กายใจไม่ใช่ตัวตนบังคับไม่ได้ ประสบการณ์การดูจิตเพื่อฝึกสติ21 จิตเศร้าวันเสาร์ สดชื่นวันจันทร์


13-8-52

ดิฉันไปอยู่สวนสันติธรรมในวันเสาร์ที่7สค.และเดินทางกลับวันจันทร์ที่9สค.53ค่ะ

เราออกจากบ้านตีห้ากว่าๆ     วันเสาร์นี้คนไม่มากนัก    เราต้องไปนั่งแถวหน้าเพราะอยู่ในกลุ่มที่อยู่วัด    ดิฉันส่งการบ้านว่าช่วงนี้หลงบ่อยๆ    ท่านบอกจิตดิฉันไม่ถึงฐาน    ฟังแล้วจิตหม่นหมองบ้างเพราะกังวลว่าทำไมจิตดิฉันมันชอบไม่ถึงฐาน(คงฟุ้งซ่านบ่อย    )

วันจันทร์เช้าก่อนกลับบ้าน    ต้องมาลาหลวงพ่อเพราะท่านไม่มีกิจออกไปแต่เช้า    มีน้องๆมาใหม่6คน    น้องคนที่นั่งเผชิญหน้ากับหลวงพ่อขอเปลี่ยนที่นั่งกับดิฉัน   ดิฉันดีใจเพราะท่านจะได้เห็นจิตดิฉันชัดเจนขึ้น    ท่านถามทีละคน    ดิฉันเล่าว่าค่อนข้างงานมากทำให้ฟุ้งซ่านบ่อยๆ    ทั่วไปก็เห็นกิเลสตัวเล็กๆเช่นขัดใจ รำคาญใจบ่อยขึ้น   เห็นร่างกายเป็นทุกข์บ้างแต่ไม่ได้คาดหวังอะไร   เป็นคนใจร้อนชอบเตะถูกโน่นถูกนี่ทำให้ชอบดูกายบ้าง ดูจิตบ้างแล้วแต่ว่าจะรู้อะไร    ท่านบอกว่าคนทำงานที่ภารกิจเยอะต้องหมั่นดูในชีวิตประจำวันที่พอมีเวลาเช่น   ทำงานแล้วเบื่อก็รู้ตัวว่าเบื่อ   อารมณ์อะไรที่เข้ามาระหว่างทำงานเช่นหงุดหงิดกับงานก็รู้    ดิฉันฟังแล้วสดชื่นขึ้นเพราะเราคงมาถูกทาง   แต่ไม่กล้าถามว่าขณะนี้เป็นอย่างไรเนื่องจากกำลังจะกลับบ้าน   อยากให้น้องๆคนอื่นถามบ้าง

สามีเรียนหลวงพ่อว่าดูจิตดูกายไม่เป็น   ศีลห้าดีขึ้น   ได้ยินหลวงพ่อติงว่าครั้งที่แล้วก็พูดแบบนี้ทำให้อดขำไม่ได้  

มาครั้งนี้ได้อยู่ศาลา4  ดิฉันเดินจงกรมค่อนข้างบ่อยเพราะนั่งสมาธิแล้วหลับ   ปกติเดินโดยจับมือไว้ข้างหลัง    ดูกายใจระหว่างเดิน    ช่วงหลังลองปล่อยมือและเดินธรรมดาเหมือนเดินไปทำงานแต่ช้าหน่อย  แต่หัดดูกายใจ  รู้สึกใจสบายขึ้นกว่าเดิม   คงใช้หลักว่าทำแล้วสบายใจ  ไม่แน่นอึดอัด

 มาครั้งนี้หลวงพ่อพาทุกคนหัดดูสภาวะเช่นให้ดูที่รูปภาพ  ให้หากระรอกในรูป   ท่านสอนให้เห็นจิตที่เกิดดับเกิดดับติดต่อกัน      ให้ยิ้มเต็มที่  ให้ทำหน้าบึ้งแล้วดูจิตตัวเอง   

ท่านเล่าว่าหนังสือพิมพ์มาสัมภาษณ์ครูบาป๋อง   ท่านบอกคนมีปัญญาทางโลกต่างจากมีปัญญาทางธรรม

ท่านเน้นเรื่องศีล5มากเพราะถ้าถือไม่ได้ก็อย่าหวังว่าจะมีสมาธิ

มาครั้งนี้ดิฉันรีบบอกครูบาป๋องว่าโยมแม่แอบเอากางเกงของลูกซึ่งเป็นสีขาวสมัยน้องใหม่จุฬาไปตัดขาใส่เองและเอากางเกงยีนอีกตัวไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน   ครูบาบอกไม่เป็นไร   ครูบาแมนฟังแล้วอมยิ้ม   ดิฉันสบายใจขึ้นเพราะกลัวผิดศีลถ้าเราเป็นอะไรไปก่อนเนื่องจากชีวิตเป็นของไม่แน่นอนค่ะ ( ดิฉันเป็นโรคชนิดหนึ่งคือชอบแก้กางเกงเก่าๆเอามาใส่ทั้งๆก็มีเงินซื้อแต่เป็นโรคเสียดายของค่ะ )

สิ่งที่เขียนคงถูกบ้างผิดบ้างเพราะไม่ได้จดและดูตำรา  อ่านเล่นๆได้เพราะดิฉันตั้งใจจะบันทึกไว้อ่านและทำให้เราตั้งใจปฏิบัติโดยไม่ขี้เกียจค่ะ

หมายเลขบันทึก: 384504เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2010 16:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท