มาถึงตอนสุดท้ายสำหรับเรื่องนี้แล้ว หลังจากที่เขียนมา ๒ ตอน
ตอนที่ ๑ http://gotoknow.org/blog/kidkom/384706
ตอนที่ ๒ http://gotoknow.org/blog/kidkom/385170
ต่อจากตอนที่แล้วเรายังอยู่ในขั้นตอนที่ ๒ ของ EE และเป็นข้อย่อยคือ ๒.๒ คือ ระบุกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงการ (List Activities) และ จัดลำดับความสำคัญ (Prioritize) ขั้นตอนต่อไป
๒.๒) ขั้นตอนนี้ผมเรียกว่าการให้คะแนนความสำเร็จ (Rating) เป็นการให้คะแนนจากชุมชนคนในโครงการเหมือนเดิม โดยดูว่าที่ผ่านมากิจกรรมที่พวกเราได้ทำไปเราคิดว่ามันมีความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ซึ่งขั้นตอนนี้อาจต้องใช้สุนทรียสนทนา (Dialogue) ร่วมด้วย การให้คะแนนก็จาก ๑ - ๑๐ คะแนน แต่ละคนก็สอบถามเหตุผลการให้คะแนนซึ่งกันและกันได้ เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้ก็มารวมคะแนนและหาค่าเฉลี่ยในแต่ละกิจกรรม ตรงนี้เราก็จะได้แล้วว่ากิจกรรมที่สำคัญมากได้คะแนนความสำเร็จเท่าไหร่ กิจกรรมที่สำคัญน้อยได้คะแนนความสำเร็จเท่าไหร่ ตามตัวอย่างนะครับ
กิจกรรม |
คะแนนรวม |
ลำดับ |
ความสำคัญ |
นาย A |
นาง B |
นาย C |
นาง D |
รวม |
เฉลี่ย |
กิจกรรม 3 |
11 |
1 |
มาก |
8 |
6 |
9 |
5 |
28 |
7.00 |
กิจกรรม 1 |
9 |
2 |
มาก |
7 |
5 |
9 |
4 |
25 |
6.25 |
กิจกรรม 2 |
8 |
3 |
มาก |
8 |
7 |
8 |
6 |
29 |
7.25 |
กิจกรรม 5 |
7 |
4 |
น้อย |
5 |
8 |
8 |
7 |
28 |
7.00 |
กิจกรรม 4 |
6 |
5 |
น้อย |
9 |
6 |
7 |
5 |
27 |
6.75 |
จากนั้นผมก็แจ้งให้ในกลุ่มกำหนดมาว่าจากคะแนนเต็ม 10 กลุ่มคิดว่าจะให้ระดับคะแนนเท่าไหร่ที่จะถือว่าทำกิจกรรมนั้นได้ดี ซึ่งหากต่ำกว่าที่กำหนดก็จะถือว่ายังทำไม่ได้ดี เช่น บางกลุ่มก็กำหนดไว้ที่ 8 ขึ้นไปถือว่าทำได้ดีเป็นต้น ถึงขึ้นตอนนี้เราก็นำผลมาใส่ในตารางด้านล่าง (ตามที่ อ.อ้อมสอนมา) ซึ่งผมกำหนดไว้ว่าถ้าทำได้ดีต้องมากกว่า 7 คะแนน
|
กิจกรรมที่สำคัญมาก |
กิจกรรมที่สำคัญน้อย |
ทำได้ดี 7-10 คะแนน |
กิจกรรมที่ 3 (7.00)กิจกรรมที่ 2 (7.25) |
กิจกรรมที่ 5 (7.00) |
ทำได้ไม่ดี ต่ำกว่า 7 คะแนน |
กิจกรรมที่ 1 (6.25) |
กิจกรรมที่ 6 (6.25) |
แค่นี้ก็เสร็จขั้นตอนที่ ๒ แล้วครับ ทีนี้มาดูขั้นตอนที่ ๓ กันครับ
ขั้นตอนที่ ๓ วางแผนเพื่ออนาคต (Planning for the Future) ตรงนี้ผมก็ให้แต่ละกลุ่มนำเฉพาะกิจกรรมที่สำคัญมากมาวิเคระห์จุดแข็ง จุดอ่อน และหาแนวทางเพื่อการพัฒนา (ตรงนี้เข้าใจว่าเป็นการประยุกต์ขึ้นมาใหม่) ซึ่งแน่นอนกิจกรรมที่ทำได้ดีอาจมีจุดอ่อนน้อย (แต่ก็ไม่แน่เสมอไป) กิจกรรมที่ทำได้ไม่ดีก็มีจุดอ่อนมาก นำจุดอ่อนจุดแข็งมาคิดแนวทางเพื่อการพัฒนาร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ กิจกรรมที่ทำดีอยู่แล้วก็จะดียิ่งๆขึ้นไป กิจกรรมที่ยังทำไม่ดีก็พัฒนาได้ดีขึ้น ทั้งหมดเกิดจากการร่วมกันทำแล้วนำมาคิดร่วมกัน ผู้รับผิดชอบโครงการ (ไม่ใช่เจ้าของเพราะทุกคนคือเจ้าของ) ก็สามารถพัฒนาโครงการได้ดีขึ้นในการดำเนินการครั้งต่อไป
|
จุดแข็ง |
จุดอ่อน |
ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา |
กิจกรรม 3 |
|
|
|
กิจกรรม 2 |
|
|
|
กิจกรรมที่ 1 |
|
|
|
อย่างไรก็ตามหากมีเวลาผมก็เสนอว่าเราอาจปรับ ข้อเสนอแนะฯ ให้เป็นกลยุทธ์และการประเมินผล แบบนี้เราก็แทบจะเขียนแผนงานหรือโครงการในปีต่อไปได้เลย ต่างกันตรงที่จากเดิมเราคิดคนเดียวก็ร่วมกันคิดหลายๆ คน ทุกคนมีส่วนร่วม ก็จะรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ
|
จุดแข็ง |
จุดอ่อน |
กลยุทธ์ |
การประเมินผล |
กิจกรรม 3 |
|
|
|
|
กิจกรรม 2 |
|
|
|
|
กิจกรรมที่ 1 |
|
|
|
|
สรุปได้ว่า EE สำหรับผมแล้วมีประโยชน์อย่างยิ่งในการทำงาน การวางแผนงานโครงการ จากเดิมที่เราอาจคิดคนเดียว นำไปให้คนอื่นที่เกี่ยวข้องปฏิบัติ แล้วมารับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ ซึ่งก็ไม่ค่อยได้อะไร เพราะเริ่มต้นจากรับฟังปัญหา ความรู้สึกก็เป็นลบแล้ว เราก็ต้องคอยมานั่งแก้ตัว สมาธิไม่มี ปรับมาใช้ EE ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม ประเมินผล ร่วมกันพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ ทุกคนรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตามสำหรับประสบการณ์ครั้งนี้เป็นเพียงครั้งแรก ยังคงต้องฝึกฝนตัวเองอีกพอสมควร ขอบคุณที่ติดตามจนจบครับ ถ้ามีโอกาสได้ไปทำอีกจะมาเล่าให้ฟังใหม่ครับ
แวะมาบล็อกพี่ครั้งแรกเลย ตามมาจาก KM เว็บ สปสช. (ภาพคุณพ่อกับลูก 2 คน น่ารักมากครับ)
ยกนิ้วให้เลยครับพี่คิดคม ทั้งกระบวนการและกำลังใจ
^_^ ตอนเตรียมเวิร์คช็อปครั้งสุดท้าย คุณอ้อม มีลังเลเหมือนกันว่าควรจะให้ทดลอง EE ดีหรือไม่
ถ้าทราบว่าเกิดประโยชน์อย่างนี้ คงดีใจมากทีเดียวครับ
ขอบคุณครับ ที่แวะมาทักทาย คงมีโอกาสได้เจอกันอีกบ้างนะครับ ไม่รู้คุณโหน่งได้ไป KM รุ่น ๒ ของ สปสช. หรือเปล่า แต่ผมไม่ได้ไปนะ สัปดาห์หน้ามีโอกาสได้ไปจัด KM ให้อีก ๒ สำนัก (ทฤษฎีแห่งความสำเร็จข้อที่ ๓ มาอีกแล้ว) จะเอามาเล่าให้ฟังครับ
มาชม
มีมุมมองที่น่าสนใจดีจังนะครับ
สวัสดีครับ
สวัสดีครับคุณ ไทบ้านผำ ขอบคุณมากครับที่ติดตาม จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นมืออาชีพอะไรหรอกนะครับ แค่งานประจำก็จะทำไม่ทันแล้ว แต่ที่ชอบนำกระบวนการ KM มาใช้เพราะคิดว่าน่าจะเกิดประโยชน์ครับ แต่ก็ต้องลงทุนลงแรงพอสมควร (ตามธรรมชาติองค์กรของรัฐ) กิจกรรมที่ถามมา จะอยู่ในขั้นเตรียมการครับ เรื่องที่ผมเขียนจะต่อเนื่องมาจาก KM0004 : ประสบการณ์ KM กับกองทุนเอดส์ (http://gotoknow.org/blog/kidkom/384086) และ KM0006 : ประสบการณ์ KM กับกองทุนเอดส์ ตอน 2 (http://gotoknow.org/blog/kidkom/384270) ซึ่งเข้าใจว่าได้อ่านแล้วนะครับ ในส่วนที่ผมเขียนเรื่อง ประสบการณ์นำกระบวนการ EE ครั้งแรก จึงปนๆ กันระหว่างทฤษฎี (ซึ่งไม่แน่ใจว่าถูกหรือไม่) กับผลการปฏิบัติที่เกิดขึ้นจริง ในส่วนของกิจกรรมก่อนขั้นเตรียมซึ่งผมเขียนแล้วว่าสำคัญที่สุด ผมก็ทำได้เท่าที่ผู้จัดให้เวลาครับ ถ้าเป็นไปได้อยากให้คุณไทบ้านผำ แนะนำขั้นตอนการทำกิจกรรมที่คุณเสนอมาให้ผมทราบด้วยก็ขอบพระคุณอย่างสูงครับ เผื่ได้นำไปใช้บ้างครับ
EE กับ SWOT ต่างกันยังไงครับ ในประเด็นประโยชน์
ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญครับ แต่คิดว่ามีความต่างกันอยู่บ้าง SWOT น่าจะใช้กับการวิเคราะห์องค์การ องค์กร หรือหน่วยงาน ส่วน EE น่าจะเป็นการประเมินผลกิจกรรมมากกว่า การนำจุดอ่อน จุดแข็งมาใช้ใน EE น่าจะเป็นการประยุกต์มาอีกที เพราะผมอ่านต้นฉบับไม่เห็นมี แต่ถ้ามันดีก็น่าเอามาใช้ อีกอย่างที่น่าจะแตกต่างกันผมว่าน่าจะเป็นเรื่องกระบวนการเตรียมคนนะครับ แต่จริงๆ ผมว่านะเวลาทำ SWOT ถ้ามีกระบวนการเตรียมคนเหมือน EE ก็น่าจะดีครับ