วันก่อนได้อ่านหนังสือของท่าน ว.วชิรเมธี เป็นเรื่องของนายฉันนะ ซึ่งน่าจะให้ข้อคิดอะไรหลายอย่างได้ดี ผมเลยไปค้นคว้าเพิ่มเติมจากที่อ่านมาบ้าง เรื่องมีอยู่ว่า นายฉันนะที่หลายๆ คนในพุทธศาสนารู้จักดี ว่าเป็นคนที่ออกเดินทางไปกับเจ้าชายสิทธัตถะ และม้ากัณฐกะ ตอนที่ เจ้าชายสิทธัตถะออกผนวช และต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะก็ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความที่เป็นผู้ใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่สมัยอยู่ในวัง (จริงๆ นายฉันนะยัง ถือว่าเป็น สหชาติ กับพระพุทธเจ้า สหชาติ คืออะไรค่อยเล่าให้ฟังวันหลัง) ภายหลังเมื่อได้มาบวชจึงมีความสำคัญตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่ฟังใครสั่งสอนทั้งสิ้น ไม่ว่าผู้นั้น จะบวชมาก่อนท่านมากน้อยแค่ไหน แม้แค่พระอัครสาวกทั้งสองคือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ยังถูกท่านด่าทออยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุที่ว่าท่านรู้จักกับพระพุทธเจ้า มาก่อนใครๆ แม้แต่พระพุทธองค์ทรงเรียกมาตักเตือนถึง 3 ครั้ง ท่านก็ไม่สนใจ พระภิกษุสงฆ์ต่างๆ ก็ระอาในพระฉันนะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อาจเนื่องจากเกรงอกเกรงใจ พระพทธเจ้า (อันนี้ผมคิดเอง เพราะในปัจจุบันเราพบเจอคนแบบนี้เยอะ แต่ก็ไม่อยากยุ่งเพราะเกรงอกเกรงใจคนใกล้ชิดของเขา) เหตุการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ จนกระทั้งพระพุทธองค์ทรงปรินิพพาน บรรดาเหล่าพระภิกษุสงฆ์ก็ไม่มีใครสนใจในพระฉันนะอีก ไม่ว่าพระฉันนะจะทำผิดหรือทำถูกอย่างไร รวมทั้งไม่มีใครสนทนาด้วย ผ่านไปหลายเดือนก็เริ่มอึดอัด จึงไปถามพระอานนท์ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ พระอานนท์จึงบอกว่าก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จปรินิพพาน ได้บอกไว้ว่า ท่านฉันนะเป็นคนที่ ไม่มีใครสามารถสั่งสอนได้ ดังนั้นเมื่อท่านปรินิพพานไปแล้ว ขออย่าให้มีท่านใด ไปยุ่งเกี่ยวกับพระฉันนะ ไม่ว่าพระฉันนะจะทำอะไรก็ตาม (บางตำราบอกว่า พระพุทธองค์ทรงสั่งให้ลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ) พระฉันนะได้ยินดังกล่าวก็เศร้าโศกเป็นอย่างมาก เพราะเห็นว่าพระพุทธองค์ยังทรงนึกถึงตนแม้ก่อน ปรินิพพานยังสั่งเสียเรื่องของตนเอง คิดอย่างนั้นก็เป็นลมล้มพับไป 3 รอบ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็เริ่มกลับตัวกลับใจ หันมารับฟังผู้อื่น สุดท้ายก็นำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และคำแนะนำของคณะสงฆ์ มาปฏิบัติจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
เรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไรได้หลายอย่าง เรื่องแรกคือหากยึดถือความเป็นตัวตน (ซึ่งจริงๆ ก็ไม่มีตัวตน) ก็ยากที่จะรับฟังผู้อื่น เมื่อละความเป็นตัวตนแล้ว ก็มีคนที่พร้อมจะให้หลายๆ อย่างกับเรา เรื่องที่สองมุมมองของพระฉันนะเป็นมุมมองที่น่าสนใจ เพราะเมื่อพระพุทธเจ้าทรงสั่งห้ามไม่ให้ใครยุ่งกับท่าน หากเป็นท่านอื่นอาจยิ่งโกรธ หรือโมโห แต่พระฉันนะกับมองเห็นเป็นเรื่องดีที่พระพุทธเจ้ายังทรงห่วงใยท่าน เช่น เดียวกันบางครั้งคนที่รักเราหรือเป็นห่วงเราอาจมีวิธีการหรือการกระทำที่อยากให้เราเป็นคนดีแบบที่อาจคิดว่าไม่ไดีก็ได้ ประการสุดท้ายเมื่อพระฉันนะเริ่มที่จะเปิดรับฟัง รับความคิดเห็นของผู้อื่น ก็ประสบความสำเร็จได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่แฝงอยู่ก็ลองคิดเพิ่มเติมเองครับ
ไม่มีความเห็น