KM0019 : ประสบการณ์ครั้งที่ ๔ กับ Human KM Workshop ตอนที่ ๓


สำหรับองค์กรนี้ดูเหมือนว่าค่านิยมการทำงานหนักแบบไม่ต้องถามร่างกายแทบจะถูกปลูกฝังไว้ในวัฒนธรรมองค์กร
ต่อเนื่องจากตอนที่ ๒ (http://gotoknow.org/blog/kidkom/389281) หลังจากทำ BAR เรียบร้อยก่อนไปพักทานอาหาร ผมปิดท้ายช่วงเช้าด้วยการนับสูตรคูณ กิจกรรมยอดฮิตที่ทำ KM เมื่อไหร่ก็ต้องนำมาใช้ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมบอกได้เลยว่ากิจกรรมนี้นอกจากจะได้เรื่องการฟัง การฝึกสมธิแล้ว หากจะทำแล้วได้ความสนุกด้วย สมาชิกต้องมีจำนวนประมาณ ๓๐-๔๐ คน เช่นครั้งนี้มีประมาณเกือบ ๕๐ เมื่อมีมากก็ต้องใช้สมาธิในการฟังเพิ่มเพราะใช้เวลานานกว่าจะมาถึงตัวเอง
ช่วงบ่ายเริ่มต้นด้วย "ผ่อนพักตระหนักรู้" กิจกรรมการนอนที่ได้รับความนิยมสูงสุด กิจกรรมนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมแนะนำเลยว่าถ้าเป็นไปได้สถานที่ที่จัดหากสามารถทำให้ค่อนข้างมืดได้จะดีมาก เพราะผมเคยนำไปใช้ในบางสถานที่ซึ่งไม่สามารถควบคุมแสงได้ คือค่อนข้างสว่าง แบบนี้คนเข้าร่วมกิจกรรมก็ไม่ค่อยได้พักจริงๆ เพราะเวลาหลับตาแล้วยังมีแสงภายนอกผ่านเปลือกตาเข้ามาได้ แต่ครั้งนี้จัดในโรงแรมซึ่งสามารถควบคุมแสงได้ดี เมื่อปิดไฟก็แทบจะมืดสนิท ผมเปิดเสียงที่ได้มาจาก สคส. ที่ฟังเมื่อไหร่ก็อยากจะหลับมากกว่าฟัง และก็เป็นไปตามนั้น หลายคนก็หลับไปตามความคาดหมาย เมื่อเสร็จกิจกรรมหลายคนบ่นอยากนอนอีก สำหรับผมแล้วมันสะท้อนอะไรพอสมควร ทุกคนเหมือนอ่อนหล้าจากการทำงาน สำหรับองค์กรนี้ดูเหมือนว่าค่านิยมการทำงานหนักแบบไม่ต้องถามร่างกายแทบจะถูกปลูกฝังไว้ในวัฒนธรรมองค์กร มารู้อีกทีก็คือร่างกายมันไม่ไหวแล้ว เมื่อคิดให้ดีแล้ว KM จึงน่าถูกนำมาใช้อย่างเร่งด่วน แต่ก็ต้องไปให้ถูกทาง
กิจกรรมต่อมา "รู้เขารู้เรา" สำหรับผมแล้วกิจกรรมนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทำในกลุ่มคนที่ทำงานด้วยกัน เพราะเปิดโอกาสให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะน้องๆ หรือเจ้าหน้าที่เด็กๆ ที่ปกติไม่ค่อยเอ่ยปากพูดเท่าไหร่ อาจเพราะผู้ใหญ่ไม่ค่อยเปิดโอกาส หรือบางครั้งพูดไปก็ไม่ค่อยเชื่อ เด็กจึงไม่ค่อยพูด กิจกรรมนี้เป็นการให้บอกลักษณะนิสัยตัวเอง แบบนี้ใครจะมารู้ดีไปกว่าเรา พูดแล้วคนอื่นก็ต้องรับฟัง คนฟังก็ฟังอย่างตั้งใจ แบบนี้ได้ฝึกทั้งพูดทั้งฟัง จนหลายท่านบอกว่าเพิ่งรู้ว่าน้องๆ หลายคนให้เหตุผลและพูดได้ดี ตรงนี้ค่อนข้างสำคัญ ในฐานะพี่หรือหัวหน้าเรามักคิดแล้วให้น้องทำ ไม่เปิดโอกาสให้น้อง หรือลูกน้องแสดงความเห็นเท่าไหร่ หรือถ้าออกความเห็นก็ฟังไปให้ผ่านๆ ผมเคยมีประสบการตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลายครั้งที่เกิดปัญหาเวลาทำงาน ผมมักนั่งปวดหัวเพื่อหาทางออก แล้วก็สั่งให้น้องๆ ทำตาม พักหลังผมเปลี่ยนมาใช้วิธีถามน้องๆ ว่าถ้าเกิดปัญหาแบบนี้เราจะแก้ปัญหาอย่างไรกันดี กลับพบว่าหลายคนเสนอความเห็นดีๆ และเขาจะรู้สึกภูมิใจมากที่เราทำตามที่เขาบอก
ไว้ต่อตอนต่อไปนะครับ
คำสำคัญ (Tags): #km
หมายเลขบันทึก: 389768เขียนเมื่อ 31 สิงหาคม 2010 22:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท