ว่าด้วยการลงโทษนาง...ในทรรศนะอิสลาม


อิสลามได้ห้ามการตีสตรี และได้เตือนถึงเรื่องนี้ไว้อย่างมาก นั่นก็เพราะสถานภาพของเธอโดยปกตินั้นอ่อนแอ ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ท่านศาสนทูต (ขอความสันติสุขมีแด่ท่าน) กล่าวว่า “เจ้าอย่าได้ทุบตีภรรยาของเจ้าเหมือนตีทาส แล้วหลังจากนั้นเจ้าก็ประเวณีกับนางในตอนกลางคืน”

แนวทางแก้ปัญหาการฝ่าฝืนของภรรยาที่มีต่อสามี และบางครั้งวิธีเเก้ปัญหาว่านี้อาจจะสร้างความเจ็บปวดบ้าง แต่มนุษย์ก็ย่อมรับมันได้เพื่อเป็นแนวทางในการเเก้ปัญหาที่เกิดผลตามความคาดหมาย

ขั้นที่ 1 :  ขั้นตักเตือนว่ากล่าว ให้คำเตือนถึงโทษที่อัลลอฮฺได้บอกไว้  และบอกกล่าวถึงสิทธิของสามีและความจำเป็นที่เธอต้องเชื่อฟังสามี และนี่เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความนุ่มนวลและความรักในการใช้คำพูด

หากวิธีนี้ไม่เป็นผล จึงต้องใช้

ขั้นที่ 2: ขั้นแยกที่นอน คือ ไม่นอน ไม่ร่วมประเวณีกับเธอ และไม่พูดคุยกับเธอ ในขั้นนี้ต้องใช้ความนุ่มนวลร่วมกับความเด็ดขาด

หากวิธีนี้ยังไม่ได้ผล จึงต้องใช้

ขั้นที่ 3 :ขั้นตี คือ เป็นการตีที่ไม่สร้างบาดแผล กระดูกไม่แตกหัก และไม่เกิดรอยฟกช้ำ และหลีกห่างจากการตีที่ใบหน้า เพราะสาเหตุการตีก็เพื่อตักเตือนเท่านั้น ไม่ใช่การ  ทรมาน และเป็นการบอกให้รู้ว่า การกระทำของเธอนั้นเป็นที่ไม่พึงปรารถนา

และอิสลามได้วางข้อกำหนดในการตีนี้ ว่าต้องเป็นการตีที่ไม่ใช่เพื่อการข่มขวัญ ข่มเหง รังแกหรือเป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีเธอ หรือเป็นการตีเพื่อทรมาน

และขั้นนี้ (ขั้นตี) เป็นขั้นตอนที่มีผลต่อสตรีสองกลุ่ม ตามที่นักจิตวิทยาได้ยืนยันไว้ คือ

กลุ่มที่ 1 : กลุ่มสตรีที่อยากตั้งตัวเป็นผู้คุมสามี  พวกนางเหล่านี้ช่างมีความสุขและสนุกสนาน ถ้าเมื่อไหร่พวกนางได้คุมสามีของพวกนางให้เป็นไปตามใจชอบ พวกนางจะควบคุมพวกเขาให้อยู่ภายใต้อิทธิพลและคําสั่งของพวกนาง

กลุ่มที่ 2 : กลุ่มสตรีที่อ่อนแอและเชื่อฟัง เป็นพวกที่มีความสุขและชอบเมื่อไหร่ที่พวกนางถูกตีหรือถูกสั่งสอนด้วยความเข้มงวดรุนแรง

G- A Hodfield หนึ่งในบรรดานักจิตวิทยาชาวยุโรปกล่าวในหนังสือของเขาเรื่องจิตวิทยาและจรรยา ว่า : อารมณ์ที่ยอมจํานนอาจจะเพิ่มขึ้นสูงในบางครั้ง ซึ่งจะพบว่า เจ้าของอารมณ์นี้จะมีความสุขมากเมื่อถูกคนมีอํานาจมาควบคุมเขา ยอมรับความเจ็บปวดด้วยปิติยินดี ความรู้สึกเช่นนี้พบมากในบรรดาสตรีแม้นว่าพวกนางไม่รู้ตัว  ด้วยเหตุนี้เองพวกนางเป็นที่รู้จักว่า เป็นกลุ่มคนที่ทนกับความเจ็บปวดมากกว่าบรรดาชาย และภรรยาดังที่ว่านี้ คือบุคคลที่พึงชอบสามีของเธอทุกครั้งที่สามีเธอตีนางหรือรุนแรงกับนาง และไม่มีอะไรที่จะทําให้สตรีเสียใจมากกว่าการที่เธอมีสามีผู้อ่อนโยนตลอดเวลา ไม่มีความรู้สึกใดๆ แม้จะถูกท้าทายด้วยวิธีไหนก็ตาม

การตีนั้นจะใช้ในขั้นสุดท้ายในการสั่งสอนระเบียบวินัย อิสลามไม่อนุญาตให้ใช้มันนอกจากในกรณีที่ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะตักเตือน หรือไม่มีผลจากการแยกที่นอนแล้วเท่านั้น

การตีเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการอบรมสั่งสอนระเบียบวินัย อย่างเช่น พ่อตีลูก ครูตีนักเรียนเพื่อจุดประสงค์สั่งสอนระเบียบวินัยเท่านั้นเอง หลังจากนั้น อัลลอฮฺได้แจ้งในตอนท้ายของโองการว่า การตีนั้นต้องหยุดทันทีถ้าหากจบลงด้วยการเชื่อฟังจากภรรยาต่อสามีของนาง

สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า ในขั้นตอนการแก้ปัญหาดังกล่าวเพื่อเป็นการสั่งสอนที่ว่านั้น อิสลามได้ตั้งจุดประสงค์เอาไว้เบื้องหลังนั้นว่าต้องการปกปักษ์รักษาความเป็นครอบครัวไม่ให้เกิดการแตกแยกและสูญสลาย ไม่ให้ลูกหลานมีปัญหา หรือได้รับความรู้สึกที่ไม่ดีในจิตใจของพวกเขา ซึ่งเป็นผลกระทบที่ต้องเกิดขึ้นเมื่อมีการหย่าร้างกัน

เป็นเรื่องที่เราคิดว่าเหมาะสมที่จะนำสถิติของประเทศอังกฤษมาเปิดเผยให้ทราบ ซึ่งตัวเลขของภรรยาที่ถูกสามีทุบตีที่เป็นแผลสาหัสสากรรจ์สูงถึง 6,400 คน ในปี 1990 และถึง 30,000 คน ในปี 1992 หลังจากนั้น ตัวเลขเพิ่มถึง  65,400 คน ในปี 1995 และพวกเขาคาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นไปอีก ถึง 124,400 คน ในท้ายศตวรรตที่ 20

และนี่ เป็นสถิติที่รวบรวมผ่านสถานีตำรวจในอังกฤษเพียงทางเดียวเท่านั้น แล้วจะมีจำนวนอีกเท่าไรที่การตีภรรยานั้นไม่ได้แจ้งความให้ตำรวจรู้ และ ณ วันนี้ ยังมีภรรยาที่ถูกทุบตีอีกจำนวนเท่าไร ถ้าหากจะนับจากทั่วทุกมุมโลก ? 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://islamhouse.com

หมายเลขบันทึก: 386883เขียนเมื่อ 21 สิงหาคม 2010 14:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 12:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ คุณ spidy

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆนะคะ

ศาสนาอิสลามเป้นศาสนาที่ละเอียดในทุกๆเรื่อง

เพราะพระเจ้าย่อมหยั่งรู้ในทุกๆสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาค่ะ

  • ขอบคุณครับคุณ P นันทนา อินตัน 
  • ถูกต้องแล้วครับ พระเจ้าทรงหยั่งรู้ในทุกๆสิ่งครับ

สวัสดีค่ะ

          ขอบคุณมากนะคะ ที่อธิบาย 3 ทัศนะ ให้เข้าใจมากขึ้น   พี่ดาอ่านมาตั้งแต่บันทึกแรก  บันทึกนี้เรื่องการตี ตีไม่มีบาดแผล ก็ตีจนเจ็บมากได้ ที่ไม่ให้เกิดแผล แต่มีการช้ำภายใน  สรุปแล้วก็น่าสงสารอยู่ดีนะคะ  เกิดตีทุกวันก็เจ็บมากทุกวัน ในรายที่สามี ทำเป็นนิสัย  ผู้ชายตีผู้หญิงนี้ ไม่น่าให้มีเลยนะคะไม่ว่าจะศาสนาไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้อีก ทำไมที่อังกฤษ มีผู้ชายโหดๆมากหรือค่ะเนี่ย ไม่สมกับที่เราได้ยินเสมอว่า... ผู้ดีอังกฤษ....เลยนะคะ

  • ขอบคุณพี่ดามากครับที่ติดตาม
  • ใช่ครับ น่าสงสารครับที่ผู้หญิงต้องถูกตีครับผม  แต่พี่ดาลองคิดดูดีๆนะครับว่าทำไมผู้หญิงต้องถูกตี  ผมแต่งงานกับศรีภรรยา (อิอิ ให้เกียรติเธอหน่อย) มา 5 ปี  มีลูก 2 คน (คนสุดท้องกำลังอยู่ในครรภ์ 5 เดือนกว่าๆ) ผมไม่เคยตีเธอเลย ทั้งๆที่มีเหตุผลที่ผมสามารถตีเธอได้  แต่ผมกลับไม่ทำ  ผมจะแสดงออกทางสีหน้าแทนครับ ให้เธอรู้ว่าผมไม่ชอบ  ผมทำแล้วผมสบายใจ อย่างน้อยๆผมได้แสดงออกว่าผมไม่ชอบที่เธอทำสิ่งนี้สิ่งนั้น แทนการ "ตี"

ดีมากเลยค่ะ ที่ไม่ตีภรรยาๆ ต้องรักมากแน่ๆ รวมทั้งลูก คนเล็กยังอยู่ในท้อง ให้คุณแม่ทานกะทิและน้ำมันมะพร้าวบ้างนะคะ ลูกและแม่จะได้กรดลอริกค่ะ เวลาให้นมก็ควรทานประจำในน้ำนมจะได้มีกรดลอริกมากขึ้น ส่วนคนโตก็ผสมในอาหารหรือโรยในข้าวให้ทานนะคะ ปลอดภัยค่ะ แล้วจะแข็งแรงรวมทั้งผู้ใหญ่ทุกท่านด้วยนะคะ ฝากแนะนำด้วย ว่างเชิญอ่าน

ที่ ...........http://gotoknow.org/blog/kanda01

 

  • ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำครับผม  ขอบคุณจริงๆครับ
  • จำลองไปปฏิบัติดูครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท