บึงบ่าง


เหมือนเกาะๆ หนึ่งที่อยู่ท่ามกลางท้องทุ่งนาบางครั้งยามวิกาล สามสี่ทุ่ม หรือตีหนึ่งตีสอง จะมีลูกไฟ เหมือนบั้งไฟพญานาค ทางอีสานนั่นแหละ เป็นลูกไฟสีนวลเหมือนพลุส่องสว่างของทหาร ลอยสูงกว่ายอดไม้นิดหน่อย

บึงบ่าง

ความรุ่งเรือง ความเจริญทางด้านวัตถุ ไม่เคยจีรังยั่งยืน มีเกิดขึ้น มีดับสูญ มีรุ่งเรือง มีเสื่อมถอย เป็นไปตามวิบากกรรม “กมฺมุนา วตตีโลโก” สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

แถวบ้านที่ผมเคยอยู่มาในวัยเด็กนั้นเมื่อก่อนจำได้ว่าเคยหาบกระจาดเอาผักริมรั้ว ผักบุ้ง ผักสวนครัวไปขายตลาดเช้าที่ตลาดตำบลทุ่งโพธิ์ ตอนนั้นผมประมาณ 7-8 ขวบ ไปกับแม่

เดี๋ยวจะงงขออธิบายก่อน

ผักริมรั้ว คือ ตำลึง ชะอม กระถิน

ผักสวนครัว คือ พริก มะเขือ ถั่วหลา (ถั่วฝักยาว) กระชาย ข่า ฯลฯ

ตีห้าไปถึงตลาดก็จัดเรียงผักให้สวยงาม พริกก็ใส่กระทงใบตอง ถั่วก็มัดด้วยตอก

กระทงละ 50 สตางค์

กำละ 50 สตางค์ 3 กำบาท

เป็นตลาดที่เจริญมาก มีกาแฟขาย มีร้านขายของหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นของชำ ร้านตัดเสื้อ ร้านขายผ้า ร้านทอง เจริญมากครับเพราะมีโรงหนัง 2 โรง เขาเรียกวิกหนัง และมีไฟฟ้าใช้ด้วยครับ เป็นไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟ

ที่บ้านจุดตะเกียง ที่ตลาดมีไฟฟ้า

ระยะทางจากบ้านไปทางตลาดไม่ไกลมาก และมีโรงสีไฟ (โรงสีข้าว) ถึง 4 โรงใหญ่ๆ เลยทีเดียว

เรียกว่าเจริญมาก ก ก ก

เดียวนี้ ร้าง ไม่มีผู้คน ผ่านไปครั้งสุดท้ายเงียบมาก ห้องแถวไม้ โทรมๆ ปิดเงียบผู้คนไม่ผ่าน โรงหนังถูกรื้อไปหลายปีแล้ว

โรงสีไฟ เหลือดำเนินการอยู่โรงเดียว นอกนั้นถูกยึด(ธนาคาร) ปิดตัวเป็นโกดังร้าง

ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน จริงแท้

ประเทศเรากล่าวว่าเป็นเมืองพุทธ  มีวัดวาอารามอยู่มากมายทั่วไปหมด

 มีวัด จำนวน 31,071 แห่งในประเทศไทย (ไม่รวมวัดร้างจำนวน 5,004 แห่ง) และสำนักสงฆ์ 11,849 แห่ง

วัดบึงบ่างก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่อยู่ในจำนวน 5,004 วัดที่ร้าง เป็นป่าต้นไม้ต้นวัชพืชขึ้นปกคลุม เต็มไปหมด

เหมือนเกาะๆ หนึ่งที่อยู่ท่ามกลางท้องทุ่งนาบางครั้งยามวิกาล สามสี่ทุ่ม หรือตีหนึ่งตีสอง จะมีลูกไฟ เหมือนบั้งไฟพญานาค ทางอีสานนั่นแหละ เป็นลูกไฟสีนวลเหมือนพลุส่องสว่างของทหาร ลอยสูงกว่ายอดไม้นิดหน่อย

ถามพ่อ ว่าเป็นไฟอะไร

เคยได้รับคำตอบว่าเป็นไฟของผีเฝ้าสมบัติ

ประมาณว่าเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ประมาณนั้น

ความอุดมสมบูรณ์ของเขตบึงบ่าง มีมาก ทำให้หลายคนเข้าไปหา เข้าไปล่า และพบเรื่องราวต่างๆ

คนที่ทำนาอยู่ติดกับพื้นที่เขตบึงบ่าง ก็พยายามจะเพิ่มพื้นที่ทำกินให้ตัวเอง จ้างรถ เบคโฮ เข้าไปแผ้วถางป่าเพื่อจะทำนา ก็พบเหตุการณ์ ต่างๆ เช่น

เครื่องดับ

สลักตีนตะขาบหลุด

ท่อไฮโดรลิคแตก

ไม่น่าเชื่อว่าเป็นไปได้ แต่ บางครั้ง บางโอกาสที่โชคดี เดินไป เจอเต่า

แต่เป็นเต่าหิน พอจับยกขึ้นดู พบสร้อยข้อมือบ้าง สร้อยคอบ้างที่เป็นทองคำ ไม่รู้มาจากไหน

กลางวันยังไม่ค่อยจะมีใครกล้าเข้าไปในเขตนี้ เพราะฉะนั้นกลางคืนไม่ต้องพูดถึง

มีคนเขาไปหาหนูนา ตอนกลางวัน ไปกันห้าคน ก็เดินหาไปเรื่อย ได้พอประมาณ ก็เดินพลาดเข้าไปในเขตบึงบ่างโดยไม่รู้ตัว

ก็เลยวนเวียนอยู่ในเขตป่าเล็กๆ นั้น

หนึ่งในนั้นเคยเล่าให้ผมฟัง

เดินไปครั้งแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะยังไม่รู้ ว่าอยู่ในเขตบึงบ่าง

เจอเปลเหล็ก ที่สำหรับเด็กน้อนนอนสีเขียว ถูกทิ้งไว้

เดินไปเรื่อย เจออีก ........ ชักเริ่มเอะใจ

เดินไปเรื่อย เจออีก ........ สังเกตุต้นไม้และลักษณะเปล

เดินไปเรื่อย เจออีก ........ ชักแน่ใจ

เพราะใช้เวลาเดินนานแล้ว เหมือนเดินวนอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวก็มาที่เก่า เดี๋ยวก็มาที่เก่า

ต้องยกมือไหว้ ขอโทษขอโพย เพราะไม่รู้ที่เข้ามาล่าหนูในเขตนี้ เพราะไม่รู้ตัว

ออกเดินใหม่อีกครั้ง หลุดพ้นเขตออกมาได้

ไม่เข้าไปอีกแล้ว

อีกกลุ่มหนึ่งที่เข้าไปในเขตบึงบ่างเพื่อเข้าไปส่องนก(ยิงนก) เดินกันไปเรื่อย คิดว่า กลางวันแดดเปรี้ยงๆ คงไม่มีอะไรหรอก

อากาศที่ร้อนอบอ้าว บรรยากาศที่เงียบสงบ ไม่มีนก ไม่มีเสียงอะไรร้องให้ได้ยินบ้างเลย

เงียบดีมาก

เดินจนเมื่อยขาแล้ว นั่งลงพักกัน

มีคนหนึ่งเดินออกจากกลุ่มเพื่อนไป ไม่หยุดพัก

หายไปสักครู่ใหญ่

กลับมาแล้ว

ในมือมีใบบัวที่ตักเอาน้ำมาฝากเพื่อนด้วย และบอกเพื่อนว่า

ใกล้ๆ นี่เองมีสระน้ำใหญ่ มีบัวเต็มเลย น้ำใส กินซะชื่นใจเลย ไม่รู้จะเอาอะไรตักน้ำมาฝาก ก็เลย เด็ดใบบัว ตักเอาน้ำมาฝาก

ในเมื่อน้ำไม่พอกินกัน

ก็เลยต้องพากันไปกินที่สระบัว

เดินหาไปเถอะ

ไม่เจอ

ไม่เห็น

ไม่มี

จะบอกว่าเพื่อนโกหก ก็ไม่ใช่ เพราะมันเอาใบบัวตักน้ำมาให้กินจริงๆ จะว่ามันอยู่ไกล ทำให้จำทางไม่ได้ก็ไม่น่า จะใช่ เพราะมันหายไปแปลบเดียว

โดนอีกแล้ว

วัดบึงบ่าง

ปัจจุบันทราบว่ามีพระรูปหนึ่งเดินทางมาจากไหนก็ไม่รู้มาที่แห่งนี้และเริ่มบูรณะ สร้างเป็นวัดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้คนที่พอรู้ เคยเห็น วัดนี้ในอดีต เล่าให้ฟังว่า

ก่อนนี้ วัดบึงบ่าง เป็นวัดที่ใหญ่ ใครๆ ก็ต้องไปทำบุญที่วัดนี้ วัดทุ่งโพธิ์ วัดดงตะขบ เป็นวัดเล็กๆ

นั้นคือวัดบึงบ่างในอดีต

      และช่วงเวลาหนึ่งเกือบร้อยปี วัดบึงบ่างก็เป็นหนึ่งใน 5,004 แห่งที่เป็นวัดร้าง

ก่อนจะมีพระรูปหนึ่งที่มาเริ่มบูรณะ สร้างวัดขึ้นมาใหม่ เรียกศรัทธาของชาวพุทธ อีกครั้ง

      แต่ชุมชนบึงบ่างไม่มีแล้วนี่ซิอาจเป็นปัญหาอย่างหนึ่งนะครับหลวงพ่อ

 

sekpornsawan  boonpetch

หมายเลขบันทึก: 382048เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2010 16:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม 2012 10:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท