จากการดำเนินงานขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบบ้านหนองแกเชียงราย หมู่ที่ 8 ตำบลเมืองการุ้ง, บ้านน้ำพุ หมู่ที่ 1 ตำบลคอกควาย และบ้านใหม่วังหิน หมู่ที่ 4 ตำบลวังหิน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ทำให้ทราบและเข้าใจได้ว่าการที่หมู่บ้านจะเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงได้หรือไม่นั้น ปัจจัยสำคัญที่สุดคือทัศนคติในการดำรงชีวิตของประชาชนในหมู่บ้านนั้น ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องมีวิธีในการปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด ปรับทัศนคติของประชาชนให้หันกลับมาดำรงชีวิตอย่างพอเพียง มีภูมิคุ้มกัน สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันได้อย่างมีความสุข ซึ่งจากการได้ลงมือปฏิบัติขับเคลื่อนการดำเนินงานดังกล่าว สามารถสรุปขั้นตอนและวิธีการทำงานได้ดังนี้
1. ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ ด้านที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยวิธีจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยกลุ่มเป้าหมายในเวทีจะต้องหลากหลายด้วยวัยและความคิด เพื่อที่จะสามารถแลกเปลี่ยนวิถีชีวิตในอดีตและปัจจุบันให้เห็นได้อย่างชัดเจน
2. ชี้ให้เห็นถึงวิธีแก้ไขวิกฤติหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกๆด้าน โดยวิธีจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับปราชญ์ที่ปฏิบัติจริงได้ผลจริง จนทำให้มีวิถีชีวิตอย่างพอเพียงและมีความสุข
3. ขยายผลกระบวนการเรียนรู้ โดยวิธีสร้างเครือข่ายจากปราชญ์ที่ประสบความสำเร็จไปสู่ครัวเรือนที่สมัครใจ และต้องเริ่มต้นด้วยคนที่เป็นผู้นำก่อนเป็นอันดับแรกและขยายผลต่อ ๆ ไปจนครอบคลุมทุกครัวเรือน
4. ฝึกอบรม/สัมมนา/จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับคนในชุมชนและนอกชุมชนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้การดำเนินงานขับเคลื่อนเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
5. เผยแพร่/สร้างขวัญกำลังใจแก่แกนนำหรือครัวเรือนที่ประสบความสำเร็จ สามารถเป็นต้นแบบและขยายผลไปสู่ครัวเรือนอื่น ๆ ในชุมชน
ข้อแนะนำ/ข้อพึงระวัง
การดำเนินงานขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบต้องทำด้วยความตั้งใจมุ่งมั่นและต่อเนื่อง เพราะการปรับทัศนคติของประชาชนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความศรัทธาและระยะเวลาในการดำเนินงาน
ข้อเขียนโดยคุณวิกรม กิจวัฒน์ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
ขอให้สำเร็จครับ
เอาใจช่วย