หน้าแรก
สมาชิก
พ.ญ. อัจฉรา เชา...
สมุด
โครงการ Talent M...
Talent Management...
พ.ญ. อัจฉรา เชาวะวณิช
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
Talent Management 61 การประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการพัฒนาศักยภาพข้าราชการผู้มีสมรรถนะสูง (Talent) 2553/3ที่รร.พักพิงอิงทาง การประชุมต่อจากการประชุมที่ภูเขางามรีสอร์ท การนำเสนอแผนที่มากกว่าความคาดหวัง
19-8-53
ดิฉันจัดประชุมที่
โรงแรมพักพิงอิงทาง
นนทบุรีเมื่อวันที่6สค.53ซึ่งเป็นการประชุมต่อจากการประชุมที่ภูเขางามรีสอร์ทโดยมี
เป้าหมายให้ทุกหน่วยงานมานำเสนอแผนHRD
มีผู้มานำเสนอมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากเป็นการประชุมวันเดียวทำให้เราให้
เวลาคนละ 7 นาที นำเสนอครั้งละ 4 หน่วยงานพร้อมกัน
หลังจากนั้นให้วิพากษ์ จบเวลานำเสนอประมาณ 5โมงเย็นค่ะ
เนื้อหาแต่ละหน่วยงานคล้ายกัน โดยเริ่มจากวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม บางหน่วยทำแผนรวมบ้าง บางหน่วยทำเฉพาะtalent บางหน่วยแยกเป็นกลุ่มคือกลุ่ม talent cashcow questionable deadwood ตามที่วิทยากรสอนไว้ค่ะ บางหน่วยเอาแผนแม่บทของกองการเจ้าหน้าที่มาดูบ้าง ดิฉันขอชื่นชมหน่วยงานที่มาเสนอเพราะเราให้เวลาไปคิดเดือนกว่าๆ (ประชุมเมื่อ23-24มิย.53 )
รายชื่อหน่วยงานต่างๆที่นำมาเสนอค่ะ
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดเชียงใหม่
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น
สำกงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดนครราชสีมา
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดราชบุรี
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดชลบุรี
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดสระบุรี
กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร
สำนักงานเลขานุการกรม
กองการเจ้าหน้าที่
กองแผนงาน
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดพิษณุโลก
สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง
สถาบันบำราศนราดูร
สถาบันราชประชาสมาสัย
สำนักโรคติดต่อทั่วไป
สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์
สำนักโรคไม่ติดต่อ
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8 จังหวัดนครสวรรค์
สำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์วิสัยทัศน์
ศูนย์ปฏิบัติการเตรียมพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข
สำนักวัณโรค
สำนักจัดการความรู้
สำนักคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ
สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ
ผอ.สคร.9 เขียนจดหมายน้อยๆเพื่อขอนำเสนอก่อนเพราะมีธุระต้องทำต่อค่ะ
สำนักแผน
ผอ.สำนักโรคจากการประกอบอาชีพเน้นต้องมาเสนอเองเพราะเป็นเรื่อง สำคัญ เน้นคนในสำนักต้องมีความสุขและพอใจในงานที่ทำก่อนจึงจะพัฒนาได้
ดิฉันขอเสนอเฉพาะส่วนที่วิทยากรวิพากษ์โดยนำมาจากการถอดเทปของน้องใบเตย ผู้ประสานงานโครงการค่ะ
วิพากษ์
พญ.ปิยวรรณ กล่าวชื่นชม สคร.12 ว่าได้นำงานประจำมาพัฒนาให้ตรงกับแผนIDP แต่อาจจะมองได้ไม่ครอบคลุม ส่วนสคร.11 ได้พิจารณาเอาGAPต่างๆมาพิจารณา ซึ่งถ้าGAPเป็นความจริงก็ดี การประเมินควรใช้ความร่วมมือไม่ใช่ประเมินโดยหัวหน้า สคร.10 ควรมีส่วนกลางที่เป็นหลักสูตรที่เราสามารถจัดการได้ และสุดท้ายสคร.7 แผนที่ดึงวิสัยทัศน์กรมถ้าเราให้สอดคล้องกับนโยบายกรมจะทำให้ได้ตามเป้าหมาย
พญ.อัจฉราได้กล่าวให้กำลังใจและรู้สึกประทับใจที่ทุกคนคิดเรื่องการพัฒนาบุคคลได้ดีมาก
นพ.สมัย ผอ.สคร.3 ได้กล่าวว่า ดูจากกิจกรรมถ้าทั้งปีมี 365 วัน จะมีช่วงเวลาที่ทำงานจริงๆประมาณ 150 วันคิดเป็น80%เป็นงานของกรมและอีก20%เป็นงานที่สคร.อยากทำ ต้องหาสิ่งที่ต้องการจะทำของจังหวัดว่าอยากทำอะไร ซึ่งจะทำให้เวลาในการทำงานแต่ละโครงการจะทำได้ไม่ทัน เราต้องเรียนรู้จากการทำงานเป็นส่วนใหญ่ และเวลาจัดอบรมแต่ละครั้งก็มีแต่ตัวแทนจังหวัด ทำให้ไม่ตรงกับเป้าหมายในการจัดอบรม
คุณปาจารีย์ กล่าวว่าเรื่องการฝึกอบรมกพ. จะมี e-learning เรื่องผบต.ผบก. กรมเรามีโควต้าน้อย กองการเจ้าหน้าที่จะรับไปดูในภาพรวม
นพ.สมศักดิ์ รองอธิบดี กล่าวว่า ภาพรวมจริงๆ 4 สคร.ที่นำเสนอ ถ้ากองการเจ้าหน้าที่ทำงานเรื่องนี้ต้องแบ่งแล้วว่าตรงไหนต้องทำส่วนกลางบ้าง ส่วนเรื่องการพัฒนาหัวหน้ากลุ่มก็อาจจะทำในหน่วยงาน กองการเจ้าหน้าที่จะดูเรื่องแผนแม่บท การพัฒนาผู้อำนวยการน่าจะเป็นบทบาทของส่วนกลาง หน่วยงานจะเป็นในเรื่องนโยบายเช่นพี่สอนน้องเป็นต้น เช่นกรมควบคุมโรคต้องรู้เรื่องระบาดวิทยา สำนักระบาดวิทยาอาจจะต้องคิดหลักสูตรให้หน่วยงานในการรู้เรื่องระบาดวิทยาซึ่งสำนักระบาดวิทยา อาจจะทำตัวต้นแบบแล้วก็ส่งไปตามหน่วยงานต่างๆ ส่วนกลางเองก็มีจุดอ่อนประเด็นสุดท้ายคืออยากให้มีงบประมาณ10%ที่ยึดหยุ่นให้ผู้อำนวยการมาใช้ได้และนำ 5%มาใช้ในเรื่องของคน กรมเองก็จะพยายามดูในภาพรวมว่าจะสนับสนุนด้านใด
วิพากษ์
นางปาจารีย์ กล่าวถึงแผนแม่บทและงานต่างๆที่กองการเจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่และได้เล่าว่าได้ไปดูงานที่สคร.5และเห็นเรื่องการทำการประเมินแบบ online ก็อยากจะนำมาทำที่กองการเจ้าหน้าที่
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่าจำนวน 8 สคร.ที่นำเสนอ ถ้าเครือข่ายช่วยกันสกัดนำมารวมกับแผนแม่บทให้เป็นแผนปฏิบัติการปี 2554 เกี่ยวกับเรื่องThe Best ที่ทำในtalent ทำอย่างไรให้เป็นThe Most อีกประเด็นคือเมื่อมีคนเข้ามาใหม่ เราต้องมีแผนให้ชัดว่าคนที่เข้ามาใหม่ จะพัฒนาบุคคลากรอย่างไร ก็จะเป็นการพัฒนาสคร.ไปด้วย
วิพากษ์
นพ.ศิริศักดิ์กล่าวว่า การพัฒนาคนจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาตร์ของกรม
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ให้ทำข้อดีให้เยอะทำข้อเสียให้น้อย ยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ต้องมีrelationship เรื่องไปต่างประเทศเราจะพยายามให้เป็นนโยบายว่าทุกครั้งที่มีงานไปต่างประเทศจะต้องมีสคร.ไปด้วย และเวลาที่มีโอกาสเราต้องไขว่ขว้าด้วย เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพราะถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนค่านิยมในการทำงานแล้วจะทำให้เกิดการรวมแผนขึ้นได้อย่างไร? อยากให้มีผู้บริหารจากสคร มาช่วยดูแลเพิ่มมาดูแลแผนแม่บท มีกองการเจ้าหน้าที่ และTalentเป็นเลขานุการ มีกองแผน คุณหมอนุ้ย ท่านผู้ทรงศุภมิตรและท่านผู้ทรงคำนวณมาช่วย ให้คณะทำงานไม่เกิน 10 คน เอาแผนแม่บทเป็นตัวตั้งและแผนของผู้ทรงสุจิตรา (ยุทธศาสตร์ที่6) ส่วนการพัฒนา ถ้ามีหลักสูตรเราต้องส่งบุคคลากรไปอบรม เรื่องที่มีการนำเสนอไปนั้นดีมาก ประมาณ 3-5 ปีเราจะได้ยุทธศาสตร์ของกรม
พญ.ปิยวรรณ กล่าวว่าการที่บุคคลากรจะพัฒนาและขับเคลื่อนได้ดีผู้บริหารจะต้องมีส่วนช่วยและเล็งเห็นความสำคัญด้วย เรื่องTalent ที่หลายหน่วยงานมาทำนั้น จริงๆแล้วTalentเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น การแบ่งกลุ่มคนเป็น4ชนิดนั้นเราแบ่งเพื่อที่จะนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาเท่านั้น เพราะเราต้องการแผนพัฒนาของกรมเพื่อนำไปพัฒนาคนในหน่วยงาน
วิพากษ์
นพ.ศิริศักดิ์ กล่าวว่าแผนกลยุทธ์ สอดคล้องในระนาบเดียวกันและอีกอย่างคือเป็นจุดร่วมในหน่วยงานคือเรื่องการอบรมและการเขียนหนังสือราชการ ภาษาอังกฤษ การทำงานเป็นทีม สามารถนำไปดำเนินการต่อได้
นพ.ศุภมิตร กล่าวว่า เราพยายามที่จะมาถามว่าปีหน้าเราจะทำอะไรดี อยากให้เอาแผนมาดูเป็นสังเขปและได้เห็นในวันนี้ว่า
บรรยากาศดูแตกต่างในแง่การพัฒนาบุคลากร ซึ่งดูมีชีวิตชีวาและคนที่เกี่ยวข้องก็ได้มีโอกาสมาอธิบายว่าแผนของสำนักเป็นอย่างไร อยากให้ทุกท่านแลกเปลี่ยนทัศนคติ หรืออยากจะระบายถึงปัญหาว่ามีปัญหาเยอะอย่างไร หัวหน้ากับลูกน้องต้องพยายามช่วยกัน
นพ.คำนวณ กล่าวว่า การนำเสนอของทั้ง 4 สำนักนั้นมีการเตรียมตัวมาอย่างดี สมัยก่อนสำนักระบาดวิทยาไม่มีระบบHRD เนื่องจากผู้อำนวยการไม่มีเวลาพอที่จะมาวิเคราะห์ลูกน้อง
การทำ HRD มี 4 องค์ประกอบคือ บุคคล Node มีเครือข่าย และบรรยากาศ (environment)
ที่ผู้บริหารจะต้องแก้ไข ซึ่งจะทำให้บุคลากรอยากจะพัฒนาตนเอง การแบ่งกลุ่มบางครั้งก็ไม่เป็นผลดี เพราะทุกคนอยากได้รับการยอมรับ แต่ถ้าเราจัดคนให้ถูกกับลักษณะ ถ้ากรมหรือผู้บริหารมีช่องว่างให้คนทำในสิ่งที่ถนัดจะเป็นการดี ไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบเดียวเช่น PMS Talent บางสำนักก็เหมาะแต่บางสำนักก็ไม่เหมาะที่จะแบ่งเป็น4กลุ่ม และเรื่องบางเรื่อง เราเริ่มจากความงงซึ่งส่วนใหญ่มักจะทำให้เกิดการค้นขว้าเพื่อให้รู้ งานก็มักจะสำเร็จ
พญ.ปิยวรรณ กล่าวว่า เป้าหมายคืออยากให้แต่ละหน่วยงานมีแนวทางในการพัฒนาบุคลากร แผนมักเริ่มต้นด้วย แผนยุทธศาสตร์ และปัญหา เพราะการทำแผนเราทำเพื่อจะให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกๆคนมีส่วนให้ยุทธศาสตร์สำเร็จ ส่วนสำนักโรคติดต่อทั่วไปมีความเชี่ยวชาญในด้านการประเมิน อาจจะนำเป็นแกนกลางในการพัฒนาบุคคลากรได้
พญ.อัจฉรา กล่าวว่า อธิบายว่าโครงการฯนี้เริ่มจากความงง ไม่ชัดเจน แต่อยากให้กรมมี HRD Network
คุณแหม่ม สำนักแมลง กล่าวว่า อยากให้มี HRD Network เพราะแต่ปัจจุบันมีแต่กลุ่มงาน สว. ถ้าเราจะเริ่มทำ อยากขอให้กองการเจ้าหน้าที่รับเรื่องไปช่วยดูแล
วิพากษ์
นพ.ศุภมิตร กล่าวว่า รู้สึกดีที่ผอ.ให้ความสำคัญ(สำนักโรคจากการประกอบอาชีพฯ) สำนักแอลกอฮอล์ present ได้ไวมาก รู้สึกว่าการพัฒนาจะเป็นรูปแบบหนึ่งอยู่ในเนื้องาน อีกท่านหนึ่งก็ใช้กรอบความคิดประเมินศักยภาพและแบ่งคนเป็น 4 กลุ่ม ก็รู้สึกว่าน่าสนใจ ต้องจัดการด้วยความระมัดระวัง ภาครัฐนั้นจะเปลี่ยนได้ยากกว่าภาคเอกชน
การแบ่งเป็นกลุ่มๆ แล้วพบว่าศักยภาพค่อนข้างดี ถ้าหากเค้าได้รับการสนับสนุน ก็ต้องดูว่าจะไม่เกิดการแตกแยกอย่างเกินไป
หรือบางท่านอาจจะสงสัยในการประเมิน หรือสงสัยว่าเป็นกลุ่มไหน ก็ต้องระมัดระวังหน่อย กลุ่มที่เป็นCash cow ก็ต้องระมัดระวังในการเปิดเผยเพราะอาจจะรู้สึกไม่ดี
นพ.คำนวณ กล่าวว่า วิธีมองคน แบ่งเป็น 4 ประเภท จะเหมือนการมองแนวจิตวิทยา อย่างclassified คนโดยมองแค่Performance และPotential ซึ่งระบบพัฒนาคนจำเป็นต้องมีคนให้คำแนะนำเช่นจิตแพทย์
พญ.ปิยวรรณ กล่าวว่า มองต่างตรงที่ เราจะมองแบบสนใจคนมากขึ้น และเราต้องยอมรับว่าสังคมเรามีหลากหลาย ถ้าเราไม่มองว่าคนมีความแตกต่างเราก็จะทำให้พัฒนาคนได้ยาก สิ่งที่อยากได้คือ อยากให้กรม วางแผนว่า แต่ละกลุ่มเราจะจัดแผนการพัฒนาเค้าให้เค้าได้พัฒนาได้มากขึ้นอย่างไร เรื่องของTalent ควรมองถึงเรื่องผลดี ว่า
การพัฒนาTalent Management จะช่วยพัฒนาคนทั้งหมดให้เป็นTalent
การพัฒนาให้มีคุณภาพ เราต้องปรับให้เข้ากับบริบทของเรา ว่าจะเอามาให้ได้อย่างไร (อาจจะสามารถตอบPMQAได้) และขอฝากไว้ว่าเวลาเราทำแผน เราทำเพื่อพัฒนาหรือทำเพื่อpresent ถ้าเราทำเพื่อพัฒนาอาจจะไม่เสร็จในวันนี้ และกำหนดTraining Needs เพื่อให้สนองกับยุทธศาสตร์ได้
นพ.ศุภมิตร กล่าวว่าเห็นด้วยกับพญ.ปิยวรรณ ตั้งใจว่าถ้าประเมิน หรือจัดกลุ่ม อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งก็ต้องมีความยืดหยุ่น ก็เลยเกิดคำถามว่า แนวทางการประเมินให้เป็นมาตรฐาน จำเป็นต้อง strandardiseหรือไม่
พญ.อัจฉรา กล่าวว่า การแบ่ง 4 กลุ่ม เป็นเหมือนการวินิจฉัยโรค ซึ่งคนที่แบ่งไว้นั้นจะเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของผู้บริหาร เวลาพัฒนาก็เหมือนกับทำHRDทั่วไป แต่มีแนวทางคิดที่วินิจฉัยแยกออกไปว่าแต่ละกลุ่มจะต้องพัฒนาทางอย่างไร ซึ่งปัจจัยอื่นๆเป็นตัวกำหนดด้วย
วิพากษ์
นพ.ศุภมิตร กล่าวว่า สำนักโรคเอดส์ฯ มีความชัดเจนบางเรื่องในการพัฒนา เพราะโอกาสเยอะ ประชุมเยอะ เงินงบประมาณมีมาก ซึ่งเป็นโอกาสในการพัฒนาคน มีเงื่อนไขที่เห็นด้วยคือ สิ่งที่ได้จากTalent คือการประสานงานและการจัดการโครงการได้ดี การมีเมตตาสำคัญ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความเข้าใจมีมาก(คนไข้เอดส์ )
ศูนย์PHER ในรายละเอียดก็ยากที่จะวิจารณ์ แต่มีความกระตือรือร้นสูงในการพัฒนา หวังพัฒนาTalent เยอะ เพราะเป็นหน่วยงานเกิดใหม่ ลักษณะงานก็ท้าทาย เพราะต้องใช้ความรู้และความรวดเร็ว การทำงานต้องเร็ว มีวิธีพัฒนาเป็นการตั้งตนที่ดี จะต้องระวังในการพัฒนา ว่าการแบ่งกลุ่มคนจะทำให้เกิดการวิตกกังวล
เสนอว่าให้เรียกชื่อใหม่เช่น
Talent –ฟอร์มสด, Cash cow – มดงาน,Deadwood – ต้องการพัฒนา ,Questionable – ต้องการค้นหาตัวเอง
การเปลี่ยนชื่อจะทำให้คลายความสงสัย การวิเคราะห์ถ้าทำโดยคนอื่นมักจะรู้สึกแสลงใจกว่าตนเองวิเคราะห์
นพ.คำนวณ กล่าวว่า ตอนนี้ ตั้งคำถามคือการแบ่งคนเป็น 4 กลุ่มเป็นตำราหรือไม่? หากผู้บริหารประเมิน ควรให้เจ้าตัวประเมินจะดีกว่าและคิดว่าจะไปทางไหน ทุกอย่างต้องเริ่มจากคนที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน ซึ่งผู้ที่อาวุโสมักจะมีวิธีการว่าจะต้องทำอย่างไร ฉะนั้นการนำผู้อาวุโสมาช่วยดูแลอาจจะเป็นการดี
พญ.ปิยวรรณ กล่าวว่า ตอนนี้มอง
talent คือดวงดาว cashcowคือ มดงานQuestionable เหมือนเปล่งประกาย และDeadwoodเหมือนพรายพรรณ
แผนTalent ต่างๆทำให้เกิดแนวคิดมากมาย เราอาจเกิดแนวคิดการพัฒนาตนเอง
วิพากษ์
พญ.ปิยวรรณ กล่าวว่า สำนักทั้งหมดที่มาร่วมนำเสนอ 28 สำนัก คิดเป็น 84% ถือว่าเยอะมาก
พญ.อัจฉรา กล่าวว่า จะมีการคุยกับผู้บริหารว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
นพ.ศิริศักดิ์กล่าวปิดประชุม ว่า
ประเด็นที่ 1 คือ เมื่อมีการสนทนากันก็ได้แนวทางการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าท่านทั้งหลาย มีการปรับเปลี่ยนพัฒนาความรู้ได้เร็วมาก และของฝากต่อยอดในประเด็นนี้ว่านักปราชญ์ชาวเยอรมันนาม เกอร์เท่ กล่าวไว้ว่า “เมื่อรู้แล้วโปรดประยุกต์ เมื่อมีเจตนารมณ์แล้วจงลงมือทำ”
ถ้าเราโยงไปถึงเครื่องมือทั้งหลายมันก็เข้าสู่วงจรการทำงาน
ประเด็นที่ 2 คือเรื่องการเชื่อมโยงกัน การเป็นเหตุเป็นผล การมุ่งเน้นของเรื่องการพัฒนาคน ต้องเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี ภาษาอังกฤษ internet เหมือนเป็นห้องสมุดที่กว้างขวาง และ
ประเด็นที่ 3 คือ จุดมุ่งเน้นเพื่อนำไปสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์
จากการประเมินแล้วดิฉันคิดว่าดิฉันประสานไม่ดีเพราะเวลาน้อย ไม่บอกเวลาว่าให้เวลาแค่7นาที
บางคนอยากพูดมากเรายกป้ายทำให้ไม่ค่อยถูกใจนักเพราะเตรียมมาเยอะ บางคนอยากให้นำตัวอย่างที่ดีมานำเสนอ
กองการเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ทำกรอบการนำเสนอให้
ที่ได้จากการประชุมคือความตั้งใจของกรม
ท่านรองศิริศักดิ์อยู่ฟังตลอดวัน พอดิฉันถามว่าท่านไม่กลับไปเซ็นงานเหรอ? ท่านย้อนว่าพี่อัจอยู่ผมจะกลับไปได้อย่างไร
ฟังแล้วก็แอบดีใจค่ะ
เขียนใน
GotoKnow
โดย
พ.ญ. อัจฉรา เชาวะวณิช
ใน
โครงการ Talent Management ของกรมควบคุมโรค
คำสำคัญ (Tags):
#talent management
#การประชุมเชิงปฏิบัติการ
#กรมควบคุมโรค
หมายเลขบันทึก: 386204
เขียนเมื่อ 19 สิงหาคม 2010 14:29 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:24 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
พ.ญ. อัจฉรา เชา...
สมุด
โครงการ Talent M...
Talent Management...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท