หลุมพรางอันหนึ่งจากประสบการณ์ของ สคส. ก็ คือ เมื่อใดก็ตามที่หน่วยงานหรือองค์กร ต้องการทำ KM เพื่อให้ได้ทำ KM แล้ว ตรงนี้ ที่เรามองว่าเป็นหลุมพรางใหญ่และลึกมาก เพราะหากมีฐานคิดอย่างนี้ แน่นอนการทำก็จะมุ่งไปที่เป้าหมายที่งอกมาใหม่ คนทำงานจะรู้สึกว่าเป็นภาระเพิ่มขึ้นแน่นอน
คำแนะนำจาก สคส. ก่อนจะเริ่มทำ KM ก็จะถามเสมอว่า "ท่านจะทำ KM เพื่อบรรลุอะไร?" เพราะเราเชื่อว่า KM เป็นแค่เครื่องมือที่จะไปช่วยให้การทำงานที่เรามุ่งหวังนั้นสำเร็จลงไปได้ ตรงที่บรรลุอะไรนี่หละ คือ "ดอกไม้ปลายทาง" เป้าหมายใหญ่ หรือธงใหญ่ที่เราวาดฝันว่าจะไปให้ถึง KM ก็คงเป็นเพียงเรือให้พายไปเด็ดดอกไม้ที่ปราถนาเอาไว้เท่านั้นเอง
แต่ KM จะให้ความสำคัญที่การเรียนรู้ของคนในระดับปัจเจกด้วย เปรียบเหมือนระหว่างทางของการทำงานจะเกิดความรู้มากมาย เกิดขึ้นในขณะทำงาน การเรียนรู้เหล่านี้แหละที่เรียกว่า "ดอกไม้รายทาง" เป็นดอกเล็กๆที่บานเต็มไปหมด แต่คนมักจะมองข้าม มุ่งแต่จะไปเด็ดดอกใหญ่ที่หมายปองไว้แต่ตอนแรก การมุ่งทำเพื่อเป้าหมายใหญ่เพียงอย่างเดียวนั้น จึงเปรียบเปรยเหมือนกับการที่เรามองข้าม ความรู้หน้างานเล็กๆที่งดงามด้วยกระบวนการสร้างความรู้ขึ้นมาใช้เองของมนุษย์ ซึ่งถือเป็นทุนสำคัญของหน่วยงาน องค์กร ชุมชน ช่วยให้หน่วยงานมีชีวิตชีวาอยู่ได้
ดอกไม้รายทาง จึงสำคัญมากในมุมมองของการเรียนรู้ โดยเฉพาะการเรียนรู้ของคนตัวเล็กๆหน้างาน
เห็นด้วยกับบันทึกนี้ของคุณธวัชมากครับ
บานสะพรั่งเรียงรายมีหลายดอก
คือบ่งบอกปัญญามหาศาล
รวมความคิดจิตใจใส่วิญญาณ
พร้อมเบ่งบานเพื่อวันพรุ่งจรุงใจ
ร้อยดวงใจหลอมปัญญาพากันก้าว
แม้เหน็บหนาวเหนื่อยหนักก็พักได้
เพื่อดอกเดียวที่บานรอต่อหลักชัย
เอื้อมคว้าไว้ให้ความรู้สู่ปวงชน
อาจารย์ธวัชเข้าใจเปรียบเทียบนะคะ ดีจัง
เป็นจริงอย่างคุณธวัชบันทึกไว้นะครับ บางหน่วย/องค์กรทำเพื่อให้เป็นเป้าหมายปริมาณ