![](http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/601/382/original_2401.jpg)
พระราชหัตถเลขาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีไปถึงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
๖ ตุลาคม ๒๕๔๗
พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นำเผยแพร่
ลูกพ่อ
ในพื้นแผ่นดินนี้ ทุกสิ่งเป็นของคู่กันมาโดยตลอด มีความมืดและความสว่าง ความดีและความชั่ว
ถ้าให้เลือกในสิ่งที่ตนชอบแล้ว ทุกคนปรารถนาความสว่าง ปรารถนาความดีด้วยกันทุกคน
แต่ความปรารถนานั้นจักสำเร็จลงได้ จักต้องมีวิธีที่จักดำเนินให้ไปถึงความสว่าง หรือความดีนั้น
ทางที่จักไปให้ถึงความดีคือรักผู้อื่น เพราะความรักผู้อื่นสามารถแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา
ถ้าให้โลกมีแต่ความสุขและเกิดสันติภาพ ความรักผู้อื่นจักเกิดขึ้นได้
พ่อขอบอกลูกดังนี้
1. ขอให้ลูกมองผู้อื่นว่า เป็นเพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตายด้วยกัน ทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ว่าอดีต..ปัจจุบัน..อนาคต
2. มองโลกในแง่ดี และจะให้ดียิ่งขึ้น ควรมองโลกจากความเป็นจริง อันจักเป็นทางแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง และเหมาะสม
3. มีความสันโดษ คือ
- มีความพอใจเป็นพื้นฐานของจิตใจ พอใจตามมีตามได้ คือได้อย่างไร ก็เอาอย่างนั้น ไม่ยึดติด ขอให้คิดว่ามีก็ดี ไม่มีก็ได้ พอใจตามกำลัง คือมีน้อยก็พอใจตามที่ได้น้อย
- ไม่เป็นอึ่งอ่างพองลม จะเกิดความเดือดร้อนในภายหลัง
- พอใจตามสมควร คือทำงานให้มีความพอใจเหมาะสมแก่งาน
- ให้ดำรงชีพให้เหมาะสมแก่ฐานะของตน
4. มีความมั่นคงแห่งจิต
คือให้มองเห็นโทษของความเกียจคร้าน และมองเห็นคุณประโยชน์ของความเพียร และเมื่อเกิดสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ให้ภาวนาว่า...มีลาภ มียศ สุขทุกข์ปรากฎ สรรเสริญนินทา เสื่อมลาภ เสื่อมยศ เป็นกฎธรรมดา อย่ามัวโศกา นึกว่า ‘ชั่งมัน’
พ่อ
๖/๑๐/๒๕๔๗
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระราชปรารภทิ้งท้าย
“ฉันหวังว่าคำสอนพ่อที่ฉันได้ประมวลมานี้ จะเกิดประโยชน์แก่ท่านผู้อ่าน ที่ได้พบเห็น และลูกอันเป็นที่รักของพ่อทุกคน
ฉันรักพ่อฉันจัง
สิรินธร”
เอกสารข้างบนนั้น ผมได้รับจาก blog ของ ศ.น.พ.วิจารณ์ พานิช จึงนำมาเผยแพร่ต่อ