จวกโบนัสแม้วขาลงถลุงคลัง!


จวกโบนัสแม้วขาลงถลุงคลัง!
ปชป. อัดแม้วมาสูตรเดิมช่วงขาลง ประกาศนโยบายประชานิยมคราวก่อนโปรยยาหอมจะขึ้นเงินเดือน    มาหนนี้ให้โบนัสอีก ตามมารยาทรัฐบาลรักษาการไม่ควรทำแบบนี้ เผยไม่มีใครขัดข้องเพราะเห็นใจ ขรก.ที่ยังลำบาก แต่ควรช่วยอย่างอื่นไม่ใช่เอาเงินมาล่อ และไม่ควรให้ ขรก.ชั้นผู้ใหญ่เพราะเงินเดือนมากอยู่แล้วไม่เดือดร้อน แต่ควรช่วยชั้นผู้น้อยมากกว่า   "สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์" นักวิชาการจากธรรมศาสตร์ชี้ เป็นเรื่องไม่สมควร เพราะระบบคลังยังมีปัญหา และไม่มีตัวชี้วัดผลงานไม่เหมือนบริษัทเอกชน อาจเกิดข้อครหาตามมาว่าใครใกล้ชิดเจ้านายจะได้มาก ขณะที่ ก.พ.ร. วางหลักการแบ่งกว้าง ๆ ครึ่งหนึ่งหารเท่ากันทั้งหน่วย ส่วนอีกครึ่งให้ตามผลงานเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณถึง 7,000 ล้านบาท เพื่อให้เป็นโบนัสกับข้าราชการทั่วประเทศว่า ตนขอไปดูก่อนว่าคืออะไร เป็นเงินใหม่หรือเงินเก่า มั่วไปหมดรัฐบาลชุดนี้ ดูอย่างเมื่อเช้ามาแถลงว่า ต่อไปนี้จะไม่อุ้มราคาน้ำมัน ตอนนี้ก็ไม่ได้อุ้มอยู่แล้ว เลิกอุ้มมาตั้งนานแล้วตนงงมากนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกสำนักเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เหมือนกับเป็นการทำประชานิยมให้กับกลุ่มข้าราชการอีกรอบ   หลังจากเคยโปรยยาหอมว่าจะปรับเงินเดือนให้ข้าราชการในปี 2550 และปี 2551 มาแล้ว   มาวันนี้ก็ประกาศจะให้โบนัสกับข้าราชการอีก ซึ่งวิธีการที่จะช่วยเหลือข้าราชการ      ไม่มีใครขัดข้อง เพราะทุกฝ่ายก็เห็นใจข้าราชการอยู่แล้ว ว่าในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ค่าครองชีพแพง เงินเดือนข้าราชการอาจจะไม่พอใช้ แต่รัฐบาลก็น่าจะหาวิธีการช่วยเหลือข้าราชการในรูปแบบอื่นมากกว่าใช้เงินเป็นสิ่งล่อใจ ยิ่งการประกาศให้โบนัสกับข้าราชการทำให้หลายคนนึกถึงสภาพของประเทศไทยในวันนี้ว่า ประเทศไทยกำลังจะตกอยู่ในระบบข้าราชการหรืออยู่ในระบบบริษัทจำกัดกันแน่ เพราะการให้โบนัสเขาทำกันเฉพาะพนักงานบริษัท ไม่ใช่ข้าราชการนายเทพไทกล่าวต่อว่า หลักเกณฑ์ในการให้โบนัสหรือให้เงินพิเศษกับข้าราชการน่าจะให้ชัดเจน เช่น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไม่ควรที่จะปรับตามอัตราเงินเดือน เพราะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ปกติก็มีเงินเดือนสูงอยู่แล้ว และยังมีเงินประจำตำแหน่ง เงินพิเศษอีกหลายทาง ก็ไม่เดือดร้อน ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะช่วยเหลือข้าราชการชั้นผู้น้อย ก็น่าจะปรับในส่วนที่เป็นของข้าราชการชั้นผู้น้อย โดยใช้อัตราการปรับของข้าราชการชั้นผู้น้อยสูงกว่าของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เมื่อถามว่าการที่รัฐบาลประกาศให้โบนัสในขณะที่ยังรักษาการอยู่ คิดว่าหวังผลอะไรหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า ทุกครั้งที่รัฐบาลนี้อยู่ในช่วงขาลงหรือว่ามีวิกฤตทางการเมือง รัฐบาลก็จะใช้ประชานิยมเหล่านี้มาเป็น     สิ่งยั่วยวนใจ จากกรณีที่ผ่านมาหลังจากมีการยุบสภา รัฐบาลก็ขึ้นเงินเดือนให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ขึ้นเงินเดือน   ให้ข้าราชการ มาตอนนี้ก็ให้โบนัสอีก ซึ่งมารยาทของรัฐบาลรักษาการไม่ควรทำอยู่แล้ว อะไรที่ได้ประโยชน์รัฐบาลรักษาการก็จะทำ ถ้าอะไรที่เป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์รัฐบาลก็จะอ้างความเป็นรัฐบาลรักษาการแล้วก็ไม่ทำ ซึ่งถือว่าเป็นการใช้สองมาตรฐานของรัฐบาลชุดนี้มาตลอด  นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ผู้บริหารของ ก.พ. ถึงกรณีที่มีการวิจารณ์เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการที่กระทรวงการคลังอนุมัติ 7,000 ล้านบาท เป็นเงินโบนัสให้กับข้าราชการ เพราะปัจจุบันเงินคงคลังก็เหลือน้อยว่า เรื่องการให้โบนัสข้าราชการขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเงินของประเทศเป็นหลัก หากสถานการณ์การเงินของประเทศมีความเหมาะสมก็ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งขณะนี้ขวัญและกำลังใจ ความปรองดองของคนในชาติเป็นเรื่องที่มีความสำคัญแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กล่าวถึงการจ่ายเงินโบนัสให้กับข้าราชการว่า เกณฑ์การจ่ายเงินรางวัลให้กับข้าราชการนั้น มาจากพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีระบุว่า หน่วยงานราชการใดมีการประเมินผลก็น่าจะมีเงินรางวัลให้ ส่วนการกำหนดวงเงินขึ้นมานั้น สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และ ก.พ.ร. จะเป็นหน่วยงานที่ออกหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปปฏิบัติ    ส่วนเงินในการจัดสรรมาจากไหนนั้น เราคิดตามยอดเงินเดือนส่วนราชการที่จะจ่ายให้ โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น ให้ 5 % จากเงิน 100 บาท  แล้วเราก็นำมาจัดทำแผนยุทธศาสตร์ คำรับรอง          ถ้าส่วนราชการนั้นทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้จึงจะได้เงิน เราก็จะจ่ายไปให้ทั้งหมด ส่วนที่ถามว่าแล้วใครจะได้รับบ้าง ก็บอกได้เลยว่าไม่ใช่ว่าจะได้ทุกคน คนที่ทำงานลงแรงมากรวมทั้งมีตัวชี้วัดมากก็จะได้มากแหล่งข่าวจาก ก.พ.ร. กล่าวว่า ในการคิดคนทุกคนมีผลกระทบกับเป้าหมายที่วางไว้ เงิน 1 ก้อนก็ไม่ได้หมายความว่าจะนำมาหารยาวหรือให้ทั้งหมด ซึ่งกรมได้หรือหน่วยงานใด ตัวอย่างเช่น ถ้าได้รับเงินรางวัล 100 บาท แต่มี 20 คน เราก็จะให้หารยาวเช่น 50-60 % หากคิดแล้วก็ได้คนละประมาณ 3 บาท ส่วนที่เหลืออีก 40 % นั้น    ให้ดูตามผลงาน คนที่ทำงานมากดัชนีชี้วัดมากโดยให้กรมหรือหน่วยงานนั้นๆไปทำเอง ไม่ได้เป็นส่วนของ ก.พ.ร.กำหนด สิ่งที่ทาง ก.พ.ร. ชี้แจงและให้หน่วยงานต่าง ๆ ทำคือ เปิดข้อมูลให้ทุกคนรู้ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งถ้าทำปัญหาตรงนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเมื่อใดคนเพียงไม่กี่คนคิดกันเองโดยไม่ให้คนอื่นที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมรู้ ปัญหา     ก็เกิดขึ้นตามมาแน่นอนเหมือนกับตอนนี้ เพราะจริง ๆ แล้วทางเราแจ้งไปเสมอว่า ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้แจ้งกลับมาที่เราด้วย แต่เราก็ไม่มีอำนาจจะไปก้าวล้วงลึกได้ เพราะเราได้มอบอำนาจให้หน่วยงานนั้น ๆ เป็นผู้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งเขาจะทำอย่างไรก็ได้ แต่จะต้องทำตามหลักเกณฑ์ที่เรากำหนดไว้นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการให้โบนัสข้าราชการว่า จริง ๆ แล้วการให้โบนัสหรือเงินรางวัลกับข้าราชการ ข้อสำคัญต้องมีวัตถุประสงค์เป็นการตอบแทนเรื่องของการทำงาน ซึ่งหากเป็นบริษัท ห้างร้าน หรือเอกชน มักจะผูกพันกับการทำงาน ผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งจะมีเกณฑ์ชัดเจนว่าให้เพื่ออะไร วัตถุประสงค์ของการให้ แต่เงินโบนัสของข้าราชการในมุมมองนักเศรษฐศาสตร์เห็นว่ามันไม่เหมาะสมกับเงื่อนของเวลา เพราะในเงินระบบการคลังก็ยังมีปัญหา มีการผันแปร ตนไม่ทราบว่า           ที่ให้เพื่อเอาใจข้าราชการหรือไม่ โดยเฉพาะในยามวิกฤตแบบนี้ และตนในฐานะที่เป็นข้าราชการเหมือนกัน           ก็อยากตั้งคำถามว่าให้เพื่ออะไร เพราะประเทศกำลังมีปัญหา มันมีความเหมาะสมแล้วใช่หรือไม่ แต่ในความเห็นส่วนตัวของตนคิดว่ายังไม่จำเป็น ส่วนที่จะมาอ้างว่าที่ให้เพราะเงินเดือนของข้าราชการน้อย ตนเห็นว่าหากจะทำควรทำมานานแล้ว ไม่ใช่มาทำแบบตามอำเภอใจมันไม่ถูกต้อง 

นายสมชายกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนเห็นว่าการให้เงินโบนัสกับข้าราชการนี้ มันค่อนข้างยากมากกว่าการให้เงินโบนัสของบริษัทเอกชน เพราะเกณฑ์การวัดไม่เด่นชัด และอาจจะเกิดข้อกังขาหรือครหาตามมาได้ รวมทั้งยังจะมีปัญหาตามมาอีกว่าชอบธรรมหรือยัง เพราะเจ้านายบางคนในหน่วยงานราชการอาจจะเกิดอคติว่า ถ้าใครใกล้ชิดเจ้านายก็จะได้มากก็ยังมีอยู่ ในระบบราชการซึ่งหากจะแก้มันยากมาก และตนเชื่อว่าแก้ไม่ได้ ส่วนเรื่องของการนำเงินมาจากไหนมาให้กับข้าราชการนั้นตนไม่ติดใจ แต่สิ่งที่ติดใจคือมันเหมาะสมหรือไม่เท่านั้นเอง

                                                                    ข่าวสด  14  ก.ค.  49

คำสำคัญ (Tags): #โบนัสข้าราชการ
หมายเลขบันทึก: 38801เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2006 12:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท