กรอบแนวคิดในการศึกษาภาวะผู้นำ
จากการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับภาวะผู้นำพบว่า นักวิชาการได้ทำการศึกษาวิจัยภาวะผู้นำตามแนวคิดดังต่อไปนี้
1. แนวคิดเชิงอำนาจ – อิทธิพล (Power – Influence approach) เป็นแนวคิดการวิจัยที่มุ่งเน้นลักษณะอำนาจของผู้นำ รูปแบบของอำนาจลักษณะการอำนาจ ตามกรอบแนวคิด ทฤษฎีฐานอำนาจทางสังคม (The Base of Social Power) ซึ่งนำเสนอโดย เฟรนช์ และราเวน (Frence and Raven,1959,1989:441-444) ที่อธิบายถึงปรากฏการณ์ของอำนาจและอิทธิพลในความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมผู้ใช้อำนาจกับปฏิกิริยาของผู้รับอำนาจ จะสามารถอธิบายอำนาจและอิทธิพลที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงได้ 3 ประการ กล่าวคือ 1)การเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยา เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในเรื่องของความคิดเห็น ทัศนคติ เป้าหมาย ค่านิยม และความต้องการที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาบุคคล 2)อิทธิพลทางสังคมเป็นอิทธิพลของผู้บังคับบัญชาที่สามารถควบคุมและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชา 3)อำนาจทางสังคม เป็นความสามารถของผู้บังคับบัญชาที่มีอิทธิพลเหนือผู้ใต้บังคับบัญชา จากแนวคิดดังกล่าวนี้ เฟรนช์และราเวน จึงได้กำหนดอำนาจทางสังคมออกเป็น 5 ฐาน คือ
1. อำนาจการให้รางวัล (Reward Power) เป็นอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับรู้ว่าผู้บังคับบัญชามีความสามารถที่จะให้รางวัลตอบแทนการยินยอมปฏิบัติตาม ที่การแสดงพฤติกรรมที่พึงปรารถนาอย่างเหมาะสมและยุติธรรม
2. อำนาจการบังคับ (Coercive Power) เป็นอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับรู้ว่าผู้บังคับบัญชามีความสามารถที่จะบังคับให้ปฏิบัติตาม หรือลงโทษผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม เพื่อรักษามาตรฐานหรือกำกับดูแลให้มีแนวทางปฏิบัติตามที่ได้กำหนดไว้
3. อำนาจตามกฎหมาย (Legitimate Power) เป็นอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับรู้ว่าผู้บังคับบัญชามีอำนาจที่มาจากตำแหน่งที่มีพื้นฐานมาจากกฎระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่งขององค์การที่ทำให้การใช้อำนาจมีความชอบธรรม ภายใต้ขอบเขตของอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย
4. อำนาจการอ้างอิง (Referent Power) เป็นอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับรู้ว่าผู้บังคับบัญชาบนพื้นฐานของความศรัทธาเลื่อมใส การยอมรับ และความนิยมชมชอบในบุคลิกภาพความเฉลียวฉลาด ความประพฤติ และการปฏิบัติตนในด้านคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ อันเป็นแบบอย่างที่ดี
5. อำนาจความเชี่ยวชาญ(Expert Power) เป็นอำนาจที่เกิดจากองค์ความรู้ในสาขาวิชาชีพ ความสามารถในทางวิชาการ ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ เพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศ เกิดประสิทธิผลต่อองค์การตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
2. แนวคิดเชิงคุณลักษณะ (Trait Approach) เป็นแนวคิดการวิจัยที่มุ่งเน้นศึกษาคุณลักษณะภาวะผู้นำตามทฤษฎีเชิงคุณลักษณะ (Traits Theory) ที่นักวิชาการได้ศึกษาคุณลักษณะภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพไว้ ดังเช่น แบสและสตอกดิลล์ (Bass and Stogdill:1990)ได้เสนอคุณลักษณะภาวะผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย 1)คุณลักษณะด้านสติปัญญา ได้แก่ การมีไหวพริบ มีปฏิญาณ มีความรอบคอบ มีเหตุผล มีการตัดสินใจ 2) คุณลักด้านบุคลิกภาพ ได้แก่ความสามารถในการปรับตัวตามสภาพสิ่งแวดล้อม มีคุณธรรม จริยธรรม 3) คุณลักษณะด้านความสามารถ ได้แก่ความรู้ความสามารถในด้านวิชาการ ทักษะการนำเทคนิคในการบริหารจัดการองค์การ นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเกี่ยวกับคุณลักษณะของผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกัน คือ คุณลักษณะทางกายภาพ (Physical Traits) คุณลักษณะทางสังคม (Social Traits) คุณลักษณะทางบุคลิกภาพ (Personality Traits) ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะผู้นำที่มีต่อการพัฒนาองค์การได้
3. แนวคิดเชิงพฤติกรรม (Bahavior approach) เป็นแนวคิดการวิจัยที่มุ่งเน้นศึกษาแบบภาวะผู้นำ (Leadership Style) ตามผลการศึกษา ทฤษฎีภาวะผู้นำของมหาวิทยาลัยโอไฮโอ (Ohio State Leadership Studies) ที่คำนึงถึงผู้อื่นเป็นหลัก (Consideration Structure) และที่คำนึงถึงตนเองเป็นหลัก(Initiating Struetivire) นอกจากนี้ผลการศึกษาภาวะผู้นำของมหาวิทยาลัยมิติแกน (The Michigan Leadership Studies) ที่มุ่งเน้นการศึกษาพฤติกรรมการมุ่งความสำคัญที่งาน (Task-oreinted behavior)และมุ่งเน้นการศึกษาพฤติกรรมความสำคัญที่คน (Relationship-oreinted behavior)นอกจากนี้ยังมีแนวคิดอื่น ๆ ที่ศึกษาในเชิงพฤติกรรม ดังเช่น แนวคิดทฤษฎสามมิติของเชดดิน (Tri-Dimension Thory) ที่มุ่งศึกษาพฤติกรรมผู้นำเป็นสามมิติ คือ มิติด้านกิจสัมพันธ์ (Task Oriented) มิติด้านสัมพันธภาพ (Relationship orientation) และมิติด้านประสิทธิภาพ (Effective orientation) ตลอดจนแนวคิดของเมคเกรเกอร์( Mc.Gregor) ที่มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อแรงจูงใจในการทำงาน คือ ทฤฎีเอกซ์ (Theory X) ที่ผู้บริหารใช้แรงจูงใจที่เหมาะสมในการกำกับดูแลสมาชิก นอกจากนี้เบรกและมูตัน (Blake and Mouton:1964) ยังได้นำเสนอแนวคิดในตาข่ายภาวะผู้นำ (Leadership Grid) เพื่อใช้เป็นมุมมองของผู้นำที่มีการมุ่งงาน (Concern for Peple) ซึ่งอธิบายให้เห็นถึงตำแหน่งผู้นำที่มีอยู่ 5 แบบ คือ 1)แบบภาวะผู้นำที่ด้อยคุณภาพ (Impoverished) 2)แบบภาวะผู้นำที่มุ่งเผด็จการ (Authority complance Managerment) 3)แบบภาวะผู้นำที่มุ่งแบบสโมสร (Country club management) 4)แบบภาวะผู้นำที่มุ่งทีม (Team management) และ 5) แบบภาวะผู้นำที่มุ่งสายกลาง (Middle of the road management) ที่ผู้นำองค์การควรจะได้ตระหนักในการบริหารจัดการองค์การ ซึ่งผู้นำเสนอแนวคิดตาข่ายภาวะผู้นำมีความเชื่อว่าการบริหารแบบเป็นทีม จะมีคุณค่ามากที่สุดในการบริหารจัดการองค์การ
4. แนวคิดเชิงสถานการณ์ (Situational approach) เป็นแนวคิดการวิจัยที่มุ่งเน้นค้นหารูปแบบและลักษณะผู้นำที่ได้จากการบริหารในสถานการณ์จริง ซึ่งทฤษฏีภาวะผู้นำเชิงสถานการณ์จะต้องสร้างรูแบบผู้นำด้วยการมีแนวทางเฉพาะเจาะจง ตามแนวคิดของนักทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงสถานการณ์ ดังเช่น ทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงสถานการณ์ที่มีประสิทธิผลของฟีดเลอร์ (Fiedler’x Contingency Theory of Leadership effectiveness) ทฤษฎีภาวะผู้นำวิถีทางสู่เป้าหมายของเฮาส์และมิทเชลล์ (Path Goal Contingency Theory of Leadership)ทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงสถานการณ์ของเฮอร์เซย์ และบลันชาร์ด (Hersey-Blanchard’s Situational Theory) ซึ่งอธิบายถึงลักษณะของผู้ตามอันเป็นปัจจัยสำคัญของสถานการณ์ที่จะมีความพร้อมในสองลักษณะคือ ความสามารถ (Ability) และความมุ่งมั่น (Willingness) เป็นองค์ประกอบสำคัญของการใช้บทบาทการนำตามสถานการณ์ขององค์กร
5. แนวคิดเชิงบูรณาการ (Integrative approach) เป็นแนวคิดการวิจัยที่มุ่งเน้นการบูรณาการกรอบแนวคิดทฤษฎีภาวะผู้นำที่มีการประสมประสานคุณลักษณะต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้ทันต่อกระแสความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การวิจัยภาวะผู้นำตามแนวคิดเชิงบูรณาการ จึงประกอบด้วย กรอบแนวคิด (Conceptual framework) ในลักษณะการบูรณาการด้านคุณลักษณะ(Traits)พฤติกรรม (Behavior)อำนาจและอิทธิพล (Power and Influent) และสถานการณ์ (Situational)
ที่มา : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรวิทย์ จินดาพล,เอกสารประกอบการบรรยายภาวะผู้นำ การสร้างทีมงาน และการนำทีม.
ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ
ท่านมีรายละเอียดเกี่ยวกับทฤษฎีภาวะผู้นำแบบบูรณาการหรือไม่ถ้ามีขอความอนุเคราะห์ส่งให้ด้วยนะครับ