นี่แหละชีวิตจริง


ชีวิตที่พอเพียง

การเล่าเรื่องที่ทำให้คนฟังได้อารมณ์ในการรับฟัง  มันก็เหมือนกับเป็นเรื่องเล่าที่มีชีวิตได้ ฉันจึงอยากเรียกเรื่องเล่าของฉันว่า   เป็นเรื่องเล่ามีชีวิต ก่อนอื่นอยากขอบคุณเว็บโกทูโนที่ทำให้ฉันได้มีพื้นที่ในการแบ่งปันประสบการณ์ของตนเอง   ซึ่งอาจไม่เหมือนใคร และขอขอบคุณ คุณพี่บุญรุ่งที่ทำให้ฉันได้รู้จักเว็บนี้ วันนี้อาจจะเกริ่นนำเยอะไปหน่อย แต่มันคือความรู้สึกจริง ๆที่อยากบอก "นี่แหละชีวิตจริง" หากย้อนกลับไปเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กหญิงลูกชาวนาตัวเล็กๆคนหนึ่ง   จะมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้ มันคือความฝันของฉันตั้งแต่เยาว์วัย   ฉันอยากเป็นนางพยาบาล    ฉันอยากรับราชการ    ฉันอยากกลับมาทำงานรับใช้ผืนดินที่ฉันยืนอยู่ แล้วฉันก็ทำได้สำเร็จ มันอาจจะดูเป็นเรื่องเพ้อเจ้อสำหรับคนบางคน  ที่มานั่งย้อนคิดถึงอดีต    แต่สำหรับตัวฉันแล้วมันคือความภาคภูมิใจของฉัน   ที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการมาแล้ว   มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ชาวนาสองสามีภรรยามีลูกมากถึง 6 คน   อาศัยบนผืนแผ่นดินนาเช่า   ประกอบอาชีพทำนาเลี้ยงดูลูกและส่งลูกเรียนจนจบ   มีงานมีการทำทุกคน และพ่อ-แม่ฉันยังสามารถเจียดเงินมาซื้อที่ดินในเขตเทศบาล (ตลาด)ได้อีก 3 งาน ซึ่งราคาปัจจุบันหลายล้านบาท   ซึ่งเป็นที่ปลูกบ้านของฉันในปัจจุบัน   ฉันจะไม่มีชีวิตเช่นนี้เลยหากชีวิตฉันขาดบุพการีที่เป็นนักวางแผนชีวิตที่ดี    ฉันต้องขอขอบคุณท่านทั้งสองไว้ ณ ที่นี้ด้วย   พ่อฉันเป็นคนฉลาด (ฉันคิดเอง ) พ่อฉันจะส่งลูกเรียนให้จบขั้นต้นก่อนทุกคนเพื่อให้ลูกพอมีงานทำก่อน แล้วจึงคิดเรียนต่อจนจบปริญญาตรีเองภายหลัง   และให้พี่ๆที่เรียนจบก่อนมีส่วนช่วยน้อง ๆ ชีวิตในวัยเด็กฉันมีความสุขมาก   แม่ฉันจะหุงข้าวด้วยเตาแกลบ(บางคนอาจไม่รู้จัก) จะมีปล่องควันไว้บนหลังคาบ้าน   ใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิง ใช้ฟืนด้วยก็ได้ หม้อข้าว หม้อแกงบ้านฉันจะใบใหญ่   เพราะบ้านฉันมีสมาชิกหลายคน อาหารบ้านฉันจะอยู่แถว ๆบริเวณบ้าน   แม่ฉันจะปลูกพืชผักสวนครัวได้แก่ ข่า ตะไคร้ มะกรูด โหระพา กระชาย บวบ น้ำเต้า พริกขี้หนู ผักบุ้ง ผักกระเฉด ฯลฯ ผักบางอย่างมันก็ขึ้นเอง เช่น ใบตำลึง ใบกระทกรก ผักโขม เป็นต้น ต้นไม้ประจำบ้านฉันที่ทำให้ฉันรู้สึกอิ่มตลอดเวลาเมื่อมองเห็นก็คือ ต้นกล้วย   เพราะแม่ฉันมักจะทำกล้วยบวชชีให้กินเป็นประจำ(หม้อใหญ่ ๆ) และถ้ากล้วยสุกมาก ๆแม่ก็จะทำขนมกล้วย ให้กินกัน   ฉันไม่เคยรู้สึกว่าฉันเป็นเด็กยากจน    ฉันกลับรู้สึกว่าบ้านฉันมีฐานะรำรวย   เพราะฉันไม่เคยรู้สึกว่าฉันขาดอะไร บางครั้งแม่ฉันก็ทำขนมให้ฉันไปเดินขายในตลาด   เอาผักกระเฉดมาทำเป็นกำ ๆให้ฉันไปขาย   แล้วเมื่อมีเวลาว่างเว้นจากการทำนา    พ่อฉันก็เอาฟางข้าวมาเพาะเห็ดกินกันเอง   และให้ฉันไปเดินขายในตลาดก่อนไปเรียนหนังสือ ที่บ้านฉันเลี้ยงควายไว้หลายตัว ฉันยังจำได้   บางครั้งพ่อก็เอาควายมาเทียมกับเลื่อน(มีลักษณะคล้าย ๆเกวียนแต่เตี้ยกว่า)ใส้ต้นกล้า(พันธุ์ข้าว)เพื่อเอาไปปลูกในท้องนา   เย็น ๆ ฉันก็นำควายของฉันออกไปเลี้ยงให้กินหญ้าชายคันนา   โดยฉันจะขี่อยู่บนหลังควาย    แล้วร้องเพลงลูกทุ่งลั่นท้องนา ฉันรู้สึกมีความสุขมาก อากาศดี ลมพัดเย็นสบาย ตกค่ำก็นำควายเข้าคอก

เกี่ยวกับบล็อก

คำสำคัญ (Tags): #เรื่องเล่า
หมายเลขบันทึก: 389298เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2010 00:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:09 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เนื้อหาน่าสนใจ เพียงแต่ควรย่อหน้าใหม่บ้าง วรรคบ้างเพื่อให้คนอ่านหายใจ

ชื่นชมพ่อแม่ชาวนาที่ขยันจนลูกจบพยาบาล

พยาบาลคนนี้ ทำดีเพื่อชาติประเทศแน่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท