ห้างฉัน**อยู่กลางนา กลางทุ่ง กลางโลกกว้าง
อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สายลม แสงแดด สายฝน อากาศบริสุทธิ์
ห้างนามักปลูกสร้างในบริเวณที่เป็นจุดตรงกลางพื้นที่นา
ที่ต้องปลูกตรงกลางก็เพื่อให้ระยะการเดินไปห้างจากหัวนา
ปลายนามีระยะทางเท่าๆ กัน
ห้างนาเป็นที่พักชั่วคราวระหว่างไปนา
ขนาดของห้างขึ้นอยู่กับจำนวนปริมาณคนในครอบครัว
ถ้าครอบครัวใหญ่มีหลายคนทั้งลูกเขยยังไม่แยกครัว
ก็จะปลูกห้างใหญ่หน่อย ครอบครัวเล็กๆ
พ่อแม่ลูกสามสี่คนก็เป็นห้างเล็ก
ประโยชน์ใช้สอยของห้างหลักๆ เลยก็คือเป็นเหมือนตะครัวของบ้าน
เป็นร้านอาหารย่อมๆ ของครอบครัวประมาณนั้นก็ได้
เป็นที่หลับนอนเอาแรงสักงีบ เมื่อต้องทำงานอย่างหนักในท้องนา
อธิบายภาพ ๑-๒ :
ทุ่งนาข้าวและห้างนาของชาวนาบ้านชุมแสง อำเภอชุมแสง
จังหวัดนครสวรรค์
ถ่ายภาพ
: วิรัตน์ คำศรีจันทร์ สิงหาคม ๒๕๕๓
อธิบายภาพ ๓ :
ทุ่งนาข้าวและห้างนาของชาวนาบ้านหนองบัวอำเภอหนองบัว
จังหวัดนครสวรรค์
ถ่ายภาพ : วิรัตน์ คำศรีจันทร์ สิงหาคม
๒๕๕๓
หน้าน้ำนองเมื่อไปหาปลา ปักเบ็ด ดักข่าย ดักรอบ ดักไซ ดักโต่ง
ห้างนานี่แหละเป็นที่นอนค้างคืนอันแสนสบายอบอุ่นจริงๆ
ในท้องนามีสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติล้วนๆให้ดูชมมากมาย
ทั้งพืชผักและสัตว์ ไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นมาเทียมๆ
ไร้ชีวิตชีวา
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เป็นความสัมพันธ์ในลักษณะพึ่งพาอาศัยซึ่งและกัน เคารพความมีอยู่ อยู่อย่างไม่คิดทำลาย หรืออยากจะกอบโดยเอามาเป็นของตัวแต่เพียงผู้เดียว
ทุกคนร่วมกันใช้ร่วมกันรักษาปกป้องดูแล ทำให้สภาพแวดล้อมไม่เป็นพิษ เน่าเสีย หรือปล่อยปละละเลยทอดทิ้งอย่างไม่รู้คุณค่า
ครอบครัวเล็กๆที่มีลูกคนแรกคนที่สองมักจะไม่มีคนเลี้ยงเด็ก พ่อแม่ต้องทำงานทำนา เลยต้องนำลูกน้อยไปนาด้วย เพราะถ้าแม่หยุดเลี้ยงลูกน้อยอยู่บ้าน งานนาก็จะขาดแรงงานไปหนึ่งแรง ฉะนั้นเพื่อให้การทำนาให้แล้วเสร็จเร็ว จึงจำเป็นต้องอาศัยแรงงานคนในครอบครัวทั้งหมดช่วยกัน แม้ครอบครัวนั้นจะมีลูกอ่อนก็ตาม
แม่ไม่มีโอกาสลาคลอด ลาหยุดงานนาเลย เท่าที่เห็นแม่เลี้ยงลูกมาสามสี่คน ทุกคนเติบโตในท้องนา นอนอู่บนห้างนาบ้าง บางครั้งก็ได้นอนอู่ใต้ต้นไม้ก็มี นอนอู่ใต้ถุนเกวียน-หรือท้ายเกวียนก็มี
เด็กบ้านทุ่งนั้นสุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรคไข้เจ็บอะไรมากนัก ไม่อ่อนแอ การเลี้ยงดูเป็นไปตามธรรมชาติให้ต่อสู้กับสิ่งรอบตัวด้วยความเป็นจริง ไม่ค่อยได้พะเน้าพะนออะไรมาก อะไรที่เป็นไปตามธรรมชาติมักเข้มแข็งเอาตัวรอดได้ ตรงข้ามกับการเป็นอยู่ที่หลีกเลี่ยงธรรมชาติ อาศัยสิ่งที่ปรุงแต่งมากๆ กลับมักอ่อนแอ
ฉันนอนอู่ที่ผูกไว้บนห้าง ฉันยังเห็นนกเอี้ยงมาเลี้ยงควายของแม่อยู่ทุกวัน ข้างๆห้างก็เป็นอันนามีน้ำขัง ฉันอยากเห็นปลา ฉันก็จะนำข้าวสุกซักหยิบมือน้อยๆ มาโปรยลงน้ำ สักครู่ก็จะมีปลาว่ายมากิน บางทีก็มีปู มีกุ้ง
ห้างของฉันไม่ได้ติดแอร์ ไม่มีห้องใต้ดิน ไม่มีลานจอดรถ มีแต่เกวียนของแม่จอดอยู่ แต่ฉันก็รู้สึกว่าห้างนาของแม่ฉันนี้เย็นสบายมากๆ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบทิศทาง มองเห็นได้ระยะไกลๆ และในท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่ที่มองเห็นจนสุดลูกหูลูกตานั้น จะมีห้างนาอยู่เรียงรายตามท้องทุ่งทั้งใกล้ไกล
แม้ห้างของฉันจะหลังเล็กๆแคบๆ แต่ก็เป็นห้างของเรา แม่ฉันทำขึ้นมาใช้เอง ชำรุดผุพังเสียหายก็ซ่อมแซมเองได้ ทรัพย์สินที่มีอยู่ในห้างทั้งหมดก็เป็นของเรา เราเป็นเจ้าของ
แม่ฉันทำงานหนัก ทำนาที่ต้องใช้แรงงานอย่างผู้ชายได้ทุกอย่างเหมือนอย่างพ่อ เป็นแม่บ้านต้องตื่นแต่เช้ามืด ตื่นก่อนคนในบ้าน ลุกมาหุงข้าว ทำอาหาร อาหารที่แม่ทำตอนเช้ามืดนั้น ต้องแบ่งเป็นหลายส่วนด้วยกัน สำหรับให้พ่อเฒ่า แม่เฒ่าได้ใส่บาตรตอนเช้า ใสปิ่นโตให้ลูกๆนำไปกินที่โรงเรียน ให้พ่อนำไปกินที่นา ทำให้ผู้อื่นได้กินก่อนแล้วตนเองจึงจะได้กิน
ตอนเย็นกลับจากนาแม่ก็ต้องเข้าครัวอีก กว่าจะเสร็จภาระงานครัว งานบ้าน ก็ตกดึก แม่จึงนอนทีหลัง ตลอดชีวิตของแม่ฉันนั้น แม่มีห้างหลายห้าง(นาแต่ละแปลงก็จะมีห้างนาอยู่หนึ่งหลัง-สองแปลงก็สองหลัง)
แม่ฉันไม่เคยเข้าห้าง ไม่เคยเดินห้าง ไม่รู้จักห้าง
แต่แม่ของฉันก็มีห้าง และเป็นเจ้าของห้างอีกด้วย.
...............................................................................................................................................................................
* บทความนี้เขียนและบันทึกถ่ายทอดไว้ในเวทีคนหนองบัว โดย ท่านพระคุณเจ้า พระมหาแล ขำสุข(อาสโย) ในชื่อหัวข้อเดียวกันนี้ที่ dialogue box 751 ของเวทีคนหนองบัว เพื่อให้เป็นแหล่งรวบรวมและค้นหาอ่านได้ง่าย รวมทั้งเพิ่มพูนศักยภาพการเขียนสะสมความรู้ สร้างวัฒนธรรมการอ่านและใช้ความรู้ในวิถีชีวิต ส่งเสริมให้ชาวบ้านและคนทั่วไปเข้าถึงความรู้ของท้องถิ่นที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ของคนจากชุมชน ผ่านระบบค้นหาความรู้และข้อมูลทางเทคโนโลยี IT บูรณาการมิติชุมชนเข้ากับเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรมความรู้ผสมผสาน ต่อยอดขึ้นจากพื้นฐานชนบท ซึ่งจะส่งเสริมให้ชุมชนมีภูมิปัญญาปฏิบัติในชีวิตและเป็นองค์ประกอบการก่อเกิดสุขภาวะและสังคมเข้มแข็งในชุมชน ผมจึงขอนำมารวบรวมไว้เป็นหัวข้อเฉพาะนี้อีกครั้งหนึ่ง และเพื่อให้ความเคารพในความสร้างสรรค์และมีส่วนร่วมเขียนข้อมูลความรู้จากเรื่องราวในวิถีชีวิตสะสมเป็นภูมิปัญญาสาธารณะ ผมจึงขอรักษาความเป็นต้นฉบับไว้โดยจัดย่อหน้าให้ง่ายต่อการอ่านและปรับแต่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
** หมายถึงผู้เขียน พระมหาแล ขำสุข (อาสโย)
ชอบบรรยากาศ จังเลยครับ ได้ไปเดินริมทุ่งคงจะสบายตัว สบายใจ
ภาพสวยมากครับ สาระดีมีประโยชน์ ขอบคุณที่ได้อ่านเรื่องดีดีแบบนี้
สวัสดีครับ คนเมืองก็อาจสงสัยประโยคคำว่า"
แม่ฉันไม่เคยเข้าห้าง ไม่เคยเดินห้าง ไม่รู้จักห้าง
แต่แม่ของฉันก็มีห้าง และเป็นเจ้าของห้างอีกด้วย."
แต่ถ้าอ่านตั้งแต่ต้นจนจบถึงจะหายสงสัยครับ
สวัสดีครับคุณสุริยาครับ
แม่ฉันไม่เคยเข้าห้าง ไม่เคยเดินห้าง ไม่รู้จักห้าง
แต่แม่ของฉันก็มีห้าง และเป็นเจ้าของห้างอีกด้วย.
ถ้อยคำข้างบนถูกใจจังครับ ผมก็เคยนอนห้าง หาปลูก หาปลา ตามที่บอกกล่าวไว้นั่นแหล่ะครับ
ชีวิตเด็กบ้านๆคนหนึ่ง..ฝนตกออกหากิน ไม่เคยได้เว้นว่าง
ปัจจุบันหายากแล้วครับที่จะนอนห้างกัน..
ส่วนมากก็กลับมานอนบ้านกันหมด
...วีถีสังคมงดงามแบบเก่าเริ่มจางหาย...
.........ภาพสวยดีครับ...........
...แม่ของยายธีเล่าให้ฟังตอนเด็กๆว่า...ยายธีเกิดในป่า..เพราะหนีภัยสงคราม...แม่ต้องอยู่ไฟที่หมอตำแยทำให้...ที่นอนอยู่ไฟคงจะเป็นห้างนี่เอง...ป่ากะนาเนียะคงจะเป็นพี่น้องกันได้ทางธรรมชาติเนอะ....สวัสดียายธีเจ้าค่ะ
เรียนท่านอ.
ชอบภาพท้องนาค่ะ ถ่ายได้สวยหมดจด สะกดตาคนมองเลยทีเดียว
สีเขียวของท้องทุ่งให้ความรู้สึกเป็นสุขใจไม่ต่างจากการอ่านเรื่องราวห้างของแม่
ที่สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมพื้นบ้านที่เข้มแข็ง อบอุ่นทั้งกายและใจในครอบครัวเดียวกัน
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์วิรัตน์
เรื่องราวที่งดงาม วิถีที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ภาพสวยงามมากๆ ค่ะทำให้คิดถึงขนำที่บ้านปู่ย่าตายาย แถวบ้านเรียกว่า หนำ หรือ ขนำค่ะ ขอบพระคุณเรื่องราวดีๆ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
สวัสดีครับครูหยุยครับ
สวัสดีครับคุณธนาครับ
สวัสดีครับคุณเส้าหลงครับ นึกถึงนอนห้างนา แล้วรอยามเบ็ดหาปูปลานี่ มีความสุขมากเลยนะครับ
สวัสดีครับยายธีครับ
ยายธีเล่าประสบการณ์การเกิดกับหมอตำแยในป่า เลยทำให้นึกถึงพี่หมออนามัยท่านหนึ่งที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ผมเพิ่งนั่งคุยกับแกมาเมื่อเดือนที่แล้ว และช่วงหนึ่งแกก็เล่าประสบการณ์ชีวิตให้ฟังว่าได้เคยทำคลอดให้ชาวบ้านกลางดึกในหมู่บ้านชนบทกลางดึก ไม่มีรถและไม่มีเวลาพอที่จะพาชาวบ้านเข้าไปโรงพยาบาลในตัวเมืองแล้ว เด็กกับแม่ของเด็กอาจจะเสียชีวิตแบบ ๕๐ : ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เลยนึกได้ครับว่าจะนำมาเขียนบันทึกไว้
เห็นด้วยกับยายธีอย่างยิ่งครับ อีกทั้งป่ากะนา ชนบทกับเมือง ภูผากับมหาสมุทร ท้องฟ้ากับผืนน้ำ นอกจากมีธรรมชาติเป็นพี่น้องกันแล้ว ก็เป็นพัฒนาการของสิ่งเดียวกันอีกด้วยครับ
สวัสดีค่ะ
อ่านบันทึกของอาจารย์ทำให้นึกถึงนักเรียนของครูคิมที่เขาหนีเรียนไปห้างเหมือนกันค่ะ แต่เป็นห้างนา
เพราะพวกเขาไม่รู้จักห้างสรรพสินค้าเช่นเดียวกับคุณแม่ของอาจารย์ค่ะ
ทุ่งนาสมัยนี้มันเขียวน้อยกว่าทุ่งนาสมัยก่อนหรือเปล่าคะอาจารย์
สวัสดีครับคุณครูต้อยติ่งครับ
ถ่ายจากทิวทัศน์สองข้างทางตอนกำลังขับรถให้แม่ไปร่วมกิจกรรมวันแม่ในตัวเมืองจังหวัดนครสวรรค์น่ะครับ น่านี้ทิวทัศน์ท้องนาในชนบทมีชีวิตชีวา สวยงามมากครับ ผมแวะถ่ายรูปเก็บไว้อยู่เรื่อยครับ
บรรยากาศ ห้าง นี้ สุดจะพรรณา เลยท่าน
สวัสดีครับคุณ poo ครับ
สวัสดีครับคุณครูคิมครับ คุณครูคิมสบายดีนะครับ นาข้าวที่สีเขียวอ่อนจนเนียน เห็นริ้วเป็นปุยฝอยๆอย่างนี้ จะต่างจากเมื่อก่อนนี้เยอะครับ สีเขียวอ่อนอย่างนี้ หากเป็นเมื่อก่อนจะเห็นจำเพาะตรงแปลงที่เพาะกล้า ส่วนที่เป็นผืนใหญ่ๆนั้น ต้นข้าวจะสูงและเป็นกอ สูงใหญ่และสีเขียวเข้มกว่านี้ เมื่อลมพัด ก็จะเป็นระลอกคลื่นเป็นริ้วหนากว่าเดี๋ยวนี้
เดี๋ยวนี้การทำนาส่วนใหญ่ใช้ข้าวที่เบากว่าข้าวเบาในอดีตอีกครับ ใช้เวลาเพาะปลูกกระทั่งเก็บเกี่ยวสั้นกว่าเมื่อก่อน อีกทั้งใช้หว่านมากกว่าปักดำ นาหว่านและเป็นข้าวเบามากกว่าจะหนาแน่นและเล็กฝอยเหมือนหญ้าอ่อนๆ
สวัสดีครับอาจารย์หมอ JJ ครับ ยิ่งห้างมุงจากเล็กๆอยู่ระหว่างต้นไม้พุ่มใบเขียวในภาพล่างแล้วละก็ ก็ยิ่งน่าม่วนอกม่วนใจมากเลยนะครับ คนที่อยู่กับสภาพแวดล้อมอย่างนี้กระมังครับถึงได้ทำให้เกิดเพลงลูกทุ่ง มันช่างสวยงามและน่ารื่นรมย์ต่อชีวิตจนต้องไหลอารมณ์ออกมาเป็นเพลง
อาจารย์เลยต้องตอบแทนท่านมหาแลเลยผมคาดว่าจะมีโอกาสได้ไปหนองบัว อยากให้ท่านมหาแล เขียนบันทึกจัง ผมชอบนอนห้างในหน้านา เดือนสิบน้ำนอง เดือนสิบสองน้ำคง เดือนอ้ายเดือนยี่ น้ำรี่ไหลลง คิดถึงตอนปักเบ็ดสนุกมาก ตอนนี้ไม่มีเวลาแบบนั้นอีกแล้วครับ
อาจารย์จะไปประมาณเมื่อไหร่ กิจกรรมกับกลุ่มไหน แบบไหน เผื่อพอมีเวลาที่จะสมทบกันทำกิจกรรมที่ผสมผสานกันไปด้วยได้น่ะครับ
เจริญพรอาจารย์วิรัตน์
เจริญพรคุณโยมสุริยา
เจริญพรคุณครูหยุย
เจริญพรคุณโยมธนา
เจริญพรคุณโยมเส้าหลง
เจริญพรคุณโยมยายธี
เจริญพรคุณครูต้อยติ่ง
เจริญพรคุณ poo
อนุโมทนาขอบคุณคุณ poo
เจริญพรคุณครูคิม
เจริญพรคุณหมอ JJ
รู้สึกคล้ายคุณหมอ JJ เลย ภาพถ่ายนี้ได้บรรยากาศแห่งลมหายใจในท้องทุ่งจริง ๆ
เจริญพรอาจารย์ขจิต
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล
และสวัสดีทุกท่านในเวทีคนหนองบัวครับ
เมื่อวาน วันศุกร์ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเป็นวิทยากรให้กับการประชุมเพื่อเรียนรู้แนวทางถอดบทเรียน ค้นหานวัตกรรมจากการทำงานของตนเองของเครือข่ายสุขภาพชุมชนและเครือข่ายโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพตำบล รพสต. จัดโดยศูนย์บริการสุขภาพภาคประชาชนภาคกลาง ได้ขอนำบทเรียนจากเวทีคนหนองบัว รวมทั้งบันทึกที่เขียนโดยพระคุณเจ้า ไปยกเป็นกรณีตัวอย่างให้กับที่ประชุมด้วยครับ
ภาพที่ ๑ ให้ดูตัวอย่างจากบทเรียนของพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล ลูกหลานคนหนองบัว ในการเขียนบันทึกข้อมูลและถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์ชีวิต ซึ่งในที่สุดได้กลายเป็นวิธีช่วยกันสะสมข้อมูลจากชุมชน เก็บไว้ในระบบที่ทั้งคนในชุมชนและจากสังคมสามารถเข้ามาท่องเรียรรู้ได้อย่างกว้างขวาง ทั้งในและต่างประเทศ
ภาพที่ ๒ เล่าให้ฟังและยกตัวอย่างการจำเป็นต้องพัฒนาวิธีทำงาน เพื่อเดินผสมผสานวิธีสร้างความรู้และจัดการความรู้ให้เชื่อมโยงกับวิธีที่ชาวบ้านทั่วไปในสังคมไทยถนัด ส่งเสริม และสามารถผสมผสานกันได้ของผมกับพระคุณเจ้าและคนในเวทีคนหนองบัว เช่น วิธีนำเอาการวาดรูป การเขียนบันทึกข้อมูล และการต่อเติมสานประสบการณ์ ทำให้มีวิธีสร้างความรู้และจัดการข้อมูลความรู้ชุมชนได้เป็นอย่างดีอีกวิธีหนึ่ง
ภาพที่ ๓ และ ๔ สุภาพสตรีในภาพนี้และกลุ่มของท่าน เป็น อสม.ดีเด่นระดับชาติครับ และที่ผมต้องประทับใจมากยิ่งขึ้นก็คือ เมื่อผมยกตัวอย่างงานเขียนของพระอาจารย์มหาแล และเรื่องต้นนุ่นกับวิธีทำเครื่องนอนจากนุ่น พร้อมกับเล่าถึงการเป็นเหตุให้ได้รู้จักกับสมาชิกครอบครัว วรัญญู ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการที่นอนจารุภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากของประเทศ พอเล่าให้ฟังแล้ว ก็ทำให้ท่านเดินเข้ามาแนะนำตัวว่าเรื่องต้นนุ่นของคนหนองบัวนี้ ทำให้ท่านมีความสุขมากที่ได้รำลึกถึงตนเองและรำลึกถึงกิจการของที่นอนจารุภัณฑ์เนื่องจากท่านเองนั้นคือผู้ที่เย็บที่นอนของบริษัทที่นอนจารุภัณฑ์เมื่อกว่า ๓๐ ปีก่อนนั่นเอง ความรู้จากเวทีคนหนองบัว ทำให้เห็นความงดงามและความส้รางสรรค์ของสังคมได้ไกลกว่าความเป็นท้องถิ่นของชุมชนเล็กๆมากทีเดียวครับ
ผมได้พยายามรวบรวมตัวอย่างของนวัตกรรมและการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ขึ้นมาใช้ ทั้งในชีวิตประจำวันของเราเองและในการทำงานส่วนรวม เพื่อหยิบยกข้อพิจาณาให้เห็นได้ว่าการมีความทันสมัยแต่ไม่พัฒนา กับการใช้นวัตกรรมที่มีความสร้างสรรค์และก่อเกิดควบคู่ไปกับการพัฒนาตนเองที่พอเพียงและทัดเทียมกับสภาพแวดล้อมที่จำเป็นนั้น มีความแตกต่างกันมาก เพื่อให้ที่ประชุมได้แนวคิดที่ชัดเจนในการถอดบทเรียนด้านที่เป็นนวัตกรรมที่ดีจากการทำงานชุมชนของตนออกมาให้ได้ เพื่อที่ผมจะช่วยเป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำให้
ตัวอย่างของเวทีคนหนองบัวนี้ ผมได้ยกเป็นตัวอย่างให้ได้ความคิดในหลายแง่ โดยเฉพาะการเรียนรู้ด้วยตนเองของกลุ่มคนที่เดินออกมาจากการรักชุมชน สำนึกผูกพันกับถิ่นฐานและภูมิปัญญาในวิถีชุมชน แล้วเดินเข้าสู่เครื่องมือและความทันสมัย เพื่อใช้เป็นวิธีพึ่งตนเอง จัดการให้ตนเองได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งดีให้กับสังคม ซึ่งนับว่าเป็นนวัตกรรมเชิงระบบสร้างความรู้และจัดการความรู้อย่างมีส่วนร่วม อีกทั้งผสมผสานโลกเสมือนของสังคม IT กับความเป็นจริงของชุมชนในท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม
กราบนมัสการพระคุณเจ้าพระมหาแล สวัสดีค่ะ อาจารย์วิรัตน์ ชาวหนองบัว และกัลยาณมิตรเวทีหนองบัวทุกท่าน
ในห้องประชุมมีพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงและราชินีด้วยครับ เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้งสองพระองค์ที่เมื่อก่อนชาวบ้านจะมีอยู่ตามบ้าน บ้านผมก็มี เหมือนในรูปในเรื่อง การน้อมตนสู่ความเป็นญาติพี่น้องกัน ในชุด ดังลมหายใจ ที่ผมเขียนให้แม่ใน GotoKnow นี้เลยละครับ
เจริญพรอาจารย์วิรัตน์
กราบนมัสการพระคุณเจ้าพระมหาแล ขำสุข(อาสโย)ครับ
ร่วมสะท้อนเพื่อเป็นกำลังใจแก่เวทีคนหนองบัวน่ะครับ โดยเฉพาะพระคุณเจ้า คุณเสวก กลุ่มพริกเกลือ คุณฉิก คุณสมบัติ(เอ..งวดนี้หายไปนานเลย) และทุกท่านนะครับ
สวัสดีค่ะ
มาตามคำแนะนำค่ะ
"แม่ฉันไม่เคยเข้าห้าง ไม่เคยเดินห้าง ไม่รู้จักห้าง
แต่แม่ของฉันก็มีห้าง และเป็นเจ้าของห้างอีกด้วย"
ซึ้งกินใจดีค่ะ ที่บ้าน พ่อกับแม่ เป็นเจ้าของห้างร่วมกันค่ะ (ห้างนา) น่ะค่ะ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
ทั้งเรื่องและภาพน่าประทับใจอย่างยิ่งค่ะ
โยมแม่ของท่าน เป็นเจ้าของห้างจริงๆค่ะ
ห้างนาที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและมีประโยชน์ใช้สอยอย่างให้คุณค่าแท้
คุณแม่ของดิฉันก็เกิดในครอบครัวชาวนาคุณตาเป็นครู คุณยายทำนา
ดิฉันได้ไปเที่ยวท้องนา(แถวหนองจอก กรุงเทพนี่เอง)บ่อยๆ สมัยเด็กๆ
จำไม่ได้ว่า มีห้างนามั้ย
ใจจดจ่ออยู่กับการวิ่งเล่น พายเรือ ปีนต้นไม้ค่ะ
......
ขอบพระคุณอาจารย์วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ที่นำเรื่องราวดีๆของพระคุณเจ้ามาลงเผยแพร่ค่ะ