ตำนานนางเลือดขาวจากคำบอกเล่าในท้องถิ่นต่างๆนั้นมีหลากหลาย จึงทำให้ยากต่อการนำมาใช้อ้างอิงทางด้านประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นตำนานที่ผูกโยงหรือแต่งขึ้นเพื่ออธิบาย สถานที่ ความเชื่อและเหตุการณ์ทางสังคมในบริบทของท้องถิ่นนั้นๆอย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะหาข้อเท็จจริงได้ยากจากตำนานดังกล่าว แต่ก็ใช่ว่าตำนานเหล่านี้จะไม่มีประโยชน์ในเชิงวิชาการ หากเราสามารถศึกษาถึงแก่นของตำนานก็จะเห็นคุณค่าในด้านต่างๆอย่างมาก ดังจะสรุปเป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับตำนานนางเลือดขาวที่เล่ากันในท้องถิ่นต่างๆได้ดังนี้
1. ตำนานนางเลือดขาวเป็นสัญลักษณ์ทางสังคมและวัฒนธรรม คำว่า “เลือดขาว”นั้นไม่ได้ความหมายว่า นางมีเลือดเป็นสีขาว แต่เลือดขาวนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนสตรีผู้บริสุทธิ์ มีความซื่อสัตย์ กตัญญู และเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงเป็นสัญลักษณ์ของคนดีและยังชี้ให้เห็นสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีพุทธศาสนาเป็นพื้นฐาน (ยกเว้นตำนานนางเลือดขาวจากเกาะลังกาวีที่มีข้อแตกต่างทางศาสนา) เป็นการยกย่องสตรีที่มีความซื่อสัตย์ต่อสามี ข้อหาการคบชู้ของสตรีเป็นสิ่งผิดจารีตประเพณี ผิดศีลธรรมอันดีงามและเป็นสิ่งที่สังคมรังเกียจอย่างรุนแรง ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างสอดคล้องกันในตำนานนางเลือดขาวทุกท้องถิ่น ดังตัวอย่างที่ปรากฏในตำนานนางเลือดขาวของพงศาวดารเมืองพัทลุง ซึ่งหลังจากที่พระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงโปรดให้พระยาพิษณุโลกกับนางทองจันทร์ พร้อมนางสนมออกมารับนางเลือดขาวที่เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเชิญไปเป็นมเหสีแล้วนั้น เมื่อพระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงทราบว่านางมีสามี และมีครรภ์ติดมา จึงไม่ยกขึ้นเป็นมเหสีแต่ได้ทรงขอบุตรของนางเลือดขาวมาชุบเลี้ยงแทน ก็เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนของค่านิยมในสังคมที่ให้ความสำคัญแก่ศีลธรรมและจริตธรรมตามหลังพุทธศาสนาที่ได้ห้ามมิให้ผิดลูกผิดเมียผู้อื่นย่างป็นตัวอย่างที่เหฌนได้ชัดเจนของค่านิยมในสังคม
2. ตำนานนางเลือดในแต่ละท้องถิ่นส่วนใหญ่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ตำนานนางเลือดขาวในแต่ละท้องถิ่นนี้แม้ว่าจะเป็นเรื่องของนางเลือดขาวก็จริงแต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เช่น ตำนานนางเลือดขาวจังหวัดภูเก็ตไม่เหมือนหรือเกี่ยวข้องกับตำนานนางเลือดขาวในอำเภอเชียงใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช และไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำนานนางเลือดขาวจังหวัดพัทลุง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามมีตำนานนางเลือดขาวบางจัดหวัดที่มีลักษณะตำนานบางส่วนคล้ายกัน เช่น ตำนานนางเลือดขาวที่จังหวัดตรังมีบางส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานนางเลือดขาวจังหวัดพัทลุง หรือตำนานนางเลือดขาวจังหวัดชุมพร บางส่วนจะเกี่ยวข้องกับตำนานนางเลือดขาวจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดพัทลุง โดยตำนานนางเลือดขาวที่เมืองตรังนั้นจะกล่าวถึงการที่พระยากุมารกับนางเลือดขาวได้สร้างวัดพระพุทธสิหิงค์ และยังได้จำลองรูปพระพุทธสิหิงค์ไว้ที่วัด 1 องค์ ก่อนเดินทางกลับเจ้าพระยากุมารกับนางเลือดขาวยังได้สร้างพระนอนไว้ที่วัดถ้ำพระพุทธ ตำบลหนองบัว อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง 1 องค์ ก่อนที่จะเดินทางกลับบางแก้ว เมืองพัทลุงภายหลังจากการเดินทางกลับจากเกาะลังกา
เหตุที่เป็นเช่นนี้พอจะสันนิษฐานได้ว่า เป็นเพราะการแพรกระจายของตำนานในดินแดนที่อยู่ใกล้เคียงกันและมีความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง การปกครอง และสังคมวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน จึงมีการถ่ายเทเรื่องราวจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งพร้อมกับนำเอาบริบทด้านต่างๆในท้องถิ่นนั้นเข้ามาผสมผสาน จึงทำให้ตำนานนั้นมีความแตกต่างและเหมือนกันในบางส่วน
3. ตำนานนางเลือดขาวเป็นตำนานที่ยกย่องสตรีและผู้นำที่เลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนา ตำนานนางเลือดขาวชี้ให้เห็นบทบาทของสตรีในฐานะผู้นำทางด้านการเมือง การปกครองและการศาสนา โดยเฉพาะบทบาททางพุทธศาสนามีลักษณะเด่นมาก ซึ่งในอดีตมีการยอย่องสตรีให้เป็นผู้นำและเป็นที่ยอมรับของสังคมได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาและจรรโลงพระพุทธศาสนา เช่น พระนางจามเทวีแห่งหริภุญชัย (ลำพูน) พระนางเหมชาลา – ทนกุมารแห่งนครศรีธรรมราช เป็นต้น นางเลือดขาวหรือเจ้าแม่อยู่หัวเลือดขาวก็เช่นเดียวกันเป็นบุคคลที่เลื่อมใสและช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนา โดยการสร้างวัด สร้างพระพุทธรูป และเจดียสถานไว้หลายแหล่ง จนเป็นที่ยอมรับของสังคมและได้รับการยกย่องเป็นวีรสตรีทางธรรมหรือทางพุทธศาสนา
อันจะเห็นได้จากที่เมื่อนางเลือดขาวเดินทางกลับมายังเมืองพัทลุง โดยขบวนเรือแล่นเข้าทางแม่น้ำปากพนัง หลังจากการเข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสุโขทัยแล้วนั้น นางเลือดขาวได้พำนักอยู่บริเวณบ้านค็องหลายวัน ซึ่งในระหว่างนั้นนางเลือดขาวก็ได้สร้างวัดคลองค็องขึ้น เรียกชื่อว่า “วัดแม่อยู่หัวเลือดขาว”(ตำบลแม่อยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช) แล้วเดินทางต่อไปจนถึงเมืองพัทลุง โดยหลังจากที่นางเลือดขาวกลับมาจากกรุงสุโขทัยแล้วนั้นคนทั่วไปมักเรียกนางว่า “เจ้าแม่อยู่หัวเลือดขาว” หรือบางครั้งเรียกว่า นางพระยาเลือดขาว หรือ พระนางเลือดขาว ด้วยเข้าใจผิดว่านางเป็นพระมเหสีของพระเจ้าแผ่นดิน
4. ตำนานนางเลือดขาวที่เป็นตำนานอธิบายนามสถาน ตำนานนางเลือดขาวในแต่ละท้องถิ่น ส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาส่วนหนึ่งอธิบายที่มาของชื่อบ้านนามเมือง สถานที่ทางศาสนาและสถานที่ทางธรรมชาติ โดยการเชื่อมโยงสถานที่เหล่านั้นให้เป็นส่วนหนึ่งของตำนานเพื่อสร้างความสำคัญ ความน่าเลื่อมใสศรัทธาและความเก่าแก่ของสถานที่นั้นๆให้ชุมชนได้มีความสำนึกในความเป็นเจ้าของร่วมกัน จึงทำให้ชื่อเสียงของตำนานกระจายไปตามท้องถิ่นต่างๆมากมาย ดังจะเห็นได้จากชื่อสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับตำนานนางเลือดขาว เช่น เมืองพระเกิด เมืองพัทลุง เมืองนครศรีธรรมราช วัดพระงาม วัดท้าวโคตร บ้านนาปะขอ บ้านพระเกิด ท่าศพ เป็นต้น
โดยจากการเดินทางไปลังกากับคณะทูตเมืองนครศรีธรรมราชของพระยากุมารกับนางเลือดขาวนั้นได้ทำการสร้างวัด โบสถ์ เจดีย์ พระพุทธรูป และพระบรมสารีริกธาตุไว้ตามสถานที่ต่างๆที่เดินทางผ่านไปมากมาย เช่น ได้ทำการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่วัดเขียนบางแก้ว สร้างวัดพระพุทธสิหิงค์ วัดพระงาม วัดถ้ำพระพุทธที่เมืองตรัง สร้างวัดแม่อยู่หัวที่อำเภอเชียรใหญ่ นครศรีธรรมราช สร้างวัดเจ้าแม่ (ชะแม) วัดเจดีย์งาม วัดท่าคุระ ปัจจุบันคือ วัดเจ้าแม่ อยู่ตำบลคลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
5. ตำนานนางเลือดขาวเป็นตำนานที่ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ของเมืองศูนย์กลางอำนาจกับเมืองบริวาร ในตำนานนางเลือดขาวชี้ให้เห็นเมืองศูนย์กลางอำนาจ 2 แห่ง คือ เมืองนครศรีธรรมราชและเมืองราชธานี ได้แก่ กรุงสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา เมืองทั้ง 2 แห่งจะมีอำนาจเหนือเมืองบริวาร คือ เมืองพัทลุง หรือชุมชนที่เป็นถิ่นเดิมของนางเลือดขาว เมืองหลวงหรือเมืองศูนย์กลางอำนาจจึงสามารถสั่งการเมืองบริวารได้ทุกเรื่อง รวมถึงการสั่งให้นำนางเลือดขาวไปเป็นนางสนมหรือพระมเหสี จนได้รับการยกย่องจากผู้คนในท้องถิ่นเป็น เจ้าแม่อยู่หัวเลือดขาวหรือพระนางเลือดขาว เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นนางสนมหรือพระมเหสีของกษัตริย์หรือเจ้าผู้ครองนคร และประเด็นสำคัญอีกประการ คือ เมืองพัทลุงเป็นแหล่งจับช้างป่าส่งส่วยให้เมืองสทิงพารารณสีและกรุงศรีอยุธยา
อันจะเห็นจากการที่ตำนานกล่าวถึง ตาสามโมกับยายเพชร สองสามีภรรยา ผู้ที่ชุบเลี้ยงนางเลือดขาวกับกุมาร ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านพระเกิด ตำบลฝาละมี อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุงตา โดยตาสามโมนั้นมีอาชีพเป็นหมอสดำหรือหมอช้างขวา เป็นผู้มีหน้าที่จับช้างป่ามาฝึกหัดสำหรับส่งไปให้เจ้าพระยากรุงทองเจ้าเมืองสทิงพาราณสี ปีละ 1 เชือก โดยเรียกสถานที่นั้นว่า ที่คช หรือ ที่ส่วยช้าง มีอาณาเขตถึงบ้านท่ามะเดื่อ ตำบลท่ามะเดื่อ อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ซึ่งภายหลังจากที่ตายายทั้งสองถึงแก่กรรมแล้วนั้นกุมารกับนางเลือดขาวก็ได้รับมรดกเป็นนายกองช้าง เลี้ยงช้างส่งให้พระยากรุงทองต่อจากตาสามโม
6. ตำนานนางเลือดขาวเป็นตำนานที่ชี้ให้เห็นอิทธิพลของพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในภาคใต้ เรื่องราวของนางเลือดขาวส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา (ยกเว้นตำนานนางเลือดขาวที่เกาะลังกาวีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม) ในฐานะผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาและช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาที่กล่าวถึงจะเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาจากเกาะลังกา เห็นได้จากตำนานนางเลือดขาวหลายท้องถิ่นกล่าวถึงนางเลือดขาวเดินทางไปเกาะลังกา เพื่อนมัสการและนำพระบรมสารีริกธาตุมายังภาคใต้ สร้างวัดและเจดีย์พระมหาธาตุ นำพระพุทธสิหิงค์และสร้างพระพุทธรูปไว้ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลทางพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ที่ได้เผยแพร่มายังภาคใต้ของไทยได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของตำนานนั้นได้กล่าวไว้ว่า เจ้าพระยาศรีธรรมโศกราช เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชจะส่งทูตไปสืบค้นหาพระบรมสารีธาตุที่เกาะลังกา เมื่อเจ้าพระยากุมารกับนางเลือดขาวได้ทราบข่าวก็ได้คิดที่จะเดินทางติดตามไปกับทูตจากเมืองนครศรีธรรมราชด้วย โดยคณะทูตได้ขี่ช้างไปทางห้วยยอดเมืองตรังแล้วลงเรือที่แม่น้ำยังท่าเรือกันตัง เจ้าพระยากุมารกับนางเลือดขาวจึงขี่ช้างจากบางแก้วไปยังสถานที่แห่งหนึ่งพบเมืองร้องอยู่ จึงเรียกที่นั้นว่า “บ้านทะหมีร่ำ”(ทะ คือ พบ ,ร่ำ คือร้อง) คือ บ้านท่ามิหรำ อำเภอพัทลุงในปัจจุบัน เมื่อถึงเมืองตรังเจ้าพระยากุมารกับนางเลือดขาวได้สร้างวัดขึ้นวัดหนึ่ง ชื่อว่า”วัดพระงาม” แล้วไปลงเรือทูตเมืองนครศรีธรรมราชที่ท่าเรือกันตัง แล่นเรือไปยังเกาะลังกา ซึ่งหลังจากที่ทั้งสองได้เดินทางกลับมาก็ได้รับเอาอิทธิพลของพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์เอามายังภาคใต้ด้วย
กล่าวโดยสรุปแล้ว ตำนานนางเลือดขาวเป็นตำนานทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่แพร่กระจายอยู่ในบริเวณท้องที่จังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา และตรัง ซึ่งได้รวมเอาตำนานที่อธิบายเกี่ยวกับสถานที่เข้าปะปนเข้าไว้ด้วยกัน จึงดูเป็นเรื่องเกินความจริงยากที่จะเชื่อถือเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ได้ แต่อย่างไรก็ตามในสิ่งที่เป็นตำนานนั้นย่อมจะมีข้อเท็จจริงแอบแฝงอยู่ด้วยอย่างแน่นอน โดยตำนานนางเลือดขาวนั้นนอกจากจะเป็นเรื่องราวที่มีอิทธิพลต่อการสร้างประวัติศาสตร์และโบราณคดีของเมืองพัทลุงแล้ว ก็ยังมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อของชาวใต้และชาวพัทลุงอีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นนิทานหรือตำนานที่มีความสำคัญ และน่าสนใจอย่างยิ่งต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ประเภทตำนานในท้องถิ่นภาคใต้
แนวคิดที่เด่นชัดซึ่งได้ปรากฏอยู่ตำนานนางเลือดขาวที่เด่นชัดนี้ ก็คือ เรื่องของการยกย่องบูชาบุคคลที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และสร้างสรรค์ถาวรวัตถุเพื่อศาสนา ดังตัวอย่างชีวิตของเจ้าพระยากุมารกับนางเลือดขาวดังที่ได้กล่าวไปแล้ว
ไม่มีความเห็น