใจไม่ออก ปิดเขื่อนปากมูลแล้วไม่มีกิน ฯลฯ เป็นต้น

ผมคิดว่ามนุษย์เราไม่ว่าจะสร้างระเบียบสังคมที่สลับซับซ้อนขึ้นมาแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งที่มนุษย์ที่ไหนๆ ก็ยอมรับให้อยู่เหนือระเบียบเหล่านั้นก็คือธรรมชาติ หิวก็ตาม ขี้จะแตกก็ตาม ลูกจะออกก็ตาม เป็นลมก็ตาม ฯลฯ ย่อมมีอำนาจละเมิดมารยาท ประเพณี กฎหมาย หรือระเบียบสังคมอื่นใดได้หมด

ตราบเท่าที่คนจนคนไร้อำนาจใช้พื้นที่ถนนในการประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิตามธรรมชาติเช่นนี้ เขาก็สามารถใช้พื้นที่ถนนสื่อสารของเขาสู่สาธารณะอย่างได้ผลอยู่ตราบนั้น

การอ้างระเบียบกฎหมายอะไรก็ไม่มีความ "แรง" เทียบเท่าได้ทั้งนั้น

ในโลกที่ความหมายถูกคนอื่นยึดจองไปหมดแล้ว คนจนคนไร้อำนาจต้องหาพื้นที่ว่างสำหรับสร้างความหมายใหม่ของตนเอง หรือแม้แต่ต้องแย่งยึดเอาพื้นที่เก่าเพื่อนิยามความหมายใหม่ของตนเองลงไปบ้าง นี้เป็นธรรมดาโลก

 

หมายเลขบันทึก: 393148เขียนเมื่อ 11 กันยายน 2010 17:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม 2012 16:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท