รัฐบาลเร่งหาพวก สั่ง ก.พ. ร่าง พ.ร.บ.ล้างมลทินให้ ขรก.


รัฐบาลเร่งหาพวก สั่ง ก.พ. ร่าง พ.ร.บ.ล้างมลทินให้ ขรก.
สุวัจน์  ลิปตพัลลภประเดิมคุมงาน ก.พ. วันแรก สั่งศึกษานโยบายของรัฐทุกมิติหวังพัฒนาระบบให้สูงขึ้น พร้อมเสนอออกกฎหมายล้างมลทินพวกกระทำผิดและที่ถูกคาดโทษ แถมชงให้ ขรก.เกษียณเป็นที่ปรึกษาใน อปท. โต้เสียงวิจารณ์ อ้างให้โบนัส 7 พันล้านเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ขณะเดียวกันกำชับไม่ต้องหวั่นไหวกับสถานการณ์ทางการเมืองนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แถลงภายหลังเดินทางมาประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ผู้บริหารของ ก.พ. เป็นวันแรก หลังจากมีมติ ครม. ให้กำกับดูแลแทนนายวิษณุ เครืองามที่ลาออกไปว่า ตนขอให้ทาง ก.พ. ศึกษาทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสำคัญที่จะสนับสนุนให้ข้าราชการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีขวัญและกำลังใจ นำไปสู่ความสำเร็จของงาน โดยเน้นการฝึกอบรมข้าราชการให้มีความรู้และเข้าใจนโยบายทุกมิติของรัฐบาล สามารถเชื่อมโยงกันได้ทุกหน่วยราชการเพื่อพัฒนาระบบข้าราชการก่อนขึ้นสู่การเป็นข้าราชการระดับสูง    อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนเป็นประธานนโยบายสาธารณะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุ ก็ได้ฝากทาง ก.พ. ไว้ด้วยว่าในสภาพเป็นจริงปัจจุบันคนอายุ 60 ปี ไม่ใช่คนแก่ แต่ยังอยู่ในวัยทำงาน   อีกทั้งยังมากด้วยประสบการณ์จึงไม่ต้องลงทุนอะไรกับคนเหล่านี้ แต่ยังได้ข้าราชการที่มีคุณภาพ   ดังนั้นจะทำอย่างไรทำให้คนเหล่านี้อยู่ในระบบที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อประเทศได้ จึงฝาก ก.พ. พิจารณาในอาชีพแพทย์ ผู้พิพากษา วิศวกร นักวิจัย หรืออาชีพที่ขาดแคลนนายสุวัจน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ให้ ก.พ. พิจารณาว่าอาจจะให้ผู้สูงอายุเหล่านี้ได้เป็นคณะที่ปรึกษา ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญในทุก ๆ ด้าน เช่น สิ่งแวดล้อม ระบบชลประทาน วิศวกรรม ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชนบท โดยอาจจะให้บุคคลเหล่านี้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาของผู้บริหารท้องถิ่นในทุกจังหวัด จะได้ถือว่าการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลประสบความสำเร็จ    ตนยังได้ให้ทาง ก.พ. ดูระบบในการเสาะแสวงหาคนดีและเก่ง ไม่ว่าจะเป็นคนที่เดินทางไปเรียนด้วยทุนของพ่อแม่ หรือเป็นคนที่ผ่านระบบทุนการศึกษาของ ก.พ. เพื่อไล่ล่าหาคนที่มีความสามารถเหมาะกับงานที่ราชการต้องการเหมือนกับที่ภาคเอกชนทำ    ทั้งนี้ จึงคิดจะพัฒนาบุคลากรที่มาจากการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น อาทิ นายกและกรรมการของ อบต.  อบจ.  นายกเทศมนตรี และคณะกรรมการเทศบาล ซึ่งควรจะได้รับการอบรมให้เหมือนกับภาคราชการเพื่อเข้าใจวิสัยทัศน์ต่าง ๆ จะได้เป็นประโยชน์ต่อการทำงานให้สอดคล้อง   ดังนั้น ควรมีการพัฒนาสถาบันการฝึกอบรมผู้นำท้องถิ่นโดยจัดหลักสูตรให้ครอบคลุม และให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นของ ก.พ. รู้ตัวเองว่าจะต้องทำงานอะไรบ้าง เพื่อประสานงานกับทางข้าราชการส่วนท้องถิ่นของกรมปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยรักษาการรองนายกฯ กล่าวนายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการลงโทษข้าราชการที่กระทำผิด ถูกสอบสวนทางวินัยขณะนี้ยังมีเรื่องค้างอยู่มากจึงเร่งรัด ก.พ. ให้สะสางปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ให้จบโดยเร็ว เพื่อให้ข้าราชการที่ถูกสอบสวนซึ่งขณะนี้มีจำนวนอยู่พอสมควรนั้นมีโอกาสไปดำเนินชีวิตในระบบราชการต่อไปได้ เพราะหากยังล่าช้าจะเป็นการสูญเสียโอกาสของข้าราชการ  ซึ่งตนได้มอบนโยบายให้ทาง ก.พ. ไปพิจารณาความเป็นไปได้เรื่องการออก พ.ร.บ.ล้างมลทิน

ให้กับข้าราชการที่ถูกลงโทษทางวินัย อาทิ  ถูกภาคทัณฑ์  ลดขั้นเงินเดือน  ตัดเงินเดือน  ปลดออก  ไล่ออก  ซึ่งเคยทำ
มาแล้วในอดีตล่าสุด เมื่อปี
2539  เมื่อครั้งเฉลิมฉลองงานครองราชย์ครบ 50 ปี    อย่างไรก็ตาม เป็นเพียงการพูดคุยถึงเรื่องการลงโทษทางวินัย และเหตุการณ์ในอดีตที่เคยมีการล้างมลทินให้ข้าราชการที่ถูกลงโทษทางวินัย จึงเป็นเพียงการให้นำตัวเลขจากอดีตมาศึกษาดูเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าสั่งการให้ดำเนินการนายสุวัจน์ ยังให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าข้าราชการส่วนใหญ่ไม่มั่นใจในการทำงาน ขณะที่สถานการณ์การเมืองที่ไม่นิ่งว่า ตนคิดว่าการเมืองก็ส่วนการเมือง  สำหรับข้าราชการประจำมีหน้าที่ทำงานอะไรก็ขอให้ทำต่อไปอย่างเต็มที่ ไม่ต้องมาลังเลหรือมีความไม่สบายใจกับเรื่องการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเรื่องการเมืองถึงอย่างไรก็ต้องมีข้อยุติอยู่แล้ว การเมืองเป็นกลไกที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่จะต้องได้ข้อยุติโดยใช้เวลาไม่นานรักษาการรองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการที่กระทรวงการคลังอนุมัติ 7,000 ล้านบาท เป็นเงินโบนัสให้กับข้าราชการ เพราะปัจจุบันเงินคงคลังก็เหลือน้อยว่า เรื่องการให้โบนัสข้าราชการขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเงินของประเทศเป็นหลัก หากสถานการณ์การเงินของประเทศมีความเหมาะสม  ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งขณะนี้ขวัญและกำลังใจ ความปรองดองของคนในชาติเป็นเรื่องที่มีความสำคัญผู้สื่อข่าวถามว่า แต่งานของระบบราชการย่อมเกี่ยวข้องกับงานด้านการเมือง    นายสุวัจน์ กล่าวว่า ก็ใช่ แต่ข้าราชการไม่ต้องมากังวลใจ งานใดที่ท่านรับผิดชอบก็ขอให้ทำไปวันนี้ใครจะเป็นผู้บังคับบัญชาก็ขอให้ทำงานกันไป หรือจะเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาในภายหน้า ระบบงานราชการที่ท่านทำอยู่ก็ขอให้ทำต่อไป ไม่เช่นนั้นงานจะช้า ขอให้ข้าราชการทำงานไปโดยไม่ต้องสนใจการเมือง เพราะถึงอย่างไรการเมืองมันก็ต้องลงตัว จะเลือกตั้งเมื่อไรเราอยู่ภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญ ถึงอย่างไรก็ต้องมีวันลงตัวส่วน นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า นายสุวัจน์ให้ ก.พ.ศึกษาดูว่าจะสามารถออก  พ.ร.บ.ล้างมลทินให้กับข้าราชการที่ถูกลงโทษทางวินัยได้หรือไม่ เหมือนกับที่ ก.พ. เคยกระทำมาแล้วหลายครั้ง   ในอดีตเนื่องในโอกาสที่สำคัญ อาทิ เมื่อปี 2499, 2524, 2530 และ 2539 ในอดีตนั้นเป็นการล้างมลทินไปว่าเปรียบเสมือนไม่เคยกระทำผิด แต่ไม่ได้อนุญาตให้กลับเข้ารับราชการแต่อย่างใด แต่ถ้าบุคคลนั้นจะกลับเข้ามาสอบเข้ารับราชการก็กระทำได้ ถือเป็นการให้โอกาส ซึ่งทาง ก.พ.ก็จะมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาโดยละเอียดตามความหนักเบาของโทษผู้จัดการออนไลน์   14  ก.ค.  49
คำสำคัญ (Tags): #ข้าราชการ
หมายเลขบันทึก: 38799เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2006 12:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท