หน้าแรก
สมาชิก
ห้องสมุดกรมบัญชีก...
สมุด
สรุปข่าวประจำวันข...
รัฐบาลเร่งหาพวก ส...
ห้องสมุดกรมบัญชีกลาง CGD Library
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
รัฐบาลเร่งหาพวก สั่ง ก.พ. ร่าง พ.ร.บ.ล้างมลทินให้ ขรก.
รัฐบาลเร่งหาพวก สั่ง ก.พ. ร่าง พ.ร.บ.ล้างมลทินให้ ขรก.
“
สุวัจน์
ลิปตพัลลภ
”
ประเดิมคุมงาน ก.พ. วันแรก สั่งศึกษานโยบายของรัฐทุกมิติหวังพัฒนาระบบให้สูงขึ้น พร้อมเสนอออกกฎหมายล้างมลทินพวกกระทำผิดและที่ถูกคาดโทษ แถมชงให้ ขรก.เกษียณเป็นที่ปรึกษาใน อปท. โต้เสียงวิจารณ์ อ้างให้โบนัส
7
พันล้านเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ขณะเดียวกันกำชับไม่ต้องหวั่นไหวกับสถานการณ์ทางการเมือง
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
(ก.พ.) แถลงภายหลังเดินทางมาประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ผู้บริหารของ ก.พ. เป็นวันแรก หลังจากมีมติ
ครม. ให้กำกับดูแลแทนนายวิษณุ เครืองามที่ลาออกไปว่า ตนขอให้ทาง ก.พ. ศึกษาทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ
นโยบายสำคัญที่จะสนับสนุนให้ข้าราชการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีขวัญและกำลังใจ นำไปสู่ความสำเร็จของ
งาน โดยเน้นการฝึกอบรมข้าราชการให้มีความรู้และเข้าใจนโยบายทุกมิติของรัฐบาล สามารถเชื่อมโยงกันได้ทุกหน่วยราชการเพื่อพัฒนาระบบข้าราชการก่อนขึ้นสู่การเป็นข้าราชการระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนเป็นประธานนโยบายสาธารณะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุ ก็ได้ฝากทาง ก.พ. ไว้ด้วยว่าในสภาพเป็นจริงปัจจุบันคนอายุ
60
ปี ไม่ใช่คนแก่ แต่ยังอยู่ในวัยทำงาน
อีกทั้งยังมากด้วยประสบการณ์จึงไม่ต้องลงทุนอะไรกับคนเหล่านี้ แต่ยังได้ข้าราชการที่มีคุณภาพ
ดังนั้นจะทำอย่างไรทำให้คนเหล่านี้อยู่ในระบบที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อประเทศได้ จึงฝาก ก.พ. พิจารณาในอาชีพแพทย์ ผู้พิพากษา วิศวกร นักวิจัย หรืออาชีพที่ขาดแคลน
นายสุวัจน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ให้ ก.พ. พิจารณาว่าอาจจะให้ผู้สูงอายุเหล่านี้ได้เป็นคณะที่ปรึกษา ซึ่ง
มีความรู้ความเชี่ยวชาญในทุก ๆ ด้าน เช่น สิ่งแวดล้อม ระบบชลประทาน วิศวกรรม ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา
ชนบท โดยอาจจะให้บุคคลเหล่านี้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาของผู้บริหารท้องถิ่นในทุกจังหวัด จะได้ถือว่าการกระจาย
อำนาจสู่ท้องถิ่นซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลประสบความสำเร็จ
ตนยังได้ให้ทาง ก.พ. ดูระบบในการเสาะแสวงหาคนดีและเก่ง ไม่ว่าจะเป็นคนที่เดินทางไปเรียนด้วยทุนของพ่อแม่ หรือเป็นคนที่ผ่านระบบทุนการศึกษาของ ก.พ. เพื่อไล่ล่าหาคนที่มีความสามารถเหมาะกับงานที่ราชการต้องการเหมือนกับที่ภาคเอกชนทำ
“
ทั้งนี้ จึงคิดจะพัฒนาบุคลากรที่มาจากการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น อาทิ นายกและกรรมการของ อบต.
อบจ.
นายกเทศมนตรี และคณะกรรมการเทศบาล ซึ่งควรจะได้รับการอบรมให้เหมือนกับภาคราชการเพื่อเข้าใจวิสัยทัศน์ต่าง ๆ จะได้เป็น
ประโยชน์ต่อการทำงานให้สอดคล้อง
ดังนั้น ควรมีการพัฒนาสถาบันการฝึกอบรมผู้นำท้องถิ่นโดยจัดหลักสูตร
ให้ครอบคลุม และให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นของ ก.พ. รู้ตัวเองว่าจะต้องทำงานอะไรบ้าง เพื่อประสานงานกับทาง
ข้าราชการส่วนท้องถิ่นของกรมปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
”
รักษาการรองนายกฯ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการลงโทษข้าราชการที่กระทำผิด ถูกสอบสวนทางวินัยขณะนี้ยังมีเรื่องค้างอยู่มากจึงเร่งรัด ก.พ. ให้สะสางปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ให้จบโดยเร็ว เพื่อให้ข้าราชการที่ถูกสอบสวนซึ่งขณะนี้มีจำนวนอยู่พอสมควรนั้นมีโอกาสไปดำเนินชีวิตในระบบราชการต่อไปได้ เพราะหากยังล่าช้าจะเป็นการสูญเสีย
โอกาสของข้าราชการ
ซึ่งตนได้มอบนโยบายให้ทาง ก.พ. ไปพิจารณาความเป็นไปได้เรื่องการออก พ.ร.บ.ล้าง
มลทิน
ให้กับข้าราชการที่ถูกลงโทษทางวินัย อาทิ
ถูกภาคทัณฑ์
ลดขั้นเงินเดือน
ตัดเงินเดือน
ปลดออก
ไล่ออก
ซึ่งเคยทำ
มาแล้วในอดีตล่าสุด เมื่อปี
2539
เมื่อครั้งเฉลิมฉลองงานครองราชย์ครบ
50
ปี
อย่างไรก็ตาม เป็นเพียงการพูดคุยถึงเรื่องการลงโทษทางวินัย และเหตุการณ์ในอดีตที่เคยมีการล้างมลทินให้ข้าราชการที่ถูกลงโทษทางวินัย จึงเป็นเพียงการให้นำตัวเลขจากอดีตมาศึกษาดูเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าสั่งการให้ดำเนินการ
นายสุวัจน์ ยังให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าข้าราชการส่วนใหญ่ไม่มั่นใจในการ
ทำงาน ขณะที่สถานการณ์การเมืองที่ไม่นิ่งว่า ตนคิดว่าการเมืองก็ส่วนการเมือง
สำหรับข้าราชการประจำมีหน้าที่ทำงานอะไรก็ขอให้ทำต่อไปอย่างเต็มที่ ไม่ต้องมาลังเลหรือมีความไม่สบายใจกับเรื่องการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเรื่อง
การเมืองถึงอย่างไรก็ต้องมีข้อยุติอยู่แล้ว การเมืองเป็นกลไกที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่จะต้องได้ข้อยุติโดย
ใช้เวลาไม่นาน
รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการที่กระทรวงการคลังอนุมัติ
7,000
ล้านบาท เป็นเงินโบนัสให้กับข้าราชการ เพราะปัจจุบันเงินคงคลังก็เหลือน้อยว่า เรื่องการให้โบนัส
ข้าราชการขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเงินของประเทศเป็นหลัก หากสถานการณ์การเงินของประเทศมีความ
เหมาะสม
ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งขณะนี้ขวัญและกำลังใจ ความปรองดองของคนในชาติเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่งานของระบบราชการย่อมเกี่ยวข้องกับงานด้านการเมือง
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ก็ใช่ แต่ข้าราชการไม่ต้องมากังวลใจ งานใดที่ท่านรับผิดชอบก็ขอให้ทำไปวันนี้ใครจะเป็นผู้บังคับบัญชาก็ขอให้ทำงานกันไป หรือจะเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาในภายหน้า ระบบงานราชการที่ท่านทำอยู่ก็ขอให้ทำต่อไป ไม่เช่นนั้นงานจะช้า
ขอให้ข้าราชการทำงานไปโดยไม่ต้องสนใจการเมือง เพราะถึงอย่างไรการเมืองมันก็ต้องลงตัว จะเลือกตั้งเมื่อไรเรา
อยู่ภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญ ถึงอย่างไรก็ต้องมีวันลงตัว
ส่วน นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า นายสุวัจน์ให้ ก.พ.ศึกษาดูว่าจะสามารถออก
พ.ร.บ.ล้าง
มลทินให้กับข้าราชการที่ถูกลงโทษทางวินัยได้หรือไม่ เหมือนกับที่ ก.พ. เคยกระทำมาแล้วหลายครั้ง
ในอดีตเนื่องในโอกาสที่สำคัญ อาทิ เมื่อปี
2499, 2524, 2530
และ
2539
ในอดีตนั้นเป็นการล้างมลทินไปว่าเปรียบเสมือนไม่เคยกระทำผิด แต่ไม่ได้อนุญาตให้กลับเข้ารับราชการแต่อย่างใด แต่ถ้าบุคคลนั้นจะกลับเข้ามาสอบเข้ารับราชการก็กระทำได้ ถือเป็นการให้โอกาส ซึ่งทาง ก.พ.ก็จะมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาโดยละเอียดตามความหนักเบาของโทษ
ผู้จัดการออนไลน์ 14 ก.ค. 49
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ห้องสมุดกรมบัญชีกลาง CGD Library
ใน
สรุปข่าวประจำวันของห้องสมุดกรมบัญชีกลาง
คำสำคัญ (Tags):
#ข้าราชการ
หมายเลขบันทึก: 38799
เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2006 12:10 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:21 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ห้องสมุดกรมบัญชีก...
สมุด
สรุปข่าวประจำวันข...
รัฐบาลเร่งหาพวก ส...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท