การภาวนาไม่ใช่การนั่งเฉยๆ ไม่สนใจใครหรือการเก็บกดอารมณ์รู้สึก การภาวนาคือการตระหนักรู้ว่าสิ่งใดกำลังเกิดขึ้น ตระหนักรู้ อย่างไม่เป็นทุกข์ หรือถึงแม้ว่าจะเป็นทุกข์ เราก็รู้และกลับมาดูแลความทุกข์นั้น เมื่อเราทำได้อย่างสม่ำเสมอ การภาวนาของเราจะ มั่นคงและลึกซึ้งมากขึ้น เราจะสามารถมองด้วยความเมตตากรุณาจนเห็นทางออกที่ดีงามร่วมกัน ฉะนั้นความสามารถที่จะนั่งนิ่งๆ ใน สถานการณ์ที่ขัดแย้งได้ถือเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ ในจังหวะที่เหมาะสม พลังที่นิ่งเงียบนี้จะสามารถช่วยคลี่คลายให้สถานการณ์ ดีขึ้นได้
คำว่า "วางใจเป็นกลาง" ไม่ได้หมายถึงการวางเฉย แต่หมายถึงว่าเราเข้าใจเขา เห็นเขาอย่างที่เป็นอยู่ เรามีสายตาแห่งปัญญา ในการมอง ฉะนั้นเมื่อเราพูด เราพูดตามความเป็นจริง ไม่ได้หมายความว่าเราเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยิ่งเรามีปัญญาในการมองอย่าง ที่เป็นกลางได้มากเท่าไหร่ เราจะสามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจมากขึ้นเท่านั้น วิธีการแลกเปลี่ยนของเราจะช่วยลดความ แบ่งเขาแบ่งเราได้ ฉะนั้นการวางตัวเป็นกลางเราจึงมีความคิดเห็นได้ แต่เป็นความคิดเห็นที่เป็นกลาง คำว่า "อุเบกขา" มีความหมาย ว่าเราโอบรับทั้งสองฝ่าย เรายอมรับพวกเขาทั้งสองฝ่าย นี่คือการปฏิบัติภาวนาที่มีพลังและเป็นรูปธรรมมาก ไม่ใช่การนั่งหลับตา ไม่สนใจใคร แต่เป็นการโอบรับอย่างที่เขาเป็นอยู่ นี่คือการวางใจเป็นกลาง
ไม่มีความเห็น