KM0016 : ประสบการณ์ครั้งที่ ๔ กับ Human KM Workshop ตอนที่ ๑

สองวันนี้ (๒๖-๒๗ ส.ค. ๕๓) ผมได้มีโอกาสอีกครั้ง (ตามทฤษฎีแห่งความสำเร็จข้อที่ ๒) ได้ถูกรับเชิญให้มาเป็นวิทยากรในการจัด KM ของ ๒ สำนักที่จัดร่วมกัน ครั้งนี้มีคนเข้าร่วมเกือบ ๕๐ คน ทำให้ผมต้องทำการบ้านพอสมควรในการเตรียมตัว แต่ก็ยอมรับว่าผมเข้าใจอะไรมากขึ้นเกี่ยวกับ KM ในครั้งแรกๆ ผมมีสมาธิอยู่แต่กับเรื่องของกิจกรรม เพราะกลัวว่าจะออกมาไม่ดี เมื่อชั่วโมงบินมากขึ้นทำให้มีสมาธิมากขึ้นกับกระบวนการทั้งหมด Deep Listening ถูกนำมาใช้มากขึ้น เมื่อฟังผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างมีสติ ทำให้ผมสามารถสรุปความคิดของทุกคนได้ดีขึ้น นำไปสู่การรู้ว่าจะต้องเพิ่มต้องเติมในส่วนใด

จุดประสงค์ของผู้จัดทั้ง ๒ สำนัก อยากนำ KM ไปใช้ ซึ่งจริงๆ สคส. ก็กำลังเร่งปั้น FA เพิ่มเติมให้แต่ละสำนักอยู่แล้ว แต่หลายท่านสนใจเพราะ KM เป็นประเด็นที่พูดกันมากในองค์กร มันเป็นอย่างไร ใช้แล้วจะดีขึ้นหรือไม่ จึงจัดเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเข้าร่วมกิจกรรมก่อน ความลำบากเลยตกอยู่กับผม เพราะในนี้มีทั้ง FA ที่อบรมมาด้วยกัน ที่เคยไปร่วมกิจกรรมที่ผมเป็นวิทยากรจัดโดยสำนักอื่นๆ และ FA รุ่นใหม่ที่เพิ่งอบรมกันไป แต่ก็ไม่เป็นไร เมื่อไปทำ KM ทุกคนก็ต้องช่วยเหลือกันด้วยจิตเจตนาที่ดีอยู่แล้ว ยิ่งดีด้วยซ้ำเพราะหากผมผิดพลาดไปก็มีคนคอยช่วยเหลือหลายคน

เมื่อเดินทางถึงเราก็เข้าห้องประชุมกันทันที ผมเริ่มต้นด้วยการให้แต่ละท่านเขียนชื่อเล่นลงในป้ายชื่อและแนะนำตัว เนื่องด้วยมาจากต่างสำนักกัน แม้จะอยู่องค์กรเดียวกัน ทำงานตึกเดียวกัน แต่คอมพิวเตอร์และระบบอำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร ทำให้เรารู้จักกันน้อยลง หลังแนะนำตัวหลายท่านไม่ยอมแขวนป้ายชื่อ ผมเข้าใจได้ทันที เพราะมากับสำนักตัวเอง เลยคิดว่าน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว โดยลืมไปว่ามีสำนักอื่นเข้าร่วมด้วย หรืออาจไม่ลืมแต่ไม่ให้ความสำคัญ และโดยเฉพาะผมแล้วรู้จักผู้เข้าร่วมกิจกรรมน้อยมาก เรื่องนี้จริงๆ แล้วเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเรามีฐานคิดว่าคนอื่นก็รู้อยู่แล้ว การแลกเปลี่ยนเรียนรู้คงเกิดขึ้นได้ยาก บางครั้งแค่เรื่องชื่อเชื่อหรือไม่ทำงานกันมา ๑๐ ปีแล้วยังไม่รู้ชื่อเล่นกันเลยก็มี

ครับแค่เรื่องป้ายชื่อเราก็นำมาเป็นประเด็นในการเริ่มต้น Human KM ได้

[รีไซเคิลแมน]

แวะมาเรียนรู้ด้วยนะครับ

ขอบพระคุณครับ

[JJ]

Human KM น่าจะดีกว่า Command KM ที่นายสั่งมาครับ