เชิญเจ้าที่ขึ้นยอดมะพร้าว


นึกแล้วคงเป็นเพราะตาเป้า บอกให้พระภูมิหลบไปอยู่บนยอดมะพร้าวแล้ว ไม่ได้บอกให้กลับเข้าศาลเหมือนเดิมนั่นเอง พอไปโค่นต้นมะพร้าวเขาจึงไม่มีที่ไป ก็เลยมาจับแขนถาม

เชิญเจ้าที่ขึ้นยอดมะพร้าว

ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่ได้มีโอกาสไปทำบุญวันเข้าพรรษาที่บ้าน และได้มีโอกาสพาแม่ไปไหว้หลวงพ่อเพชรที่วัดท่าหลวง ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญประจำจังหวัดพิจิตร เพราะนอกจากจะมีหลวงพ่อเพชร แล้ว วัดนี้ยังถูกจัดให้เป็นสนามกีฬาทางน้ำประจำจังหวัดด้วยคือ สนามแข่งขันเรือยาวประเพณี ชิงถ้วยพระราชทานอีกด้วย

ระหว่างก็มีรถบรรทุกที่มีเครื่องยนต์ที่ใช้ในการเกษตรเป็นต้นกำลังแล่นสวนมาเป็นระยะๆ ในกระบะบรรทุกไม้ที่ตัดขึ้นมาจากท้องทุ่งนาเป็นท่อนๆ ยาวประมาณท่อนละ เมตรเห็นจะได้ จากการประมาณด้วยสายตา

ถามแม่ว่าเป็นไม้อะไร

“ไม้มะม่วงบ้าง ยูคาลิปตัสบ้าง สะเดาบ้าง ฉำฉาบ้าง (จามจุรี)”

บางคนก็เอาไปขายให้กลุ่มผลิตเฟอร์นิเจอร์ บ้างก็เอาไปเผาถ่าน

เลยทำให้นึกถึงการรณรงค์ปลูกป่าสามอย่างประโยชน์สี่อย่างขึ้นมา นี่คงเป็นอย่างที่ สี่ ซินะเพราะเป็นประโยชน์ในการเอามาทำฟืนทำถ่านของชาวบ้าน เหมือนในยุ้งถ่านของแม่เลย ที่บางครั้งยังได้เอากลับกรุงเทพไปด้วย

พอพูดถึงการตัดไม้ แม่ก็เลยเล่าให้ฟังว่า

“มันไม่น่าเชื่อนะไอ้ทิด ตาเป้าก็ตายไปตั้งนานแล้ว เพิ่งจะมามีเรื่อง”

อ้าว เรื่องอะไรกันละ เรื่องตาเป้าตายหรือไง

เหตุมันมีอยู่ว่าเมื่อตอนที่ตาเป้ายังอยู่นั้น แกไปตัดกิ่งมะม่วงที่มันแผ่กิ่งก้านออกมา และเมื่อปล่อยให้มันโตขึ้น ใหญ่ขึ้น มันอาจจะหักลงมาทับข้างของอย่างอื่นเสียหายได้ จำเป็นต้อง ริก้าน กรานกิ่งลงมาบ้าง แต่คำนวณดูแล้วมันอาจจะหักลงมาใส่ศาลพระภูมิบ้างเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าโชคร้าย แต่ถ้าโชคดี พยายามแล้วเฉี่ยวบ้างก็คงไม่เสียหายอะไร

แกก็เลยพูดดังๆ คล้ายเป็นการบอกกล่าวให้พระภูมิรู้ตัว

อ้าว...! จะตัดกิ่งไม้นะ หลบไปอยู่บนยอดมะพร้าวต้นนั้นก่อน เดี๋ยวกิ่งไม้มันจะหักใส่เอา.......

แกพูดอย่างนั้นแล้วก็ชี้ไปยังต้นมะพร้าวที่อยู่ใกล้ๆ ที่สูงเลยหลังคาบ้านไปเล็กน้อย แล้วแกก็ลงมือ ริก้าน กรานกิ่งมะม่วง จนเรียบร้อย

ก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

จนแก ล้มหายตายจากไป ได้เกือบสามปีแล้ว

ต้นมะพร้าวต้นนั้นก็สูงเลยหลังคาบ้านไปมากแล้ว ลูกหลานแกก็กลัวว่าทางมะพร้าวหรือไม่ก็ลูกมะพร้าวแห้งมันจะตกใส่หลังคาบ้านเสียหาย ก็จึงไปจ้าง ไอ้ชัยมาโค่นทิ้ง เพราะมะพร้าว จะไปริก้าน กรานกิ่งไม่ได้ มันไม่มีกิ่งก้านนั้นเอง

นับแต่ที่มะพร้าวค้นลงมา ดารณี หลานตาเป้าคนที่ไปจ้างไอ้ชัยมาโค่นมะพร้าวก็มีอันแขนขวาชา ยกไม่ขึ้น ไปหาหมอ ตรวจ ฉีดยา กินยา กายภาพบำบัด สองสามเดือนมาแล้วก็ยังไม่หาย หรือไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาเบาบางลงได้บ้างเลย

จนมีคนแนะนำให้ลองไปหาจ่า คนหนึ่งซึ่งเขามีความรู้ที่จะดูได้ ก็ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร

พอไปดู จ่าแกก็ทักว่า ถูกเจ้าที่ ลงโทษ เพราะไปตัดต้นไม้ที่เขาอยู่ เขาเลยไม่รู้จะไปอยู่ไหน ให้ไปจุดธูป บอกกล่าว อัญเชิญเขามาอยู่ที่ศาลเหมือนเดิมซะ เท่านั้นแหละ

คนเรามันถึงทางตัน ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องลองทำดู

ไก่ตัว เหล้าขวด อาหารคาวหวาน ต้มขาวต้มแดง ผลไม้ น้ำ จุดธูปเทียน อัญเชิญกลับเข้ามาอยู่ที่ศาลตามเดิม

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

หลังจากนั้นได้สองสามวันอาการแขนชา ที่ต้องไปหาหมอ กินยา ฉีดยา กายภาพบำบัด ไม่ได้ผล ก็ค่อยๆ หายจนเป็นปกติ

หลายคนในครอบครัวนึกแล้วคงเป็นเพราะตาเป้า บอกให้พระภูมิหลบไปอยู่บนยอดมะพร้าวแล้ว ไม่ได้บอกให้กลับเข้าศาลเหมือนเดิมนั่นเอง พอไปโค่นต้นมะพร้าวเขาจึงไม่มีที่ไป ก็เลยมาจับแขนถามว่า

“จะให้ข้าไปอยู่ที่ไหน...”

แต่ดารณีไม่ได้ยิน ก็เลยไม่ได้บอก

ท่านก็จับแขนถามอยู่อย่างนั้น จนแขนชา ยกไม่ขึ้นเป็นไปได้..................

Sekpornsawan  boonpetch

หมายเลขบันทึก: 382455เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2010 07:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

น่าจะเป็นไปได้นะคะ  ทุกสรรพสิ่ง ต้องมีเหตุ  ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท